ความคืบหน้าของบีมหลังจาก 1 เดือนตามแนวธรรมชาติบำบัด

จริง ๆ แล้วบีมแอบรู้สึกดีมาได้สัก 2-3 วันแล้วล่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสจะได้มานั่งเขียนบล็อกค่ะ

และยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีกเมื่อวันนี้ได้มานั่งอ่านเรื่อง Understanding the detox and healing process (ทำความเข้าใจกระบวนการดีท็อกซ์และการฟื้นฟูร่างกาย) ในหนังสือ Clear For Life ของ Seppo

เพราะมันย้ำให้บีมรู้ว่า บีมน่ะมาถูกทางแล้วค่ะ

ที่บีมต้องบอกแบบนี้ ไม่ใช่ว่าสิวบีมไม่หายนะคะ มาดูกันค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของบีมบ้างตั้งแต่บีมเริ่มกระบวนการ "ปฏิวัติความคิด พิชิตสิว" ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว

Seppo ให้เกณฑ์วัดมาทั้งหมดดังนี้ค่ะ เพื่อใช้วัดว่า เรามาถูกทางแล้ว

บีมจะบอกเป็นข้อ ๆ เลยนะคะ ว่าตัวบีมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

คุณรู้สึกดีมากขึ้น
ใช่ค่ะ บีมรู้สึกดีมากขึ้นทุกวัน และไม่เคยผิดหวังเลยที่ได้ปรับวิถีการกินและวิถีการคิดมาเป็นแบบนี้ บีมมีความสุขกับการที่ไม่ต้องใช้โรลออนอีกต่อไป (รู้สึกมันจะหายประมาณสัปดาห์ที่ 3 นะคะ) ไม่ต้องมีคราบอะไรติดที่เสื้ออีกแล้ว ไม่ต้องซื้ออาหารเสริมราคาแพงอีกต่อไป ไม่ต้องใช้ยาหมอ รู้สึกว่า เราเป็นเพื่อนที่ดีและให้สิ่งที่ดีกับร่างกายของเรา ผิวแขนเนียนละเอียด ผิวหน้าก็ไม่ต้องใส่แป้งก็ได้ ก็มั่นใจได้ และการฝึกคิดบวกก็ทำให้บีมมีความสุขกับทุกอย่างมากขึ้น โดยรวมแล้วบีมให้คะแนนตัวเอง 99.98% ค่ะ กับผลรวมทั้งหมด ส่วนที่เหลือก็คือ รอให้หมดสิ้นกระบวนการ "ล้างพิษและฟื้นฟู" ของระบบภายในก็เท่านั้น ซึ่งเข้าใจว่าใช้เวลาค่ะ และหน้าของเรา ไม่ใช่เกณฑ์วัดว่ามันดีขึ้นรึเปล่า มันเป็นเพียงแค่ที่ปลดปล่อยพลังงานด้านลบหรือบวกจากภายในเท่านั้นค่ะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นข้างในร่างกาย โชคไม่ดีที่เรามองไม่เห็น ถ้าเรามองเห็น บีมเชื่อว่า ทุกคนไม่มีใครอยากจะเลิกทำตามวิธีธรรมชาติบำบัดแน่่นอนค่ะ

คุณมีพลังงานเพิ่มมากขึ้น
ใช่ค่ะ แต่ก่อนนี้ เราไม่รู้จักการกินให้ถูกวิธี เราไม่รู้ว่าจะต้องกินอะไรก่อนหลัง เราไม่รู้ว่า การกินไขมันทำให้ย่อยยาก เราไม่รู้ว่า การย่อยอาหารใช้พลังงานเยอะมากรองจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงทำให้บีมกินแต่ของย่อยยาก กินไม่ถูกวิธี พลังงานส่วนใหญ่หมดไปกับการย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันเชิงซ้อน นอกจากนี้ บีมยังกินไม่เป็นเวลา ดึก ๆ ก็กิน เผ็ดจัดก็กิน ความคิดลบ ๆ ที่ฝังในหัวก็มักทำให้หดหู่ และหมดพลังงานได้อย่างรวดเร็ว

