เค้าว่ากันว่า บีมไม่ได้เป็นสิว แต่เป็นริดซี่ (ริดสีดวงที่หน้าค่ะ) มาอ่านกันเร้ว...
อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว จริง ๆ อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ นะคะ จริง ๆ แล้วมันอยู่ได้ 1 เดือนแหละ แต่ว่าด้วยความจำเป็น เราก็ต้องกลับเร็ว
แต่อยู่ที่นี่มันจะไม่ได้ทำงานน่ะสิคะ อะอะ เพราะเครื่องนี้ เดี๋ยวคุณแฟนก็ต้องเอาไปใช้ทำงาน มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
มีเรื่องจะเล่าเยอะนะคะ
เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า เรื่องนี้ฮาดี เกี่ยวกับเรื่องสิวและผิวนี่แหละ
คนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีสิวกันค่ะ คือ กินอะไรก็สิวไม่ขึ้น เค้าเห็นบีมปั่นผลไม้กับผักกิน คุณว่าที่แม่สามีก็งง ๆ ว่า เธอทำอะไรกินเนี่ย อร่อยมั้ย แล้วต้องใส่อะไรอีก และก็ไม่มีใครกล้ากินกับบีม 555+
ตอนไปวัด เพื่อนคุณแม่ก็บอกว่า ลองไปหาหมอที่ลูกเค้าไปดูมั้ย มี 2 คนไปแล้วหายนะ แต่เป็นผู้ชายทั้งคู่เลย (คนที่นี่เค้าผิวดีค่า สิวเสอวไม่เป็นกัน กินอะไรก็ได้)
บีมก็เลยถามว่า "หมออะไรคะ" (ในใจกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นหมอแบบที่เราเคยไปหา)
เค้าบอกว่าเป็นหมอจีน
และอาการของเราเนี่ยนะ มันไม่ใช่สิวแล้ว มันเป็น "ริดสีดวงบนหน้า"
โอ๋ยโย๋...งงไปเลยค่ะ งานนี้ ริดสีดวงบนหน้าคืออะไรล่ะเนี่ย (เพราะคำที่นี่หลาย ๆ คำ บีมก็ต้องแปลอีกนะว่ามันแปลว่าอะไร)
คือ บ้านนี้เนี่ย เค้าก็เป็นห่วงเราไงคะ เพราะครั้งที่แล้วที่เค้าเห็นเนี่ย เป็นช่วงสิวเห่ออย่างแรงหลังจากเลิกใช้ BP มาครั้งนี้ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่เค้าไม่เคยเป็นสิวเนาะ เค้าก็แยกไม่ออกว่า อันไหนรอยสิว อันไหนเป็นสิวแบบไหน และแบบไหนกำลังจะหาย
จริง ๆ แล้ว บีมไม่มีการคันแล้วล่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ บีมกินแป้งเยอะด้วย (เพราะอาหารที่นี่มีแป้งกับไขมันเยอะมาก แต่อร่อยอ่ะค่ะ ไม่กินก็เกรงใจเค้า นาน ๆ มาที ก็เลยจำเป็น อิอิ)
วันนั้นที่ไปวัด เค้าก็ยื่นขนมทอด ๆ มาให้ ไปบ้านไหนก็มีขนมทอด ๆ ทั้งนั้นเรย ฮือๆ เห็นแล้วก็อยากร้องไห้นะ อะอะ เพราะที่ทำมา สงสัยจะมาหมดเอาคราวนี้ (สิวไม่หายอีกแล้วตู หลังจากที่อดนอน)
ช่วงนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ "ฮารี รายา" ของชาวมุสลิมค่ะ (แต่ครอบครัวของคุณแฟนเป็นครอบครัวจีนค่ะ) ซึ่งเค้าก็จะมีขนมเป็นแบบแป้ง ๆ มัน ๆ กันล่ะค่ะ นะ...
ก็ได้แต่ทำใจ...
