บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2009

วิธีหาอวัยวะที่มีปัญหาผ่าน Foot Reflexology

รูปภาพ
จริง ๆ จะไปนอนแล้วค่ะ พอดีเรื่องนี้แว่บเข้ามาในหัว ก็ขอเขียนซะหน่อย เพราะไม่ยาวนัก เนื่องจากการบำบัดสิวของบีมเป็นแนวองค์รวมหรือ Holistic ซึ่งบีมเคยเขียนไปว่า ผิวบนหน้าของเราสามารถบ่งบอกถึงอวัยวะภายในได้ และอีกบริเวณก็คือ เท้าค่ะ แต่รูปส่วนใหญ่ที่ใช้ในการโฆษณามักจะใช้ฝ่าเท้า Reflex ตามที่ได้เปิดดูความหมายใน http://dict.longdo.com/search/reflex โดยรวมแล้วแปลว่า การสะท้อนกลับ นั่นคือ ผิวหนังและจุดต่าง ๆ บริเวณเท้าจะบ่งบอกถึงสุขภาพของอวัยวะภายในได้ค่ะ ดูตามรูปได้เลยสำหรับตำแหน่งที่สัมพันธ์กัน คราวนี้มันเกี่ยวยังไงกับสิว? การรักษาในแนวของบีม เป็นการบำรุงรักษาร่างกายให้มีสภาวะแวดล้อมเอื้อต่อการทำงานของร่างกาย และ ซึ่งจะเป็นการบำรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันไปในตัวค่ะ เมื่ออวัยวะภายในสุขภาพดี สิวจะค่อย ๆ หายไป ซึ่งการที่นำเอาการนวดหรือกดจุดกระตุ้นผิวบริเวณเท้าตรงตำแหน่งที่มีปัญหา ก็เป็นวิีธีที่ควรจะทำควบคู่กันไประหว่างทางการสร้างสุขภาพไปด้วยค่ะ เพราะตามแนวคิดของแพทย์แผนจีนนั้น ก็ถือว่า การกดจุด ถ้าหากกดได้ถูกต้อง ก็จะมีผลเทียบเท่ากับการฝังเข็ม การกดจุดจะช่วยหาตำแหน่งอวัยวะที่มีปัญหา โดย

เรื่องราวของบัวหิมะกับฉันในวันที่ 1

สัปดาห์นี้ขอออกแนวไดอารี่ทดลองบัวหิมะนะคะ ขอเรียกว่าเ็ป็นซีรี่ย์บัวหิมะก็แล้วกันนะคะ บีมพึ่งจะทานโยเกิร์ตบัวหิมะที่หมักเองหมดไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ลืมคนค่ะ ข้างบนเหมือนโยเกิร์ต เปรี้ยวอร่อย แต่ข้างล่างจืดนิดนึงค่ะ ไม่รู้ว่าเค้าให้คนรึเปล่านะคะ แต่คิดว่าคงคนได้ รอบหน้าจะคนก่อนกิน บีมทะนุถนอมแก้วบัวหิมะที่บีมเพาะอย่างกับอะไรดีค่ะ มันแอบหกเมื่อเช้านิดนึงเพราะรีบจะเอาข้าวให้หมากิน ศอกเลยไปชนหน่อย ๆ สำรวจความเสียหายแล้วไม่ร้ายแรงค่ะ น้องบัวยังอยู่ครบ ด้วยความที่เป็นคนชอบทดลอง อยากรู้อยากเห็น ก็เปิดดูฝาแก้วทั้งวันค่ะ และต้องสอดส่องตลอด เพราะแมวที่บ้านบีมจะนอนไปเรื่อย และเวลาเค้าเล่นกัน ข้าวของจะตกหมด พอเมื่อกี๊ กรองนมจะเอามาดื่ม ดีใจมาก...ที่เห็นน้องบัวเติบโต เพราะปกติเป็นคนมือร้อน เลี้ยงอะไรไม่เคยโตเลย แถมตายอีกค่ะ มันขยายเร็วนะคะ เมื่อวานประมาณ 10 เม็ดมั้ง วันนี้เหมือนเพิ่มประมาณ 1 เท่า ไม่รู้เพราะเอาไปอาบแดดด้วยกันที่หน้า้บ้านเมื่อเช้ารึเปล่าค่ะ อิอิ ส่วนที่หน้า วันนี้มันรู้สึกเปลี่ยนแปลงนะคะ คือหน้ามันดูใสสว่างยังไงก็ไม่รู้ หน้าไม่แดงด้วย ปกติแล้วช่วงร้อนๆ บ่าย ๆ รอยสิวบีมจะแดง วัน