เดี๋ยวนี้รู้วิธีแล้วค่ะ ว่าต้องกินอาหารประเภทใด ตอนไหน จึงจะให้พลังงานได้ดีโดยที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอ่อนเพลียเรื้อรังแก่ร่างกาย

เป็นความภูมิใจลึก ๆ ด้วยนะคะว่า เราเองก็เป็นหมอดูแลตัวเองได้

คุณนอนหลับดีขึ้น
แน่นอนค่ะ บีมหลับดีมาก ๆ ยกเว้นช่วงที่ต้องดูแลคุณยาย แต่ถึงกระนั้น ตอนที่ดูแลเค้า ตอนได้ยินเสียงกลุก ๆ ได้ยินเสียงเรียกก็ตื่นนะคะ แต่พอหลับก็หลับไปเลย คือเหมือนเปิดปิดสวิตซ์เลย หลับง่ายมาก

แต่มีช่วงนึงที่บีมลองกินอาหารประมาณ 3 ทุ่มดู พิสูจน์ว่ากินดึกแล้วไม่ดีจริงมั้ย

สรุปว่าเป็นจริง ๆ ค่ะ นอนไม่ค่อยหลับสนิท แถมยังฝันร้าย แถมตื่นเช้ามา สิวขึ้นอีกตังหาก

ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ไม่มีอาการท้องผูก
อันนี้จริงค่ะ ปกติบีมไม่ใช่คนท้องผูกหรอก แต่ว่าท้องเสียทั้งวัน คือกินเท่าไหร่ก็ออกหมด ท้องไม่ทันได้รับสารอาหารอะไรหรอกค่ะ บีมสังเกตตัวเองมาตลอดว่า ทำไมเราถึงผอม ทั้งที่เราก็กินเยอะ และบีมจะปวดท้องบ่อยมาก ๆ แต่ก่อนนี้จะปวดจนไปโรงเรียนเช้า ๆ ไม่ค่อยได้ และไม่ค่อยชอบเดินทางไปไหนเลย เพราะจะต้องมีเรื่องให้ปวดท้องและเข้าห้องน้ำตลอด

ที่แต่ก่อนเป็นแบบนั้น บีมพึ่งมาเข้าใจว่า ในลำไส้ของบีมนั้นมีเมือกเหนียว ๆ เคลือบผนังลำไส้อยู่เต็มเลยค่ะ เนื่องจากในนั้นมีแต่สารพิษ ทั้งจากการย่อยไม่สมบูรณ์และ ของรสจัด และพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป(ชอบมากกกก ขอบอก) ลำไส้ของเราสร้างเมือกเพื่อปกป้องตัวเองค่ะ แต่เมือกนี้ก็ขัดขวางไม่ให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ ได้ค่ะ และด้วยความที่มีพิษในลำไส้สะสม ท้องจึงเสียบ่อย มีปัญหาบ่อย เพราะลำไส้ต้องการกำจัดของเสียออกอยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้ ตั้งแต่บีมดูแลตัวเองด้วยวิธีนี้มา ไม่มีจะต้องหยิบจับยาอะไรเลยค่ะ ยาเคลือบกระเพาะไม่ต้อง ยาแก้ท้องเสียไม่ต้อง และถ่านซับสารพิษก็ไม่ต้อง นอกจากยาที่ใช้กับกระเพาะแล้ว ยาแก้หวัด ไม่ได้แอ้ม ยาแก้ไข้ไม่ได้แอ้มเช่นกัน เพราะบีมเข้าใจระบบการทำงานของร่างกายแล้ว และรู้ว่าต้องเลือกกินอะไรถึงจะช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ค่ะ ซึ่งน่าภูมิใจมาก ๆ