อ้อ...ขอเล่าก่อนว่า ในที่สุด ด้วยความที่ปฏิเสธคนไม่เป็น และอยากรู้ว่าหมอจีน กับ โรคริดสีดวงบนหน้าเนี่ย เค้าจะตรวจยังไง
ในที่สุด ก็ไป 55+
คนไม่เยอะแฮะ ไปก็ได้เข้าเลย
ว่าที่คุณแม่สามีกับเพื่อนคุณแม่ เข้าไปกับเราด้วย เพราะหมอไม่ได้พูดไทย และไม่แน่ใจว่า พูดอังกฤษแล้วมันจะเข้าใจกันมั้ยอ่า
บีมก็ชี้ ๆ หน้าตัวเอง แล้วก็นั่งค่ะ
หลังจากนั้น เฮียก็ละเลงพูดภาษาจีนกับคุณแม่และเพื่อนคุณแม่เลยค่า....แหง่ว
สรุปบีมไม่รู้เรื่องไรเลย เหอๆ
แหม่่ นึกว่าจะต้องฝังเข็มอะไรด้วย สรุปว่า เค้าแค่ฟังการเต้นของหัวใจ และ วัดความดัน
แอบผิดหวัง 555+ แต่ก็นะ ฟังไม่รู้เรื่อง คุยไม่ได้ ก็แบบนั้นแหละ อะอะ
พอออกจากห้องมา บีมเลยให้คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเค้าพูดอะไร
คุณแม่เค้าบอกว่า แม่เล่าให้เค้าฟังว่าเราน่ะกินแต่ผักและผลไม้ ไม่ค่อยกินข้าวกินกับอะไรเลย
หมอบอกว่า "กินแบบนั้นก็ดีแล้วนะ กินผักผลไม้เยอะๆ"
บีมก็ถามว่า แล้วสรุปว่าบีมเป็นอะไรคะเนี่ย (ตูมาตรวจ ยังไม่รู้เลยว่าตูเป็นไร อะอะ)
คุณแม่ก็บอกว่า ก็เป็นริดสีดวงบนหน้านั่นแหละ
เงอ...เง็ง... แต่ก็เอาวะ เหอะๆ
แล้วก็ไปเอายา (จนได้) เค้าจัดมาให้ 2 ชุดเลยค่ะ เพราะบีมมาหาเค้าอีกรอบไม่ได้แล้ว จริง ๆ อีก 1 สัปดาห์ต้องมาอีก แต่ทำไม่ได้ จะกลับแล้ว
เค้าบอกว่า หมดชุดนี้ก็หายชัวร์ค่ะ 2 สัปดาห์ (ในใจแอบคิดว่า ถ้าวิเศษแบบนั้นก็ดีจิ อิอิ หวังว่าคงไม่ต้องมาหาอีกนะ)
คือ บีมบอกคุณแม่ไปแล้วว่า บีมเคยรักษากับหมอที่เมืองไทย แล้วหน้ามันติดยา เราต้องกินตลอด ที่นี่จะเป็นมั้ยคะ คือ ก็บอกเค้าว่าไม่อยากไปหาซ้ำ ๆ นะ บอกเค้าแต่แรกแล้วว่าไม่เอา
แต่เค้าก็บอกว่า 2 คนนั้นที่ไปหา หมด 2 ชุดนี้ก็ไม่เห็นต้องไปอีก
ทั้งหมดก็พันกว่าค่ะ มียากิน 3 ตัว (เนื่องจากคุยภาษาจีนไม่ได้ เลยไม่ได้ถามว่ายาอะไร คือมันตื้อไปหมดอ่ะค่ะ คงเข้าใจความรู้สึกเนาะ :-) และก็มีทาหน้าอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นเจลใส ๆ ตลับนิ้ดเดียว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ยาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยจะเป็นยาตัวเดียวกับทาริดสีดวงที่ตูดรึเปล่าเนี่ย 55+ จะยาอะไรก็ช่างมันเถอะ 2 สัปดาห์เองง่ะ ลองใช้ไปก่อนแล้วกัน
