เค้าว่ากันว่า บีมไม่ได้เป็นสิว แต่เป็นริดซี่ (ริดสีดวงที่หน้าค่ะ) มาอ่านกันเร้ว...

อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว จริง ๆ อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ นะคะ จริง ๆ แล้วมันอยู่ได้ 1 เดือนแหละ แต่ว่าด้วยความจำเป็น เราก็ต้องกลับเร็ว

แต่อยู่ที่นี่มันจะไม่ได้ทำงานน่ะสิคะ อะอะ เพราะเครื่องนี้ เดี๋ยวคุณแฟนก็ต้องเอาไปใช้ทำงาน มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

มีเรื่องจะเล่าเยอะนะคะ

เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า เรื่องนี้ฮาดี เกี่ยวกับเรื่องสิวและผิวนี่แหละ

คนที่นี่เค้าไม่ค่อยมีสิวกันค่ะ คือ กินอะไรก็สิวไม่ขึ้น เค้าเห็นบีมปั่นผลไม้กับผักกิน คุณว่าที่แม่สามีก็งง ๆ ว่า เธอทำอะไรกินเนี่ย อร่อยมั้ย แล้วต้องใส่อะไรอีก และก็ไม่มีใครกล้ากินกับบีม 555+

ตอนไปวัด เพื่อนคุณแม่ก็บอกว่า ลองไปหาหมอที่ลูกเค้าไปดูมั้ย มี 2 คนไปแล้วหายนะ แต่เป็นผู้ชายทั้งคู่เลย (คนที่นี่เค้าผิวดีค่า สิวเสอวไม่เป็นกัน กินอะไรก็ได้)

บีมก็เลยถามว่า "หมออะไรคะ" (ในใจกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นหมอแบบที่เราเคยไปหา)

เค้าบอกว่าเป็นหมอจีน

และอาการของเราเนี่ยนะ มันไม่ใช่สิวแล้ว มันเป็น "ริดสีดวงบนหน้า"

โอ๋ยโย๋...งงไปเลยค่ะ งานนี้ ริดสีดวงบนหน้าคืออะไรล่ะเนี่ย (เพราะคำที่นี่หลาย ๆ คำ บีมก็ต้องแปลอีกนะว่ามันแปลว่าอะไร)

คือ บ้านนี้เนี่ย เค้าก็เป็นห่วงเราไงคะ เพราะครั้งที่แล้วที่เค้าเห็นเนี่ย เป็นช่วงสิวเห่ออย่างแรงหลังจากเลิกใช้ BP มาครั้งนี้ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วค่ะ แต่ด้วยความที่เค้าไม่เคยเป็นสิวเนาะ เค้าก็แยกไม่ออกว่า อันไหนรอยสิว อันไหนเป็นสิวแบบไหน และแบบไหนกำลังจะหาย

จริง ๆ แล้ว บีมไม่มีการคันแล้วล่ะค่ะ แต่ช่วงนี้ บีมกินแป้งเยอะด้วย (เพราะอาหารที่นี่มีแป้งกับไขมันเยอะมาก แต่อร่อยอ่ะค่ะ ไม่กินก็เกรงใจเค้า นาน ๆ มาที ก็เลยจำเป็น อิอิ)

วันนั้นที่ไปวัด เค้าก็ยื่นขนมทอด ๆ มาให้ ไปบ้านไหนก็มีขนมทอด ๆ ทั้งนั้นเรย ฮือๆ เห็นแล้วก็อยากร้องไห้นะ อะอะ เพราะที่ทำมา สงสัยจะมาหมดเอาคราวนี้ (สิวไม่หายอีกแล้วตู หลังจากที่อดนอน)

ช่วงนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ "ฮารี รายา" ของชาวมุสลิมค่ะ (แต่ครอบครัวของคุณแฟนเป็นครอบครัวจีนค่ะ) ซึ่งเค้าก็จะมีขนมเป็นแบบแป้ง ๆ มัน ๆ กันล่ะค่ะ นะ...

ก็ได้แต่ทำใจ...

