หลักการกินอาหาร (อัพเดท) เพื่อรักษาสิว

หลังจากที่ีบีมได้มีประสบการณ์ในการทดลองรักษาสิวของตัวเองมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแ้ล้วนะคะ ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งอินเตอร์เน็ต และ หนังสือแนวธรรมชาติบำบัดที่ซื้อมา

บีมขอสรุปรวบยอดอีกครั้ง และคิดว่าสูตรนี้่น่าจะคงตัวที่สุดแล้วค่ะ เพราะบีมทานดูแล้ว มีำกำลังดี ไม่หิวโซ ไม่หงุดหงิด แถมดีต่อผิวเป็นสิวด้วยค่ะ จริง ๆ แล้วการกินในแบบที่กำลังจะบอกนี้ เหมือนกับยิงนกครั้งเดียว ได้นกมากกว่า 2 ตัวแน่นอน

ที่ได้นะคะมีเรื่อง
  • ผิวพรรณและความงาม
  • สุขภาพสมบูรณ์
  • อารมณ์คงที่ (แสดงว่าฮอร์โมนเริ่มไม่แปรปรวนนะคะ)
  • ป้องกันโรคหลายโรคได้มากมาย
  • เป็นหมอรักษาตัวเอง รู้หลักธรรมชาิติบำบัดด้วยตัวเองค่ะ
สำหรับเด็ก ๆ อาจจะยังไม่สนใจเรื่องสุขภาพมากนักนะคะ เพราะยังไม่ค่อยมีโรคอะไรปรากฎให้เห็นเด่นชัด
แต่ในฐานะพี่คนหนึ่ง ที่เคยใช้ีชีวิตมาแบบทรมานสังขารตัวเองสุด ๆ และเห็นเพื่อน ๆ ที่ใช้ชีีวิตกันแบบสุด ๆ แล้วผลลัพธ์มันเป็นยังไง ก็อยากจะบอกว่า ถ้าหากน้อง ๆ ได้ดูแลตัวเองตามแนวที่ว่านี้ แม้จะยังไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ หน้าเด็ก ๆ ของน้อง ๆ จะอ่อนเยาว์ได้แบบนั้นนานเท่านานนะคะ เหมือนกับเอาหน้าไปใส่ช่องฟรีซ ไม่ให้มันเหี่ยวซะอย่างนั้น อิอิ

อันนี้พี่พูดจริง ๆ ถ้าอยากสวยหล่อระยะยาว ต้องเริ่มรู้จักดูแลตัวเองตอนนี้ แล้วในวันที่เลี้ยงรุ่นน่ะ จะโชว์พราวได้แบบไม่เกรงใจใครเลยค่ะ เพื่อน ๆ อาจจะมีรอยเหี่ยว โบ๊ะซะหนา ส่วนเราน่ะเหรอ ในวันนั้นก็คงจะแต่งแนวธรรมชาติได้ ส่วนน้องผู้ชายก็จะหน้าใส ดูอ่อนวัยนะคะ

เพราะขนาดคนอายุมากแล้ว หรืออายุ 20 กว่า ๆ ถ้าหากได้ดูแลตัวเองตามแนวนี้ มันจะดูอ่อนกว่าอายุจริงมากมาย โดยซื้อแค่ผักและผลไม้สดออร์แกนิคก็เท่านั้น เครื่องสำอางค์ราคาแพงไม่ได้แอ้ม เก็บเงินเอาไปทำอย่างอื่น ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ๆ ยังดีกว่าอีก หรือเอาไปเรียนต่อต่างประเทศ (บางคน และตัวพี่เอง หาหมอและซื้อยาสิวมา 10 กว่าปี หมดเป็นสองแสนน่ะค่ะ)

เข้าเรื่อง ๆ

หลังจากได้ลองทำสูตรการทานมาทั้งหมด ทั้งแบบโหดโคตร ๆ คือ แบบ Wai (อิอิ) แบบ Seppo (น้ำปั่นผักและผลไม้) และแบบผสมผสานของหมอเีขียว (มีข้าวมีกับข้าวด้วยค่ะ) และแบบหมออู๋ (เล่มใหม่ค่ะ อันนี้ แต่แนวเดียวกันกับเล่มอื่นนะคะ)