ประสบการณ์ถอนพิษร้อนและหวัดด้วยอาหารฤทธิ์เย็น

จะเขียนเรื่องนี้มาหลายวันแล้วค่ะ เพราะตื่นเต้นที่สิ่งที่เป็นทฤษฎีร้อน-เย็น หยินหยางมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยค่ะ ที่เขียนนี้ก็จะขอ confirm ว่าทฤษฎีร้อนเย็นนี้ไม่ใช่คำพูดงดงามทางวิชาการค่ะ แต่เป็นสิ่งที่เอามาใช้ได้จริง เรื่องมันเริ่มว่า ... ตอนที่บีมกลับมาจากมาเลเซีย บีมตั้งใจว่าจะต้องขับเอาพิษที่กินจากอาหารฤทธิ์ร้อนที่ได้กินเข้าไปแบบมโหฬาร (กินทุกวัน มื้อหนักซะด้วยค่ะ) ออก ประกอบกับซื้อหนังสือของหมออู๋มาด้วย ก็อยากลองสูตรที่เค้าเขียน ในวันแรกที่ล้างพิษ บีมยังดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ปกติอยู่ค่ะ แต่พอเช้าวันที่ 2 บีมโขลกขิงแก่ 7-8 แว่น เมล็ดพริกไทยดำประมาณ 8 เมล็ด แล้วก็กระเทียมสับอีก 7 กลีบ โขลกจนเข้ากันดีแล้วใส่ลงไปในน้ำปั่นผักผลไม้สูตรปกติ! รสชาติ...เผ็ดร้อนมากกกก ปั่นออกมาได้ 2 แก้วใหญ่ค่ะ ก็เสียดาย อีกถ้วยนึงเลยเก็บในตู้เย็น แก้วแรกกินด้วยความกระอักกระอ่วน แต่ก็นะ ขอลองหน่อย ก็กินจนหมด บีมรู้สึกเลยว่า 1 ชั่วโมงผ่านไป ตัวเริ่มอุ่นละ อุ่นมาถึงมือเลยค่ะ 2 ชั่วโมงผ่านไป เริ่มมีน้ำมูกใส ๆ ไหล 3 ชั่วโมงผ่านไปเริ่มเจ็บคอ เอ๊ะ นี่มันอาการอะไรเนี่ย หวัดเหรอ? แต่ก็นึกถึงหมอเขียวนะคะว่า อาการหวัดคือ

วันที่ 1 ของการใช้บัวหิมะทั้งทาหน้าและดื่ม

วันที่ 1 บีมจะนับเป็นเมื่อวานเลยนะคะ เพราะเป็นวันแรกที่แกะกล่องแล้วใช้เลย ผลจากการกิน บีมกินนมทันทีหลังจากที่กรองเอาเมล็ดบัวหิมะออกค่ะ ซึ่งดื่มตอนท้องว่าง ปกติบีมเป็นคนแพ้นมวัว บีมเลิกกินนมวัวมาหลายปีมากแล้วค่ะ รู้สึกจะตั้งแต่ตอนขึ้น ม.ปลายได้ เพราะสังเกตตัวเองมาตลอดว่า ถ้ากินนมวัวจะท้องเสียทั้งวัน แต่ถ้าเ็ป็นนมถั่วเหลืองจะไม่เป็นอะไรเลย ตอนแรกก็กังวลว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า เพราะหมักจากนมวัว อันที่จริงแล้ว ก็เคยถามคุณ Seppo ไปในกระทู้ Clear Space ของเค้าค่ะว่า นมหมักจากบัวหิมะเนี่ย จะกระทบอะไรกับสิวมั้ย เค้าก็บอกว่า นมหมักแล้วจากบัวหิมะ โมเลกุลหลายตัวในนั้นจะเปลี่ยนไปค่ะ สารที่ทำให้เราแพ้และกระตุ้นให้สิวขึ้นก็ไม่มีแล้ว เพราะเจ้าจุลินทรีย์ที่ีประโยชน์เหล่านั้นเค้าย่อยไปแล้วค่ะ โมเลกุลนมก็เล็กลงทำให้เรารับสารอาหารได้มากขึ้น และพอมาพิสูจน์กินเอง ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ่ ไ่ม่มีอาการท้องอืด ท้องเสีย ท้องเฟ้อใด ๆ ค่ะ แต่จะมีแบบปวดเหมือนอยากเข้าห้องน้ำหน่อย ๆ แต่พอไปเข้าก็ยังไม่ออกนะคะ เหมือนกับว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ในท้อง แต่ช่วงสามทุ่มก็ต้องเข้าค่ะ แต่ก็ถ่ายปกติ ไม่ได้ท้องเสียอะไร และ