ที่เค้าเล่ามา แล้วทำให้บีมสนใจก็คือ เค้าบอกว่า บีมเป็นคล้าย ๆ ไซนัส อาการแบบแพ้อาหารง่าย กินอะไรแสลง ๆ ไม่ได้ มันจะต้องมีตุ่มขึ้น เค้าเลยฟันธงกันว่า นี่ไม่ใช่สิวชัวร์
อ้อ แล้วเมืองที่บีมมานี่ (ที่ครอบครัวแฟนอยู่) มันเป็นต่างจังหวัด (ที่ใหญ่มากค่ะ) และที่นี่ จะไม่มีหมอคอมเมอร์เชียล (ขายคอร์ส) แบบบ้านเราน่ะค่ะ และพอดูจากคลินิกแล้ว ก็คิดว่า ยังไง ๆ ก็ไม่ใช่แบบคอมเมอร์เชียลแน่ ๆ เป็นแบบรักษาโรคอ่ะค่ะ ยาก็กินแค่วันละหนเองง่ะ ไม่มีอะไรคอมเมอร์เชียลเลย คือแบบ ถ้าเอ็งหายก็ดีแล้ว จะได้มีคนมารักษาที่นี่อีก (เพราะเค้าไม่ได้โฆษณาไงคะ ดังนั้น เค้าจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อรักษาคนหาย เพราะนี่ที่บีมมาก็เป็นแบบปากต่อปาก)
ถ้าถามว่า 2 วัน (วันนี้วันที่ 3 ที่กินกับทายา) เป็นไงมั่ง (อ้อขอบอกว่า กินน้ำปั่นผักผลไม้ถ้วยใหญ่มาก ตอนเช้า กับ ตอนค่ำ ๆ ค่ะ เพราะระหว่างวัน ทานอะไรต่ออะไรมั่งก็ไม่รู้ ซึ่งอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย ฮ่าฮ่า เลยต้องดื่มน้ำปั่นผักผลไม้สดมาก ๆ หน่อยค่ะ มันจะได้ไม่มีของเสียตกค้างในลำไส้มากนัก ที่เราทำมาจะได้ไม่เป็นศูนย์ อิอิ)
บีมก็จะบอกว่า ยังบอกไม่ได้ ขอรอดูผลสัก 1 สัปดาห์ก่อน
ยานี่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับยาฆ่าเชื้อสิว หรือยาแก้อักเสบที่เคยกินนะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นยาจีนที่เอามาบรรจุใส่เม็ดรึเปล่า (น่าจะถามเนาะ คาใจจังเลย) คือ ยาไม่ได้มีกลิ่นหรือผลข้างเคียงเหมือนตอนกินยาหมอ (ที่เคยไปหาเมื่อก่อนเลยน่ะค่ะ)
แล้วก็อีกเรื่องที่อยากจะอัพเดทคือ บีมตื่นเต้นนะ ที่ตอนนี้สิวที่อกกับหลังไม่มีแล้วน่ะค่ะ ไม่มีจริง ๆ (แต่ถ่ายรูปโชว์แล้วเกรงว่าจะไม่งาม อิอิ ขอสงวนไว้ให้เฉพาะบุคคลแล้วกันนะคะ) ทั้ง ๆ ที่ในวันวันหนึ่ง บีมกินก๋วยเตี๋ยวเป็นชาม ๆ (แฟนพาไปร้านประจำอร่อย ๆ ที่เคยไปกินหลายร้านค่ะ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ขอกินหน่อยเถอะ) กินข้าวและก็กับข้าวปกติ (ซึ่งมักจะมันอ่ะ) แต่ก็พยายามกินปลานะคะ เพราะบีมต้องเพิ่มการกิน Omega 3 ซึ่งมันจะช่วยลดระดับ insulin resistance ลงไป (สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวเช่นกันค่ะ) ก็จะกินเป็นปลานึ่งค่ะ