ดวงตาของคุณสดใสขึ้น
อันนี้ ภูมิใจสุด ๆ เหมือนกัน เพราะมีหลายคนบอกว่า ตาบีมสวย (ไม่เชื่อก็ลองมาเจอกันได้ค่ะ จะได้รู้ว่าไม่ได้พูดเล่น อิอิ) แต่บีมเคยท้อนะ เพราะก่อนมากินแบบธรรมชาตินี้ ตาบีมหม่น ๆ เหลือง ๆ ไม่สดใสเลย คิดว่า สงสัยเพราะเราโตขึ้นมั้ง คงทำอะไรไม่ได้

แต่ตอนนี้เหรอคะ ขาวใสสะอาดสมใจค่ะ จริง ๆ

คุณรู้สึกมีความสุขแบบไม่มีเหตุผล
ใช่ค่ะ Happy All The Time ก็จะมีแค่บางครั้งที่ร่างกายมันล้างพิษออกมา ซึ่งเป็นธรรมดาค่ะที่อาจจะรู้สึกหงุดหงิดได้เหมือนกัน หรือบางทีอดนอน ก็มีหงุดหงิดบ้าง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับแต่ก่อน คนรอบข้างจะไม่ค่อยอยากยุ่งด้วย เพราะอะไร ๆ ก็หงุดหงิดไปหมด เป็นคนคาดหวังสูง และไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตเอาซะเลย

ความแข็งแรงของร่างกายเพิ่มขึ้น
คิดว่าใช่นะคะ บีมไม่รู้ว่าเค้าวัดตรงไหน แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกก็คือ แต่ก่อนนี้เจ้ามุ้งที่ต้องใช้มือดึงเพื่อกางออก บีมกางคนเดียวไม่เคยได้เลย แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ พลังมาจากไหนไม่รู้ ทั้งที่เราเองกินข้าวน้อยกว่าแม่เราอีกนะ อะอะ

อีกเรื่องที่รู้สึกก็คือเมื่อวานนี้ บีมไม่รู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องขึ้นบันไดห้าง (ที่ไม่เลื่อน) ประมาณ 20 ขั้น คือแต่ก่อนนี้รู้เลยว่าจะหอบ ๆ ทั้งที่ตอนนี้อายุ 25 ปีแล้ว ควรจะหอบ แต่พอขึ้นไปถึงบนสุด เดินต่อได้เฉยเลย

น้ำหนักคุณลดลง
ใช่เลยอ่ะ แต่ไม่อยากให้ลดเลย เพราะผอมอยู่แล้ว ก่อนทำวิธีนี้ 45 กก. ตอนนี้ 42 กก. แต่พอมาอ่านบทความของ Seppo เค้าบอกว่ามันเป็นปกติค่ะ ซึ่งเกือบทุกคนจะเป็นแบบนี้ก่อนที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นและคงตัว นั่นเป็นเพราะ อัตราการล้างพิษและการทำลายเซลล์เก่า ๆ สูงกว่าการสร้างเซลล์ใหม่ค่ะ พอพ้นช่วงนี้ มันจะคงที่เอง

คุณมีปฏิกิริยามากขึ้นต่ออาหารหรือสารที่ไม่ดีต่อร่างกาย
อันนี้ขอคอนเฟิร์มค่ะ กินแบบนี้มาได้สักเดือน ตอนแรก ๆ บีมยังไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีต่อร่างกายนะ แต่ตอนนี้รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เราเป็นแบบนี้

ยกตัวอย่างนะคะ เมื่อวานนี้ บีมกินมันบดหมดถ้วย (เยอะมากและอร่อยมาก ขอบอก) และยังกิน smooties สตอเบอรี่ใส่วิพครีมอีก

คือ สั่งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า เจ้ามันบดมีนมเป็นส่วนประกอบ และ smooties ก็ไม่ใช่สตอเบอรี่สดล้วน แต่มันมีนมด้วย (ง่า)

ตอนกลางคืน บีมทดลองเอานมที่มีแบคทีเรียที่เค้าว่าดีต่อลำไส้มากินอีก 2 ขวดเล็ก

ผลก็คือ วันนี้ช่วงเช้า บีมมีการจามและคันตา เหมือนกับจะแพ้ และมีไข้อ่อน ๆ แต่มันดึขึ้นนิดหน่อยหลังจากตอนที่บีมกินผักและผลไม้สดปั่นค่ะ และกินน้ำมะระสดด้วย