ขั้นตอนการเพาะน้องบัวหิมะ

รูปภาพ
วันนี้บีมได้รับกล่องพัสดุจากคุณกานต์พิชาแล้วค่ะ แกะกล่องออกมาก็มีขวด 2 ขวดนี้อยู่ข้างใน แต่น แต้น... ด้านซ้ายเป็นโยเกิร์ตที่สั่งมาเพื่อพอกหน้าโดยเฉพาะค่ะ อันนี้ห้ามกิน ส่วนด้านขวาเป็นบัวหิมะในนม ซึ่งหมักมาแล้วค่ะ ขวดแรกนั้น คุณกานต์พิชาบอกว่า ต้องเอาเข้าตู้เย็นก่อน 3 ชั่วโมงจึงจะเอามาพอกได้ค่ะ ส่วนขวดที่สองนั้น จะต้องเอามาเพาะใหม่ค่ะ และก็ต้องเขียนเมลไปถามคุณกานต์อีกรอบเพื่อความชัวร์ เพราะเป็นคนปลูก หรือเลี้ยงอะไรไ่ม่ค่อยขึ้น กลัวจะตาย อิอิ และแล้วก็ไปเตรียมอุปกรณ์มาค่ะ มีดังนี้ เชื้อบัวหิมะในขวด กระชอน แก้ว นม (คุณกานต์แนะนำว่าควรเป็นยี่ห้อนี้ หรือโฟรโมตสีส้มก็ได้ค่ะ) และน้ำดื่มสะอาด ห้ามมีคลอรีนหรือสารอื่นปน กรองเอาน้ำนมหมักออกจากเม็ดบัวหิมะค่ะ ก็เทนมลงไปบนกระชอน ต้องแกว่งกระชอนไปมาเล็กน้อยนะคะ เพราะน้ำนมจะได้ลงไปหมดเหลือแต่เม็ดบัวหิมะ นี่ล่ะค่ะ หน้าตาน้องบัวของเรา (ที่บีมเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต เหอะๆ) เอาเทใส่แก้วค่ะ ตอนแรกจะฉีกกล่องนม แต่ไม่เอาละ เจาะเอาดีกว่า แล้วค่อย ๆ บีบนมเทใส่แก้วที่ีมีบัวหิมะอยู่ ใส่พอท่วมค่ะ (เห็นคุณกานต์เขียนว่า 100 ml ก็คือครึ่งนึงของนมกล่องนี้พอดี บีมเลยใ