ขอบอกว่าระหว่างวัน (ช่วงบ่าย) จะกินตามใจปาก เพราะ นาน ๆ มาทีและมาเที่ยว และก็ต้องพบเจอญาติ ๆ ของแฟนด้วย ถ้าไม่กิน มันก็กระไรอยู่ เค้าอุตส่าห์เอามาเลี้ยง วันนั้นก็ส้มตำ ข้าวเหนียว และ คอหมูย่างค่า เหอะๆ
แต่ก็จะกลับมากินน้ำปั่นผักผลไม้สดทุกคืนนะ สรุปว่ากินวันละ 2 ครั้งค่ะ แก้วใหญ่มาก เพราะไม่มีคนช่วยกิน อะอะ
ตอนนี้บีมเพิ่มระดับความเข้มข้นของน้ำปั่น โดยการใส่ผักสีเขียวลงไปอีกค่ะ แต่เดิมบีมจะมีแอปเปิ้ล สาลี่ มะเขือเทศ แตงกวา มะนาว คื่นช่าย น้ำผึ้ง
ตอนนี้ ลองผักโขม คื่นช่ายฝรั่ง (ก้านใหญ่มากๆ) แตงกวา นอกนั้นก็เหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ใส่แอปเปิ้ลหรือสาลี่ค่ะ ก็แล้วแต่ว่ามีอะไรเหลือ
น้ำออกมาเขียวสมใจ
ส่วนอาหารว่าง ถ้าบีมหิวน้ำ บีมก็กินมะเขือเทศสีดาไปเรื่อย ๆ หรือกินแตงกวาสด ๆ เพราะมันจะทำให้ลดความอยากอาหารพวกแป้งกับมันลงไปได้ และทำให้ลดการกระหายน้ำด้วยน่ะค่ะ แถมมีสารอาหารและใยอาหารด้วย ได้แบบ 4 อิน 1 มั้ง มากกว่าการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว
แต่ก็ดื่มน้ำนะ เพียงแต่ว่า เดินทางบ่อยอ่ะค่ะ ดื่มเยอะ ก็อยากเข้าห้องน้ำบ่อยอีกอ่ะ
สรุปว่า ทริปนี้สนุกค่ะ เพราะเรากินอาหารปกติได้โดยที่อาการสิวของเราไม่ทรุด อิอิ
แต่ขอบอกว่า ไม่ใช่สิวนะเนี่ย เป็นริดซี่ต่างหากล่ะ อิอิ
สรุปว่า ใครที่ตอนกลางวัน ต้องกินอะไรแบบที่ตัวเองควบคุมเมนูไม่ได้ อย่าซีเรียสนะ ขอให้มื้อเช้ากับมื้อค่ำ ได้กินผักและผลไม้สดปั่นถ้วยโต ๆ แก้วใหญ่ ๆ (ห้ามเก็บในตู้เย็นเกินกว่า 1/2 ชั่วโมงค่ะ) วันละ 2 ครั้งค่ะ
ส่วนริดซี่เนี่ย ขอดูผลก่อนนะ แล้วจะเอามาเล่าอีกทีค่ะ
ส่วนโครงการน้องบัวหิมะ หรือ kefir บีมก็สนใจนะคะ แต่ว่า ขอให้หมดยาชุดนี้ไปก่อนละกัน เพราะอยากรู้ว่า เป็นริดซี่ที่หน้าจริงมั้ย อิอิ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการคุย MSN นะคะ บีมจะกลับถึงบ้านวันที่ 24 ตอนค่ำนู่น (4 ทุ่มค่ะ) flight สุดท้าย และจะออน MSN วันที่ 25 ช่วงบ่าย ๆ นะคะ
หลับฝันดีนะคะทุกคน
พลังหยางชาร์จตอน 5 ทุ่มนะคะ (เอามาจากบล็อก @drchain) ใครนอนหลับสนิทก่อน 5 ทุ่มคนนั้นได้เปรียบตรงที่ตื่นมาจะมีพลังงานมากกว่า และตอนหลับอวัยวะต่าง ๆ ก็ซ่อมแซมและทำการ detox ตัวเองได้มากกว่าค่ะ) จำไว้นะคะ ไม่มีการ detox ใดดีไปกว่า "การนอนหลับ" ให้ถูกเวลาค่ะ ไม่ใช่นับจำนวนชั่วโมง แต่นับเอาการนอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมค่ะ (5 ทุ่มถึงเช้า)