อ้อ...ขอเล่าก่อนว่า ในที่สุด ด้วยความที่ปฏิเสธคนไม่เป็น และอยากรู้ว่าหมอจีน กับ โรคริดสีดวงบนหน้าเนี่ย เค้าจะตรวจยังไง

ในที่สุด ก็ไป 55+

คนไม่เยอะแฮะ ไปก็ได้เข้าเลย

ว่าที่คุณแม่สามีกับเพื่อนคุณแม่ เข้าไปกับเราด้วย เพราะหมอไม่ได้พูดไทย และไม่แน่ใจว่า พูดอังกฤษแล้วมันจะเข้าใจกันมั้ยอ่า

บีมก็ชี้ ๆ หน้าตัวเอง แล้วก็นั่งค่ะ

หลังจากนั้น เฮียก็ละเลงพูดภาษาจีนกับคุณแม่และเพื่อนคุณแม่เลยค่า....แหง่ว

สรุปบีมไม่รู้เรื่องไรเลย เหอๆ

แหม่่ นึกว่าจะต้องฝังเข็มอะไรด้วย สรุปว่า เค้าแค่ฟังการเต้นของหัวใจ และ วัดความดัน

แอบผิดหวัง 555+ แต่ก็นะ ฟังไม่รู้เรื่อง คุยไม่ได้ ก็แบบนั้นแหละ อะอะ

พอออกจากห้องมา บีมเลยให้คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเค้าพูดอะไร

คุณแม่เค้าบอกว่า แม่เล่าให้เค้าฟังว่าเราน่ะกินแต่ผักและผลไม้ ไม่ค่อยกินข้าวกินกับอะไรเลย

หมอบอกว่า "กินแบบนั้นก็ดีแล้วนะ กินผักผลไม้เยอะๆ"

บีมก็ถามว่า แล้วสรุปว่าบีมเป็นอะไรคะเนี่ย (ตูมาตรวจ ยังไม่รู้เลยว่าตูเป็นไร อะอะ)

คุณแม่ก็บอกว่า ก็เป็นริดสีดวงบนหน้านั่นแหละ

เงอ...เง็ง... แต่ก็เอาวะ เหอะๆ

แล้วก็ไปเอายา (จนได้) เค้าจัดมาให้ 2 ชุดเลยค่ะ เพราะบีมมาหาเค้าอีกรอบไม่ได้แล้ว จริง ๆ อีก 1 สัปดาห์ต้องมาอีก แต่ทำไม่ได้ จะกลับแล้ว

เค้าบอกว่า หมดชุดนี้ก็หายชัวร์ค่ะ 2 สัปดาห์ (ในใจแอบคิดว่า ถ้าวิเศษแบบนั้นก็ดีจิ อิอิ หวังว่าคงไม่ต้องมาหาอีกนะ)

คือ บีมบอกคุณแม่ไปแล้วว่า บีมเคยรักษากับหมอที่เมืองไทย แล้วหน้ามันติดยา เราต้องกินตลอด ที่นี่จะเป็นมั้ยคะ คือ ก็บอกเค้าว่าไม่อยากไปหาซ้ำ ๆ นะ บอกเค้าแต่แรกแล้วว่าไม่เอา

แต่เค้าก็บอกว่า 2 คนนั้นที่ไปหา หมด 2 ชุดนี้ก็ไม่เห็นต้องไปอีก

ทั้งหมดก็พันกว่าค่ะ มียากิน 3 ตัว (เนื่องจากคุยภาษาจีนไม่ได้ เลยไม่ได้ถามว่ายาอะไร คือมันตื้อไปหมดอ่ะค่ะ คงเข้าใจความรู้สึกเนาะ :-) และก็มีทาหน้าอีก 1 ตัว ซึ่งเป็นเจลใส ๆ ตลับนิ้ดเดียว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ยาอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยจะเป็นยาตัวเดียวกับทาริดสีดวงที่ตูดรึเปล่าเนี่ย 55+ จะยาอะไรก็ช่างมันเถอะ 2 สัปดาห์เองง่ะ ลองใช้ไปก่อนแล้วกัน

ที่เค้าเล่ามา แล้วทำให้บีมสนใจก็คือ เค้าบอกว่า บีมเป็นคล้าย ๆ ไซนัส อาการแบบแพ้อาหารง่าย กินอะไรแสลง ๆ ไม่ได้ มันจะต้องมีตุ่มขึ้น เค้าเลยฟันธงกันว่า นี่ไม่ใช่สิวชัวร์