บีมกินอะไรบ้าง ทุกวันนี้

รูปภาพ
คิดถึงจังเลยค่ะ เมื่อวานรู้สึกจะไม่ได้อัพเลยใช่มั้ยคะ วันนี้ตอนไปปั่นจักรยานตอนเช้า (ซึ่งสนุกกว่าวิ่ง) มีเรื่องที่อยากเขียนผุดขึ้นมาเต็มหัวเหมือนน้ำเดือดเลยค่ะ อะอะ เว่อร์เนาะ แต่มีเรื่องอยากเขียนเยอะจริง ๆ จนคิดว่าจะเรียบเรียงยังไงดีเนี่ย เมื่อวานนี้บีมพยายามจับ speed ตัวเองค่ะว่า จะแปลหนังสือได้ทั้งหมดกี่หน้าโดยไม่มีสิ่งรบกวนใน 1 วัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งรบกวนเพียบ อะอะ ก็ทำได้ 8 หน้าสำหรับเมื่อวาน วันนี้ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องบล็อกนี่ล่ะค่ะ เลยยังไม่ได้แปลต่อ จะรีบมาเขียนเอาความอัดอั้นทิ้งไปก่อน (อัดอั้นที่ไม่ได้เีขียน) แล้วถึงจะมีสมาธิแปลหนังสือต่อ ตั้งแต่หลังจากที่บีมได้อ่านหนังสือของหมออู๋จบ บีมก็รู้สึกว่า เออนะ บีมกินอาหารซ้ำไปซ้ำมาหลายสัปดาห์ละ บีมอยากกินให้มันหลากหลายบ้าง ไม่งั้นเบื่อแย่ (บีมเกิดปีกุนค่ะ จริง ๆ แล้วเป็นคน enjoy การกินมาก ๆ ถ้ากินซ้ำ ๆ อาจเบื่อได้) และบีมไม่ได้ออกไปตลาดบ่อยนัก เพราะติดภารกิจ แต่ด้วยความรู้สึกว่า ต้องออกไปแล้วล่ะ ไม่งั้นก็ต้องรบกวนแม่กับคุณยายนวลให้ไปซื้อผักผลไม้แถว ๆ นี้ให้อยู่เรื่อย ซึ่งมันก็จะได้ผลไม้กับผักเดิม ๆ ค่ะ เพราะตลาดไม่ใหญ่ เป็นตลาด

หลักการกินอาหาร (อัพเดท) เพื่อรักษาสิว

หลังจากที่ีบีมได้มีประสบการณ์ในการทดลองรักษาสิวของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแ้ล้วนะคะ ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งอินเตอร์เน็ต และ หนังสือแนวธรรมชาติบำบัดที่ซื้อมา บีมขอสรุปรวบยอดอีกครั้ง และคิดว่าสูตรนี้่น่าจะคงตัวที่สุดแล้วค่ะ เพราะบีมทานดูแล้ว มีำกำลังดี ไม่หิวโซ ไม่หงุดหงิด แถมดีต่อผิวเป็นสิวด้วยค่ะ จริง ๆ แล้วการกินในแบบที่กำลังจะบอกนี้ เหมือนกับยิงนกครั้งเดียว ได้นกมากกว่า 2 ตัวแน่นอน ที่ได้นะคะมีเรื่อง ผิวพรรณและความงาม สุขภาพสมบูรณ์ อารมณ์คงที่ (แสดงว่าฮอร์โมนเริ่มไม่แปรปรวนนะคะ) ป้องกันโรคหลายโรคได้มากมาย เป็นหมอรักษาตัวเอง รู้หลักธรรมชาิติบำบัดด้วยตัวเองค่ะ สำหรับเด็ก ๆ อาจจะยังไม่สนใจเรื่องสุขภาพมากนักนะคะ เพราะยังไม่ค่อยมีโรคอะไรปรากฎให้เห็นเด่นชัด แต่ในฐานะพี่คนหนึ่ง ที่เคยใช้ีชีวิตมาแบบทรมานสังขารตัวเองสุด ๆ และเห็นเพื่อน ๆ ที่ใช้ชีีวิตกันแบบสุด ๆ แล้วผลลัพธ์มันเป็นยังไง ก็อยากจะบอกว่า ถ้าหากน้อง ๆ ได้ดูแลตัวเองตามแนวที่ว่านี้ แม้จะยังไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ หน้าเด็ก ๆ ของน้อง ๆ จะอ่อนเยาว์ได้แบบนั้นนานเท่านานนะคะ เหมือนกับเอาหน้าไปใส่ช่องฟรีซ ไม่ให้มันเหี่

เรื่องราวของบัวหิมะ (ซึ่งบีมกำลังจะทดลองในไม่ช้าค่ะ)