แต่ถ้าใครเพลีย ร่างกายบอกว่าไม่ไหวแล้ว ก็งีบสักนิดก็ยังดีนะคะ ถ้าฝืนต่อไป มีแต่น็อตหลุดจ้า
แต่อยู่ที่นี่มันจะไม่ได้ทำงานน่ะสิคะ อะอะ เพราะเครื่องนี้ เดี๋ยวคุณแฟนก็ต้องเอาไปใช้ทำงาน มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
มีเรื่องจะเล่าเยอะนะคะ
เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า เรื่องนี้ฮาดี เกี่ยวกับเรื่องสิวและผิวนี่แหละ
คนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีสิวกันค่ะ คือ กินอะไรก็สิวไม่ขึ้น เค้าเห็นบีมปั่นผลไม้กับผักกิน คุณว่าที่แม่สามีก็งง ๆ ว่า เธอทำอะไรกินเนี่ย อร่อยมั้ย แล้วต้องใส่อะไรอีก และก็ไม่มีใครกล้ากินกับบีม 555+
ตอนไปวัด เพื่อนคุณแม่ก็บอกว่า ลองไปหาหมอที่ลูกเค้าไปดูมั้ย มี 2 คนไปแล้วหายนะ แต่เป็นผู้ชายทั้งคู่เลย (คนที่นี่เค้าผิวดีค่า สิวเสอวไม่เป็นกัน กินอะไรก็ได้)
บีมก็เลยถามว่า "หมออะไรคะ" (ในใจกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นหมอแบบที่เราเคยไปหา)
เค้าบอกว่าเป็นหมอจีน
และอาการของเราเนี่ยนะ มันไม่ใช่สิวแล้ว มันเป็น "ริดสีดวงบนหน้า"
โอ๋ยโย๋...งงไปเลยค่ะ งานนี้ ริดสีดวงบนหน้าคืออะไรล่ะเนี่ย (เพราะคำที่นี่หลาย ๆ คำ บีมก็ต้องแปลอีกนะว่ามันแปลว่าอะไร)
คือ บ้านนี้เนี่ย เค้าก็เป็นห่วงเราไงคะ เพราะครั้งที่แล้วที่เค้าเห็นเนี่ย เป็นช่วงสิวเห่ออย่างแรงหลังจากเลิกใช้ BP มาครั้งนี้ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่เค้าไม่เคยเป็นสิวเนาะ เค้าก็แยกไม่ออกว่า อันไหนรอยสิว อันไหนเป็นสิวแบบไหน และแบบไหนกำลังจะหาย
จริง ๆ แล้ว บีมไม่มีการคันแล้วล่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ บีมกินแป้งเยอะด้วย (เพราะอาหารที่นี่มีแป้งกับไขมันเยอะมาก แต่อร่อยอ่ะค่ะ ไม่กินก็เกรงใจเค้า นาน ๆ มาที ก็เลยจำเป็น อิอิ)
วันนั้นที่ไปวัด เค้าก็ยื่นขนมทอด ๆ มาให้ ไปบ้านไหนก็มีขนมทอด ๆ ทั้งนั้นเรย ฮือๆ เห็นแล้วก็อยากร้องไห้นะ อะอะ เพราะที่ทำมา สงสัยจะมาหมดเอาคราวนี้ (สิวไม่หายอีกแล้วตู หลังจากที่อดนอน)
ช่วงนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ "ฮารี รายา" ของชาวมุสลิมค่ะ (แต่ครอบครัวของคุณแฟนเป็นครอบครัวจีนค่ะ) ซึ่งเค้าก็จะมีขนมเป็นแบบแป้ง ๆ มัน ๆ กันล่ะค่ะ นะ...
ก็ได้แต่ทำใจ...