อ้อ แล้วเมืองที่บีมมานี่ (ที่ครอบครัวแฟนอยู่) มันเป็นต่างจังหวัด (ที่ใหญ่มากค่ะ) และที่นี่ จะไม่มีหมอคอมเมอร์เชียล (ขายคอร์ส) แบบบ้านเราน่ะค่ะ และพอดูจากคลินิกแล้ว ก็คิดว่า ยังไง ๆ ก็ไม่ใช่แบบคอมเมอร์เชียลแน่ ๆ เป็นแบบรักษาโรคอ่ะค่ะ ยาก็กินแค่วันละหนเองง่ะ ไม่มีอะไรคอมเมอร์เชียลเลย คือแบบ ถ้าเอ็งหายก็ดีแล้ว จะได้มีคนมารักษาที่นี่อีก (เพราะเค้าไม่ได้โฆษณาไงคะ ดังนั้น เค้าจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อรักษาคนหาย เพราะนี่ที่บีมมาก็เป็นแบบปากต่อปาก)

ถ้าถามว่า 2 วัน (วันนี้วันที่ 3 ที่กินกับทายา) เป็นไงมั่ง (อ้อขอบอกว่า กินน้ำปั่นผักผลไม้ถ้วยใหญ่มาก ตอนเช้า กับ ตอนค่ำ ๆ ค่ะ เพราะระหว่างวัน ทานอะไรต่ออะไรมั่งก็ไม่รู้ ซึ่งอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย ฮ่าฮ่า เลยต้องดื่มน้ำปั่นผักผลไม้สดมาก ๆ หน่อยค่ะ มันจะได้ไม่มีของเสียตกค้างในลำไส้มากนัก ที่เราทำมาจะได้ไม่เป็นศูนย์ อิอิ)

บีมก็จะบอกว่า ยังบอกไม่ได้ ขอรอดูผลสัก 1 สัปดาห์ก่อน

ยานี่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับยาฆ่าเชื้อสิว หรือยาแก้อักเสบที่เคยกินนะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นยาจีนที่เอามาบรรจุใส่เม็ดรึเปล่า (น่าจะถามเนาะ คาใจจังเลย) คือ ยาไม่ได้มีกลิ่นหรือผลข้างเคียงเหมือนตอนกินยาหมอ (ที่เคยไปหาเมื่อก่อนเลยน่ะค่ะ)

แล้วก็อีกเรื่องที่อยากจะอัพเดทคือ บีมตื่นเต้นนะ ที่ตอนนี้สิวที่อกกับหลังไม่มีแล้วน่ะค่ะ ไม่มีจริง ๆ (แต่ถ่ายรูปโชว์แล้วเกรงว่าจะไม่งาม อิอิ ขอสงวนไว้ให้เฉพาะบุคคลแล้วกันนะคะ) ทั้ง ๆ ที่ในวันวันหนึ่ง บีมกินก๋วยเตี๋ยวเป็นชาม ๆ (แฟนพาไปร้านประจำอร่อย ๆ ที่เคยไปกินหลายร้านค่ะ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ขอกินหน่อยเถอะ) กินข้าวและก็กับข้าวปกติ (ซึ่งมักจะมันอ่ะ) แต่ก็พยายามกินปลานะคะ เพราะบีมต้องเพิ่มการกิน Omega 3 ซึ่งมันจะช่วยลดระดับ insulin resistance ลงไป (สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวเช่นกันค่ะ) ก็จะกินเป็นปลานึ่งค่ะ

ขอบอกว่าระหว่างวัน (ช่วงบ่าย) จะกินตามใจปาก เพราะ นาน ๆ มาทีและมาเที่ยว และก็ต้องพบเจอญาติ ๆ ของแฟนด้วย ถ้าไม่กิน มันก็กระไรอยู่ เค้าอุตส่าห์เอามาเลี้ยง วันนั้นก็ส้มตำ ข้าวเหนียว และ คอหมูย่างค่า เหอะๆ