จากที่น้อง Vorakorn ได้สอบถามเรื่องบัวหิมะมา ว่าบีมเคยใช้มั้ย? ตรงนั้น เ็ป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บีมค้นหาข้อมูลต่อค่ะ ว่าเจ้านี่มันคืออะไร จุดเริ่มต้นอยู่ที่เว็บนี้ค่ะ http://kefirthailand.exteen.com/ พอเ้ข้าไปดู ไปอ่านคอมเม้นท์ค่ะ ก็คิดว่า "อืม....น่าสนใจดีจัง" เพราะมันเข้า concept บีมพอดีว่า ต้องใช้หลักธรรรมชาติ ใครที่ยังไม่เคยรู้จัก Kefir หรือบัวหิมะ บีมเล่าให้ฟังคร่าว ๆ นะคะ (แต่บีมว่า บีมรู้เรื่องนี้ช้ากว่าคนอื่นหลายขุม อิอิ) บัวหิมะนี้เป็นเชื้อประเภทเดียวกับเห็ดหรือยีสต์ค่ะ ซึ่งคนตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เค้าจะเอามาหมักนมแล้วดื่ม เพราะจะเป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีให้กับร่างกาย โดยปกติแล้ว จากข้อมูลในหนังสือ "ธรรมชาติช่วยชีวิต" โดย Dr. Tom Wu ผู้ใช้น้ำปั่นผักผลไม้สด ปั่นละเอียดด้วยเครื่องปั่น 3 แรงม้าขึ้นไป รักษาตัวเองจนหายขาด ได้บอกว่า ในลำไส้ของคนเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ทั้งดีและไม่ดีอยู่ปนกันค่ะ ซึ่งน้ำหนักโดยรวมของพวกมันทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2 กก. เยอะมากนะคะนั่น ซึ่งคนที่เป็นสิว หรือเป็นโรคเรื้อรัง จะมีเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ไม่ดีมากกว่าตัวที่ดีค่ะ ใครยิ่

เข้าใจหลักกระบวนการถอนพิษ

กลับมาจนได้ค่ะ อิอิ กลับมาก่อนกำหนด เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากค่ะ แต่เป็นช่วงที่ทำร้ายร่างกายสุด ๆ เมื่อวานนี้บีมต้องแกร่วที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะเที่ยวบินล่าช้าค่ะ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยเข้าร้านหนังสือ จะไปดูซะหน่อยว่าหนังสือเกี่ยวกับสิว ความงาม หรือสุขภาพมันมีอะไรอัพเดทมั่ง (จะได้เอามาอัพเดทตัวเองและเพื่อน ๆ กันไงคะ) และแล้ว สายตาก็สอดส่องไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ขอบอกว่า คุ้มค่ามาก ๆ ที่ซื้อมา เอาไว้เดี๋ยวบีมค่อยเขียน review แยกไปนะคะสำหรับหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมันมีข้อมูลที่เป็นจิ๊กซอว์อีกอันหนึ่งที่ทำให้บีมเชื่อมั่นและเข้าใจว่า ร่างกายมีหลักการถอนพิษและรักษาตัวเองอย่างไรค่ะ สิ่งที่บีมและเพื่อน ๆ หลายคนต้องเคยได้ยินได้ฟังมาแน่ ๆ ก็คือ มันขับพิษออกมา รอให้มันขับสิวออกมา อย่าไปหยุด แต่ก่อนนี้ ทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม แล้วเริ่มมีสิวขึ้น บีมไม่เคยแยกออกค่ะว่า อะไรคือสิวแพ้ อะไรคือสิวขับ ตอนนี้มีประสบการณ์แล้ว แม้จะไม่มาก แต่คิดว่า เรื่องของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทำให้มันดูซับซ้อนมากนัก เราใช้ common sense กันก็พอแล้วค่ะ ร่างกายต้องการอะไรง่าย ๆ ขอแค่เราฟังเค้าก็พอ นอกนั้น เค้าจะจัดกา

เค้าว่ากันว่า บีมไม่ได้เป็นสิว แต่เป็นริดซี่ (ริดสีดวงที่หน้าค่ะ) มาอ่านกันเร้ว...

อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว จริง ๆ อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ นะคะ จริง ๆ แล้วมันอยู่ได้ 1 เดือนแหละ แต่ว่าด้วยความจำเป็น เราก็ต้องกลับเร็ว แต่อยู่ที่นี่มันจะไม่ได้ทำงานน่ะสิคะ อะอะ เพราะเครื่องนี้ เดี๋ยวคุณแฟนก็ต้องเอาไปใช้ทำงาน มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ มีเรื่องจะเล่าเยอะนะคะ เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า เรื่องนี้ฮาดี เกี่ยวกับเรื่องสิวและผิวนี่แหละ คนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีสิวกันค่ะ คือ กินอะไรก็สิวไม่ขึ้น เค้าเห็นบีมปั่นผลไม้กับผักกิน คุณว่าที่แม่สามีก็งง ๆ ว่า เธอทำอะไรกินเนี่ย อร่อยมั้ย แล้วต้องใส่อะไรอีก และก็ไม่มีใครกล้ากินกับบีม 555+ ตอนไปวัด เพื่อนคุณแม่ก็บอกว่า ลองไปหาหมอที่ลูกเค้าไปดูมั้ย มี 2 คนไปแล้วหายนะ แต่เป็นผู้ชายทั้งคู่เลย (คนที่นี่เค้าผิวดีค่า สิวเสอวไม่เป็นกัน กินอะไรก็ได้) บีมก็เลยถามว่า "หมออะไรคะ" (ในใจกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นหมอแบบที่เราเคยไปหา) เค้าบอกว่าเป็นหมอจีน และอาการของเราเนี่ยนะ มันไม่ใช่สิวแล้ว มันเป็น "ริดสีดวงบนหน้า" โอ๋ยโย๋...งงไปเลยค่ะ งานนี้ ริดสีดวงบนหน้าคืออะไรล่ะเนี่ย (เพราะคำที่นี่หลาย ๆ คำ บีมก็ต้องแปลอีกนะว่ามันแปลว่าอะไร) คือ บ้านนี้เนี่ย เค

ความคืบหน้าของบีมหลังจาก 1 เดือนตามแนวธรรมชาติบำบัด

จริง ๆ แล้วบีมแอบรู้สึกดีมาได้สัก 2-3 วันแล้วล่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสจะได้มานั่งเขียนบล็อกค่ะ และยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีกเมื่อวันนี้ได้มานั่งอ่านเรื่อง Understanding the detox and healing process (ทำความเข้าใจกระบวนการดีท็อกซ์และการฟื้นฟูร่างกาย) ในหนังสือ Clear For Life ของ Seppo เพราะมันย้ำให้บีมรู้ว่า บีมน่ะมาถูกทางแล้วค่ะ ที่บีมต้องบอกแบบนี้ ไม่ใช่ว่าสิวบีมไม่หายนะคะ มาดูกันค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของบีมบ้างตั้งแต่บีมเริ่มกระบวนการ "ปฏิวัติความคิด พิชิตสิว" ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว Seppo ให้เกณฑ์วัดมาทั้งหมดดังนี้ค่ะ เพื่อใช้วัดว่า เรามาถูกทางแล้ว บีมจะบอกเป็นข้อ ๆ เลยนะคะ ว่าตัวบีมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คุณรู้สึกดีมากขึ้น ใช่ค่ะ บีมรู้สึกดีมากขึ้นทุกวัน และไม่เคยผิดหวังเลยที่ได้ปรับวิถีการกินและวิถีการคิดมาเป็นแบบนี้ บีมมีความสุขกับการที่ไม่ต้องใช้โรลออนอีกต่อไป (รู้สึกมันจะหายประมาณสัปดาห์ที่ 3 นะคะ) ไม่ต้องมีคราบอะไรติดที่เสื้ออีกแล้ว ไม่ต้องซื้ออาหารเสริมราคาแพงอีกต่อไป ไม่ต้องใช้ยาหมอ รู้สึกว่า เราเป็นเพื่อนที่ดีและให้สิ่งที่ดีกับร่างกายของเรา ผิวแขนเนียนละเอียด ผิวหน้