บีมพบว่า การทานที่เป็นสายกลาง และการปฏิบัติตัวแบบสายกลางนั้น มีดังนี้ค่ะ

  • เช้าดื่มน้ำมาก ๆ ถ่ายให้ออก ออกกำลัง รับแสงแดด
  • เช้าถึงก่อนเที่ยง ดื่มน้ำปั่นผักผลไ้ม้สด 2 แก้ว (ค่อย ๆ จิบ ห้ามดื่มพรวด ไม่งั้นร่างกายเหมือนไม่ได้รับอะไรเลยค่ะ เพราะรับไม่ทัน)
  • ช่วงระหว่างน้ำปั่นผักผลไม้ 2 แก้วนั้น ให้กินน้ำผสมผงใยอาหาร 1 แ้ก้ว (ไม่ใช่ยาระบายนะคะ ผงใยอาหารค่ะ)
  • ตอนเที่ยง ใครกินสลัดได้ กินเลยค่ะ ทำชามโต ๆ ให้อิ่มท้อง ใช้ผักฤทธิ์เย็นนะคะ เพราะคนเป็นสิว ร่างกายร้อนค่ะ และให้เลือกอาหารอื่น ๆ ตามกรุ๊ปเลือด (หมออู๋เขียนเอาไว้ในหนังสือ "ธรรมชาติช่วยชีวิต" ไว้ได้มีเหตุมีผลค่ะ และท่านก็มีประสบการณ์ทั้งรักษาตัวเองและผู้อื่นมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วค่ะ ด้วยหลักการที่ว่านี้ นำปัจจัยด้านกรุ๊ปเลือดมาพิจารณาด้วย) เช่นว่า อย่างบีม กรุ๊ป B ห้ามกินเนื้อสัตว์ ถ้าจะกิน กินปลาได้ค่ะ กุ้ง หอย ห้ามกิน เพราะฉะนั้น มื้อเที่ยงของบีม อาจจะกินสลัดที่ทำงานก่อน (เตรียมมาจากบ้าน) แล้วไปกินปลานึ่งที่ร้านเป็นต้น
  • ห้ามเด็ดขาด อาหาร ทอด ผัด ย่าง ค่ะ (ถ้าอยากหาย) และอาหารฤทธิ์ร้อนทั้งหลายแหล่ บีมลองฝืนกฎนี้ดูแล้ว ร่างกายถอนพิษซะจนอ่วมเลยค่ะ ก็เข็ดนะคะ และร่างกายเริ่มบอกเราแล้วว่าอะไรดีไม่ดี ต่อไปก่อนกิน มันจะเริ่มคิดก่อนค่ะ ในที่สุดก็จะไม่หยิบ (แต่ถ้าเราไม่ยอมดื่มน้ำผักผลไม้ปั่นให้อิ่มท้องนะคะ ระัวังค่ะ มือจะหยิบแป้ง ขนมปัง ฯลฯ แบบไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัว สิวก็ขึ้นอีกแล้ว อาการถอนพิษมาอีกแล้วค่ะ)
  • อาหารแนะนำถ้าไปร้าน คือ เป็นเมนู ลวก นึ่ง ต้ม ถ้าทำเองที่บ้าน ไม่ควรประกอบอาหารนานเกิน 15 นาทีค่ะ ยกเว้นพวกปลาตัวโต ๆ ก็ดูว่าให้มันสุกดีนะคะ แต่พวกผัก ขอให้ทำแป๊บเดียว ให้พอสุก
  • บ่ายดื่มน้ำปั่นผักผลไม้อีก 2 แก้ว จิบ และไม่ดื่มต่อกันค่ะ และในช่วงที่เว้นช่วง ให้กินผงใยอาหารผสมน้ำอีก 1 ครั้ง เพื่อให้ถ่ายให้ได้วันละ 3 ครั้ง ลำไส้จะได้สะอาดค่ะ ไม่มีอาหารของเชื้อโรค
  • ถ้ามื้อไหนกินเนื้อสัตว์มาก ช่วง 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น ให้เริ่มปั่นสับปะรดกับผักอื่น ๆ แล้วแต่ชอบ (ฤทธิ์เย็นนะคะ) ดื่มเข้าไปค่ะ จะช่วยย่อยโปรตีนในเนื้อค่ะ
  • มื้อเย็น ควรให้เสร็จก่อน 1 ทุ่มเป็นอย่างช้าค่ะ ใครนอนเร็ว เช่น 2 ทุ่มก็ขอให้เสร็จก่อน 6 โมงเย็น
  • มื้อเย็น ไม่ควรเป็นของหนัก คือ ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เพราะย่อยยาก จะทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหารแทนที่จะเอาไปซ่อมแซมร่างกายและสร้างเสริมภูมิคุ้มกันช่วง 4 ทุ่มถึงตี 2 ค่ะ สลัดผักผลไม้สดดีที่สุดค่ะ หรือจะเป็นผักลวกก็ได้ แต่ขอให้อิ่มนะคะ ไม่ใช่อืดเกินหรือรู้สึกไม่อิ่มท้อง
  • ช่วงเวลาทองของการซ่อมแซมตัวเองที่สมบูรณ์ของร่างกายและกำจัดเชื้อโรคคือ 4 ทุ่ม ถึง ตี 2 ค่ะ หากใครนอนสามทุ่ม และหลับสนิทช่วงที่ว่านี้ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
  • ใครเข้าใจผิดว่า นอนชดเชยเอาได้ในวันถัดไป ไม่จริงนะคะ มันจะเหมือนแค่ชาร์จแบต แต่ไม่ได้บำรุงรักษาระบบอะไรเลยค่ะ แค่พอให้เรามีแรงแค่นั้นล่ะค่ะ
  • และใครที่นอนเร็ว หลับลึก แต่ไม่กินน้ำปั่นผักและผลไม้สดให้ได้ปริมาณอย่างว่า ในช่วงเวลาทอง เซลล์และระบบภูมิคุ้มกันก็ไม่มี "ทรัพยากร" ในการซ่อมแซมตัวเองและทำงานในการซ่อมแซมเซลล์อื่นและกำจัดเชื้อโรคค่ะ ดังนั้น ต้องทำควบคู่กัน เรายังต้องกินอาหารเพื่อจะได้มีแรงทำงานเลยค่ะ และถ้าเราไ่ม่ให้เซลล์ของเรากินอาหารที่เค้าต้องการบ้าง (งานซ่อมแซมและเสริมสร้างภูมินั้น ใช้วิตามิน แร่ธาตุ สารอินทรีย์ในพืชและผักสดเป็นหลักค่ะ)
  • หลักการดื่มน้ำ เหมือนเดิมค่ะ ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างอาหารและหลังอาหาร 45 นาที ห้ามดื่มน้ำ รวมน้ำซุปน้ำแกงเกิน 1/2 ถ้วย (กฎเหล็ก)
  • ทุกครั้งที่ดื่มน้ำ ให้จิบนะคะ ยกเว้นช่วงเช้าของวัน เพราะถ้าดื่มพรวด ๆ ต่อให้คั้นน้ำดีแค่ไหน เซลล์ก็เอาไปใช้ไม่ทันค่ะ เอาเข้าไป 100 แต่ใช้ได้ไม่ถึง 100
มีเท่านี้ล่ะค่ะ