แต่ก็จะกลับมากินน้ำปั่นผักผลไม้สดทุกคืนนะ สรุปว่ากินวันละ 2 ครั้งค่ะ แก้วใหญ่มาก เพราะไม่มีคนช่วยกิน อะอะ

ตอนนี้บีมเพิ่มระดับความเข้มข้นของน้ำปั่น โดยการใส่ผักสีเขียวลงไปอีกค่ะ แต่เดิมบีมจะมีแอปเปิ้ล สาลี่ มะเขือเทศ แตงกวา มะนาว คื่นช่าย น้ำผึ้ง

ตอนนี้ ลองผักโขม คื่นช่ายฝรั่ง (ก้านใหญ่มากๆ) แตงกวา นอกนั้นก็เหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ใส่แอปเปิ้ลหรือสาลี่ค่ะ ก็แล้วแต่ว่ามีอะไรเหลือ

น้ำออกมาเขียวสมใจ

ส่วนอาหารว่าง ถ้าบีมหิวน้ำ บีมก็กินมะเขือเทศสีดาไปเรื่อย ๆ หรือกินแตงกวาสด ๆ เพราะมันจะทำให้ลดความอยากอาหารพวกแป้งกับมันลงไปได้ และทำให้ลดการกระหายน้ำด้วยน่ะค่ะ แถมมีสารอาหารและใยอาหารด้วย ได้แบบ 4 อิน 1 มั้ง มากกว่าการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว

แต่ก็ดื่มน้ำนะ เพียงแต่ว่า เดินทางบ่อยอ่ะค่ะ ดื่มเยอะ ก็อยากเข้าห้องน้ำบ่อยอีกอ่ะ

สรุปว่า ทริปนี้สนุกค่ะ เพราะเรากินอาหารปกติได้โดยที่อาการสิวของเราไม่ทรุด อิอิ

แต่ขอบอกว่า ไม่ใช่สิวนะเนี่ย เป็นริดซี่ต่างหากล่ะ อิอิ

สรุปว่า ใครที่ตอนกลางวัน ต้องกินอะไรแบบที่ตัวเองควบคุมเมนูไม่ได้ อย่าซีเรียสนะ ขอให้มื้อเช้ากับมื้อค่ำ ได้กินผักและผลไม้สดปั่นถ้วยโต ๆ แก้วใหญ่ ๆ (ห้ามเก็บในตู้เย็นเกินกว่า 1/2 ชั่วโมงค่ะ) วันละ 2 ครั้งค่ะ

ส่วนริดซี่เนี่ย ขอดูผลก่อนนะ แล้วจะเอามาเล่าอีกทีค่ะ

ส่วนโครงการน้องบัวหิมะ หรือ kefir บีมก็สนใจนะคะ แต่ว่า ขอให้หมดยาชุดนี้ไปก่อนละกัน เพราะอยากรู้ว่า เป็นริดซี่ที่หน้าจริงมั้ย อิอิ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการคุย MSN นะคะ บีมจะกลับถึงบ้านวันที่ 24 ตอนค่ำนู่น (4 ทุ่มค่ะ) flight สุดท้าย และจะออน MSN วันที่ 25 ช่วงบ่าย ๆ นะคะ

หลับฝันดีนะคะทุกคน

พลังหยางชาร์จตอน 5 ทุ่มนะคะ (เอามาจากบล็อก @drchain) ใครนอนหลับสนิทก่อน 5 ทุ่มคนนั้นได้เปรียบตรงที่ตื่นมาจะมีพลังงานมากกว่า และตอนหลับอวัยวะต่าง ๆ ก็ซ่อมแซมและทำการ detox ตัวเองได้มากกว่าค่ะ) จำไว้นะคะ ไม่มีการ detox ใดดีไปกว่า "การนอนหลับ" ให้ถูกเวลาค่ะ ไม่ใช่นับจำนวนชั่วโมง แต่นับเอาการนอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมค่ะ (5 ทุ่มถึงเช้า)

แต่ถ้าใครเพลีย ร่างกายบอกว่าไม่ไหวแล้ว ก็งีบสักนิดก็ยังดีนะคะ ถ้าฝืนต่อไป มีแต่น็อตหลุดจ้า

ความคิดเห็น