อ้อ...ขอเล่าก่อนว่า ในที่สุด ด้วยความที่ปฏิเสธคนไม่เป็น และอยากรู้ว่าหมอจีน กับ โรคริดสีดวงบนหน้าเนี่ย เค้าจะตรวจยังไง
ในที่สุด ก็ไป 55+
คนไม่เยอะแฮะ ไปก็ได้เข้าเลย
ว่าที่คุณแม่สามีกับเพื่อนคุณแม่ เข้าไปกับเราด้วย เพราะหมอไม่ได้พูดไทย และไม่แน่ใจว่า พูดอังกฤษแล้วมันจะเข้าใจกันมั้ยอ่า
บีมก็ชี้ ๆ หน้าตัวเอง แล้วก็นั่งค่ะ
หลังจากนั้น เฮียก็ละเลงพูดภาษาจีนกับคุณแม่และเพื่อนคุณแม่เลยค่า....แหง่ว
สรุปบีมไม่รู้เรื่องไรเลย เหอๆ
แหม่่ นึกว่าจะต้องฝังเข็มอะไรด้วย สรุปว่า เค้าแค่ฟังการเต้นของหัวใจ และ วัดความดัน
แอบผิดหวัง 555+ แต่ก็นะ ฟังไม่รู้เรื่อง คุยไม่ได้ ก็แบบนั้นแหละ อะอะ
พอออกจากห้องมา บีมเลยให้คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเค้าพูดอะไร
คุณแม่เค้าบอกว่า แม่เล่าให้เค้าฟังว่าเราน่ะกินแต่ผักและผลไม้ ไม่ค่อยกินข้าวกินกับอะไรเลย
หมอบอกว่า "กินแบบนั้นก็ดีแล้วนะ กินผักผลไม้เยอะๆ"
บีมก็ถามว่า แล้วสรุปว่าบีมเป็นอะไรคะเนี่ย (ตูมาตรวจ ยังไม่รู้เลยว่าตูเป็นไร อะอะ)
คุณแม่ก็บอกว่า ก็เป็นริดสีดวงบนหน้านั่นแหละ
เงอ...เง็ง... แต่ก็เอาวะ เหอะๆ
แล้วก็ไปเอายา (จนได้) เค้าจัดมาให้ 2 ชุดเลยค่ะ เพราะบีมมาหาเค้าอีกรอบไม่ได้แล้ว จริง ๆ อีก 1 สัปดาห์ต้องมาอีก แต่ทำไม่ได้ จะกลับแล้ว
เค้าบอกว่า หมดชุดนี้ก็หายชัวร์ค่ะ 2 สัปดาห์ (ในใจแอบคิดว่า ถ้าวิเศษแบบนั้นก็ดีจิ อิอิ หวังว่าคงไม่ต้องมาหาอีกนะ)
คือ บีมบอกคุณแม่ไปแล้วว่า บีมเคยรักษากับหมอที่เมืองไทย แล้วหน้ามันติดยา เราต้องกินตลอด ที่นี่จะเป็นมั้ยคะ คือ ก็บอกเค้าว่าไม่อยากไปหาซ้ำ ๆ นะ บอกเค้าแต่แรกแล้วว่าไม่เอา
แต่เค้าก็บอกว่า 2 คนนั้นที่ไปหา หมด 2 ชุดนี้ก็ไม่เห็นต้องไปอีก
ทั้งหมดก็พันกว่าค่ะ มียากิน 3 ตัว (เนื่องจากคุยภาษาจีนไม่ได้ เลยไม่ได้ถามว่ายาอะไร คือมันตื้อไปหมดอ่ะค่ะ คงเข้าใจความรู้สึกเนาะ :-) และก็มีทาหน้าอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นเจลใส ๆ ตลับนิ้ดเดียว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ยาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยจะเป็นยาตัวเดียวกับทาริดสีดวงที่ตูดรึเปล่าเนี่ย 55+ จะยาอะไรก็ช่างมันเถอะ 2 สัปดาห์เองง่ะ ลองใช้ไปก่อนแล้วกัน
ที่เค้าเล่ามา แล้วทำให้บีมสนใจก็คือ เค้าบอกว่า บีมเป็นคล้าย ๆ ไซนัส อาการแบบแพ้อาหารง่าย กินอะไรแสลง ๆ ไม่ได้ มันจะต้องมีตุ่มขึ้น เค้าเลยฟันธงกันว่า นี่ไม่ใช่สิวชัวร์