กินเพื่อสุขภาพอย่างไรไม่ให้ผอมเกินไป

วันนี้ ยังไม่ได้ออกไปไหนค่ะ เลยมีเวลามาดูข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องหลักการเลือกอาหาร และ มีเวลามานั่งเขียนบล็อกค่ะ เพราะว่ารู้สึกติดค้างกับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้เขียน ก็เลยขอซะนิดนึง ก่อนอื่นขอเกริ่นนิดค่ะว่า ทำไมจะต้องเขียนหัวข้อนี้ด้วย ตัวบีมเองและเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่อาจจะเริ่มการกินอาหารในแบบสุขภาพเพื่อดูแลปัญหาสิว อาจจะมีน้ำหนักตัวลดลงไปมากนะคะ ของบีมเอง ผอมอยู่แล้ว ลดลงไปประมาณ 3 กิโลกรัมได้ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งบีมรู้สึกว่ามันมากเกินไป (ใครอยากลดความอ้วน กินแบบนี้แหละค่ะ อะอะ ได้ผลดีนักเชียวล่ะ) บีมก็เลยต้องหาวิธีการว่าจะกินยังไงให้น้ำหนักเพิ่มและไม่ทำให้สิวขึ้นด้วย ซึ่งตอนนี้บีมกำลังกลับมากินอาหารปกติ และเพิ่มอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ข้าวขาว มันบด เป็นต้น แต่ต้องพยายามทำให้มื้อเช้ากับมื้อเย็นนั้นเป็นผักและผลไม้ ส่วนระหว่างวัน ก็ค่อยปรับตามความสมดุลเอาค่ะ เดี๋ยวบีมค่อยพล่ามวิธีการกินของตัวเองในอีก post นะคะ อันนี้ขอเอาหลักการมาให้เพื่อน ๆ ศึกษากันนิดนึง ก่อนที่เพื่อน ๆ จะเริ่มกินแบบธรรมชาติเพื่อรักษาสิวนี้ ต้องชั่งน้ำหนักของตัวเองก่อนนะคะ จดเอาไว้ว่าเท่าไหร่ ต่อมา จะต้องทำการตัดส

ไดอารี่ประจำวันที่ 16 กันยายน 52

พึ่งตื่นจากงีบหลับไปพักนึงค่ะ หลังจากที่ไปตะลอนทัวร์กับคุณแฟนทั้งวัน วันนี้บีมติดสอยห้อยตามเค้าไปทำงานด้วยค่ะ พอดีว่าเค้าทำงานเป็น consult ทางด้านสื่อ สิ่งพิมพ์ ก็เลยมีเวลายืดหยุ่น ด้วยความเพลียสะสมตั้งแต่ตอนดูแลคุณยายที่ผ่านมา กับ การเดินทางตลอดวันเมื่อวานนี้ วันนี้บีมนอนทั้งวันจริง ๆ นอนบนรถตอนเค้าไปเจอลูกค้า เหอะ ๆ เมื่อวานมาถึงก็ดึกแล้ว วันนี้บีมก็เลยต้องกินอาหารปกติมากหน่อย เพราะมันกินแบบที่เรากินอยู่บ้านไม่ได้ ก็หวังว่าพรุ่งนี้จะเจอเครื่องปั่น เพราะวันนี้หลังจากดูหนังกับทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ไประดมซื้อผักกับผลไม้ซะเลย ที่ตกใจคือ มีมะระขายด้วย อะอะ ไม่คิดว่าจะมี ซื้อมาหลายอย่างมากขอบอก เพราะมันต้องกินทุกวันไงคะ แต่วันนี้ขอบอกว่า คาร์โบเกือบ 80% ได้ จริง ๆ แล้วแอบทรมานตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละ อะอะ เพราะว่า เรากินอะไรแบบนี้ มันหาของกินยากจริง ๆ แต่ดีที่ไปพักที่สุวรรณภูมิแป๊บนึง ก็เลยได้กินปลาแซลมอนซึ่งเป็นโปรตีนได้ 1 มื้อเต็ม ๆ ก่อนนั้นก็กินผลไม้ปั่นแบบไม่มีน้ำตาลน่ะค่ะ แต่มันก็สู้เราทำเองไม่ได้หรอก...แต่ก็ขอให้มันเขียนว่าไม่ใส่น้ำตาลก็แล้วกัน ไม่ใส่อะไรทั้งนั้น ขอรสธรรมชาติ ยิ่งที่มาเ