หมออู๋ กับ Seppo กล่าวถึงปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อสุขภาพคือ แสงแดด ใครนั่งอบตัวเองในห้องแอร์ตั้งแต่เช้ายันมืด ไม่ได้สูดออกซิเจน ไม่เจอแสงแดด โอกาสที่จะสิวหายก็ลดลงไปค่ะ

และเค้าสองคนยังมองเหมือนกันว่า ใครคิดลบ ก็ไม่มีวันจะสุขภาพดีได้เช่นกัน

ถือศีล 5 ไม่นินทาคน พูดแต่สิ่งที่เป็นบวกและสร้างสรรค์ ทำให้ได้เท่านี้ก่อนนะคะ

จำไว้นะคะ ทุกอย่างเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องสร้างขึ้นมาเพื่อสุขภาพและผิวที่ดี ผลจากการกระทำของเรา ก็จะให้ผลต่อไปในอนาคต ไม่มีทางลัดใดที่จะช่วยให้สิวเราหายไปอย่างยั่งยืนค่ะ นอกจากเราจะต้องทำให้สุขภาพดีสมบูรณ์ทั้งกายและใจเท่านั้น

ใครกินยาเยอะ ทายาเคมีเยอะ พิษก็เยอะ โรคก็แยะ ในอนาคต
ใครเริ่มหันมาบำบัดตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติแบบนี้ ช่วงแรกอาจจะมีอาการถอนพิษบ้าง ซึ่งเป็นธรรมดาและเป็นสัญญาณที่ดีว่า ทหารในร่างกายของเราเริ่มเข้มแข็งแล้ว วันเวลาผ่านไปเท่า ๆ กับคนแรก คนนี้จะมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หน้าอ่อนเยาว์ สุขภาพจิตและกายดี ไม่บ่นเพราะมีโรคนั้นโรคนี้ ในอนาคตค่ะ

ตรรกะง่าย ๆ แบบนี้ ใช้ได้กับทุกคน ถูกต้องมั้ยคะ ? :)

ความคิดเห็น