อ้อ แล้วเมืองที่บีมมานี่ (ที่ครอบครัวแฟนอยู่) มันเป็นต่างจังหวัด (ที่ใหญ่มากค่ะ) และที่นี่ จะไม่มีหมอคอมเมอร์เชียล (ขายคอร์ส) แบบบ้านเราน่ะค่ะ และพอดูจากคลินิกแล้ว ก็คิดว่า ยังไง ๆ ก็ไม่ใช่แบบคอมเมอร์เชียลแน่ ๆ เป็นแบบรักษาโรคอ่ะค่ะ ยาก็กินแค่วันละหนเองง่ะ ไม่มีอะไรคอมเมอร์เชียลเลย คือแบบ ถ้าเอ็งหายก็ดีแล้ว จะได้มีคนมารักษาที่นี่อีก (เพราะเค้าไม่ได้โฆษณาไงคะ ดังนั้น เค้าจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อรักษาคนหาย เพราะนี่ที่บีมมาก็เป็นแบบปากต่อปาก)
ถ้าถามว่า 2 วัน (วันนี้วันที่ 3 ที่กินกับทายา) เป็นไงมั่ง (อ้อขอบอกว่า กินน้ำปั่นผักผลไม้ถ้วยใหญ่มาก ตอนเช้า กับ ตอนค่ำ ๆ ค่ะ เพราะระหว่างวัน ทานอะไรต่ออะไรมั่งก็ไม่รู้ ซึ่งอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย ฮ่าฮ่า เลยต้องดื่มน้ำปั่นผักผลไม้สดมาก ๆ หน่อยค่ะ มันจะได้ไม่มีของเสียตกค้างในลำไส้มากนัก ที่เราทำมาจะได้ไม่เป็นศูนย์ อิอิ)
บีมก็จะบอกว่า ยังบอกไม่ได้ ขอรอดูผลสัก 1 สัปดาห์ก่อน
ยานี่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับยาฆ่าเชื้อสิว หรือยาแก้อักเสบที่เคยกินนะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นยาจีนที่เอามาบรรจุใส่เม็ดรึเปล่า (น่าจะถามเนาะ คาใจจังเลย) คือ ยาไม่ได้มีกลิ่นหรือผลข้างเคียงเหมือนตอนกินยาหมอ (ที่เคยไปหาเมื่อก่อนเลยน่ะค่ะ)
แล้วก็อีกเรื่องที่อยากจะอัพเดทคือ บีมตื่นเต้นนะ ที่ตอนนี้สิวที่อกกับหลังไม่มีแล้วน่ะค่ะ ไม่มีจริง ๆ (แต่ถ่ายรูปโชว์แล้วเกรงว่าจะไม่งาม อิอิ ขอสงวนไว้ให้เฉพาะบุคคลแล้วกันนะคะ) ทั้ง ๆ ที่ในวันวันหนึ่ง บีมกินก๋วยเตี๋ยวเป็นชาม ๆ (แฟนพาไปร้านประจำอร่อย ๆ ที่เคยไปกินหลายร้านค่ะ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ขอกินหน่อยเถอะ) กินข้าวและก็กับข้าวปกติ (ซึ่งมักจะมันอ่ะ) แต่ก็พยายามกินปลานะคะ เพราะบีมต้องเพิ่มการกิน Omega 3 ซึ่งมันจะช่วยลดระดับ insulin resistance ลงไป (สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวเช่นกันค่ะ) ก็จะกินเป็นปลานึ่งค่ะ
ขอบอกว่าระหว่างวัน (ช่วงบ่าย) จะกินตามใจปาก เพราะ นาน ๆ มาทีและมาเที่ยว และก็ต้องพบเจอญาติ ๆ ของแฟนด้วย ถ้าไม่กิน มันก็กระไรอยู่ เค้าอุตส่าห์เอามาเลี้ยง วันนั้นก็ส้มตำ ข้าวเหนียว และ คอหมูย่างค่า เหอะๆ