ไดอารี่ประจำวันที่ 14 กันยายน 52

รูปภาพ
เมื่อวานนี้วันเกิดคุณยายค่ะ คุณยายที่บีมบอกว่าจะต้องผลัดเวรกันลุกมาดูแลท่านช่วงกลางคืนนี่แหละ เพราะท่านพลิกตัวเองไม่ได้ เื่มื่อวานนี้ก็ครบรอบ 79 ปีพอดี ก็ทำเป็นการเป่าเค้กเล็ก ๆ มีเงินถุงมอบให้นิดหน่อยค่ะ หลังจากจบเพลง ท่านก็ตบมือด้วยยิ้มด้วย เห็นแบบนี้ แม้จะเหนื่อยกับการดูแลเค้าบางครั้ง แต่ก็มีความสุขนะ เห็นแล้วก็หายเหนื่อยไปเลย เมื่อวานนี้ยุ่งวุ่นวายมาก ๆ ไม่ค่อยได้นั่งทำงานที่โต๊ะเพราะช่างไฟมาต่อไฟ ทำนู่นทำนี่กันทั้งวัน บีมเลยต้องไปนั่งชิว ๆ อยู่หน้า้บ้าน อ่านนู่นอ่านนี่ไปเรื่อย พอตกเย็น ก็เอางานแปลที่น้องจุ๊ได้ส่งมาให้ มาลงบล็อกเพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้เพื่อน ๆ ต่างชาติได้อ่านกันด้วย เค้าอาจจะมีข้อมูลเยอะแล้วแหละ แต่บีมคิดว่าการอธิบายด้วย Yin Yang มันก็คงจะแปลกใหม่ไปอีกแบบค่ะ แต่เมื่อวานนี้เกิดความตื่นเต้นและอยากจะเีขียนบล็อกช่วงกลางคืนเหลือเกิน แต่ก็ต้องไปนอนก่อนไม่งั้นเกิดต้องลุกมาตอนตี 1 ก็คงจะเพลียมากมาย สิ่งที่อยากจะเอามาแชร์ก็คือ 2 วันก่อน บีมไปกินนู่นกินนี่ จนทำให้ตอนเย็น รู้สึกคันผิว คันสิวที่หลงเหลืออยู่ที่ควรจะยุบไปอย่างมากมาย และหน้ามันจะร้อน ๆ ก็รู้เลยว่า สงสัยเป็นเพราะอาห

Epigenetics ผ่าเหล่า "พันธุ์สิว" เป็นไปได้อย่างไร มาดูกัน

ฟังชื่อหัวข้อ อาจจะน่ากลัวดูสักหน่อย แต่บีมจะบอกว่า หัวข้อนี้จะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนหลาย ๆ คนจากหดหู่ให้มีความหวังขึ้นมาได้ ไม่ใช่แค่มีความหวังริบหรี่ แต่มีหวังว่าจะเป็นผู้พิชิตสิวได้จริง ๆ ค่ะ เมื่อคืน บีมว่าจะนอนเร็ว แต่แล้วต้องมีเหตุให้เลื่อนเวลานอนออกไปอีกนิด เพราะดันไปเปิดข่าวสารอัพเดทที่คุณ Seppo ส่งเข้ามาให้สมาชิกที่ไปสมัครไว้ที่เว็บของเค้าได้อ่านกันฟรี ๆ (เดี๋ยวนี้หายใจเข้าออกก็ Seppo เนาะ อย่าพึ่งเบื่อนะคะ ผู้ชายคนนี้มีข้อมูลใหม่ ๆ เยอะแยะเลย ขอบอก) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Epigenetics นั่นแน่ งงล่ะสิว่ามันคืออะไร ใครรู้ก็ขอให้เอาน้ำออกจากแก้วสักนิดนะคะ แล้วลองเปิดใจอ่านดูก่อน ถูกผิดก็ค่อยเอาไปคิดไปย่อยกันอีกทีค่ะ จาก It’s all genetics and nothing you can do about it… or is it? http://www.natural-acne-solution.com/support-files/acne101-genes.pdf ที่บีมนั่งอ่านด้วยความสนใจปนความง่วงเมื่อคืนนั้น คำว่า Epigenetics นี้ คือ การศึกษาเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงของยีนส์ ศาสตร์นี้เป็นศาสตร์ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าได้ค้นพบต่อเนื่องมาจากการค้นพบการถอดร

Review for Clear For Life Book

รูปภาพ
May I take this chance to provide my point of view toward this book? Firstly, please open your mind and put your bias out. I'm not trying to sell this book to you. Please just think that I was in the same destiny as acne victim before and I truely understand how you feel in the hopeless healing world full of medication and chemical substances. Before I found Seppo's Clear For Life book, I had already believed that nature was the answer for my acne problem as I got rid off the allergic pimples by applying egg yolk on my face for 2 nights. That amazed me alot and I did some more research and found http://www.natural-acne-solution.com/ by Seppo, the author of the book. Mr. Seppo Puusa, The Author of Clear For Life I was impressed by firm and sensible information about acne which answering most of my questions about acne provided on the website. Then I decided to purchase his book online. I started reading and following the step. Just only few chapters, I felt the difference on my