แต่ก็จะกลับมากินน้ำปั่นผักผลไม้สดทุกคืนนะ สรุปว่ากินวันละ 2 ครั้งค่ะ แก้วใหญ่มาก เพราะไม่มีคนช่วยกิน อะอะ
ตอนนี้บีมเพิ่มระดับความเข้มข้นของน้ำปั่น โดยการใส่ผักสีเขียวลงไปอีกค่ะ แต่เดิมบีมจะมีแอปเปิ้ล สาลี่ มะเขือเทศ แตงกวา มะนาว คื่นช่าย น้ำผึ้ง
ตอนนี้ ลองผักโขม คื่นช่ายฝรั่ง (ก้านใหญ่มากๆ) แตงกวา นอกนั้นก็เหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ใส่แอปเปิ้ลหรือสาลี่ค่ะ ก็แล้วแต่ว่ามีอะไรเหลือ
น้ำออกมาเขียวสมใจ
ส่วนอาหารว่าง ถ้าบีมหิวน้ำ บีมก็กินมะเขือเทศสีดาไปเรื่อย ๆ หรือกินแตงกวาสด ๆ เพราะมันจะทำให้ลดความอยากอาหารพวกแป้งกับมันลงไปได้ และทำให้ลดการกระหายน้ำด้วยน่ะค่ะ แถมมีสารอาหารและใยอาหารด้วย ได้แบบ 4 อิน 1 มั้ง มากกว่าการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว
แต่ก็ดื่มน้ำนะ เพียงแต่ว่า เดินทางบ่อยอ่ะค่ะ ดื่มเยอะ ก็อยากเข้าห้องน้ำบ่อยอีกอ่ะ
สรุปว่า ทริปนี้สนุกค่ะ เพราะเรากินอาหารปกติได้โดยที่อาการสิวของเราไม่ทรุด อิอิ
แต่ขอบอกว่า ไม่ใช่สิวนะเนี่ย เป็นริดซี่ต่างหากล่ะ อิอิ
สรุปว่า ใครที่ตอนกลางวัน ต้องกินอะไรแบบที่ตัวเองควบคุมเมนูไม่ได้ อย่าซีเรียสนะ ขอให้มื้อเช้ากับมื้อค่ำ ได้กินผักและผลไม้สดปั่นถ้วยโต ๆ แก้วใหญ่ ๆ (ห้ามเก็บในตู้เย็นเกินกว่า 1/2 ชั่วโมงค่ะ) วันละ 2 ครั้งค่ะ
ส่วนริดซี่เนี่ย ขอดูผลก่อนนะ แล้วจะเอามาเล่าอีกทีค่ะ
ส่วนโครงการน้องบัวหิมะ หรือ kefir บีมก็สนใจนะคะ แต่ว่า ขอให้หมดยาชุดนี้ไปก่อนละกัน เพราะอยากรู้ว่า เป็นริดซี่ที่หน้าจริงมั้ย อิอิ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการคุย MSN นะคะ บีมจะกลับถึงบ้านวันที่ 24 ตอนค่ำนู่น (4 ทุ่มค่ะ) flight สุดท้าย และจะออน MSN วันที่ 25 ช่วงบ่าย ๆ นะคะ
หลับฝันดีนะคะทุกคน
พลังหยางชาร์จตอน 5 ทุ่มนะคะ (เอามาจากบล็อก @drchain) ใครนอนหลับสนิทก่อน 5 ทุ่มคนนั้นได้เปรียบตรงที่ตื่นมาจะมีพลังงานมากกว่า และตอนหลับอวัยวะต่าง ๆ ก็ซ่อมแซมและทำการ detox ตัวเองได้มากกว่าค่ะ) จำไว้นะคะ ไม่มีการ detox ใดดีไปกว่า "การนอนหลับ" ให้ถูกเวลาค่ะ ไม่ใช่นับจำนวนชั่วโมง แต่นับเอาการนอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมค่ะ (5 ทุ่มถึงเช้า)
แต่ถ้าใครเพลีย ร่างกายบอกว่าไม่ไหวแล้ว ก็งีบสักนิดก็ยังดีนะคะ ถ้าฝืนต่อไป มีแต่น็อตหลุดจ้า
ความคิดเห็น