จนเมื่อประมาณเที่ยง ๆ บีมมีอาการอีกแล้ว เหมือนจะเป็นหวัดเพราะรู้สึกเจ็บคอ จาม และคันตา

บีมก็เลยนอนหลับไปช่วงบ่าย และพอตื่นมาก็กินมะเขือเทศสีดาเป็นของว่างหมดไป 20 ลูก (แต่ก่อนเกลียดมะเขือเทศมาก แต่ตอนนี้่่ชอบกินเป็นของว่างมาก)

มันเริ่มหายใจโล่งขึ้นหลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่ยังเป็นลมหายใจร้อนอยู่

ตอนเย็นเลยกินน้ำปั่นผักและผลไม้สดอีก 1 แก้วใหญ่

ผลลัพธ์ตอนนี้คือ อาการทุกอย่างหายไปหมดเลย หวัดก็ไม่เป็น ไม่เพลียด้วยค่ะ แต่ถ้าให้นอนก็พร้อมหลับนะ (แต่ต้องเขียนบล็อกเสร็จก่อน อะอะ)

และบีมจะเริ่มรู้ละว่า เวลากินข้าว ของมัน ของผัด ลมหายใจจะร้อนมากเลย มันคงใช้พลังงานความร้อนเผาอาหารมากจริง ๆ เปรียบเทียบกับหลังจากการผักและผลไม้สดปั่น ไม่มีอาการลมหายใจร้อนเลยค่ะ และมีพลังงานสูง ไม่ง่วงนอน เหมือนกับตอนกินของหนัก ๆ อีกด้วย

รีวิวให้ซะยาวเลยค่ะ แต่คิดว่า คงจะเป็นคำยืนยันจากบีมได้เป็นอย่างดี ว่าบีมไม่ได้โกหก ไม่ได้เอาแต่พูด และสิ่งที่บีมทำมันกำลังได้ผล

เค้าบอกว่า ช่วงเดือนที่ 2 และ 4 จะเป็นช่วงที่ต้องทำใจกับผลของกระบวนการล้างพิษกันหน่อยนะคะ ทั้งนี้ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับ "ประเภทของพิษสะสม" และ "ระยะเวลาของการสะสม" ค่ะ

ซึ่ง Seppo ได้บอกว่า จากประสบการณ์ของเค้า พอจะบอกได้ว่า ช่วงระยะเวลาเฉลี่ยของการที่สิวจะหายไปจริง ๆ คือประมาณ 6 เดือน บางคนก็ 9 เดือน บางคนก็เดือนแรกก็เห็นเลย

อ้อ ลืมบอกอาการสิวของบีมไปค่ะ
  • บีมรู้สึกดีมาก ๆ ที่สิวไม่ขึ้นหลังกับอกเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้ของเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนพุ่งสูง และบีมมักจะมีสิวที่อกกับหลังขึ้นเยอะ แต่มารอบนี้ มิรู้ว่ามันหายไปไหนหมดค่ะ หลังแอบเนียนด้วย อันนี้คงให้พิสูจน์ไม่ได้นะคะ อะอะ เอาแค่ที่หน้ากับแขนก็พอละ ถ้าอยากดู (แหม..พูดเหมือนกับว่ามีคนอยากดูงั้นแหละเนาะ)
  • สิวที่กราม จากที่เคยขึ้นอักเสบแบบไม่รู้จักหยุดหย่อน ตอนนี้ เหลือรอยค่ะ และเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ซึ่งสังเกตดูแล้วเป็นสิวอุดตันทั้งหมดค่ะ ที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบ
  • สิวบีมจะไม่ขึ้นเลย และผิวจะดีมากถ้าหากว่าบีมกินน้ำปั่นผักและผลไม้ทั้งวันค่ะ
  • สิวจะขึ้นเม็ดเล็ก ๆ หรือแอบบวมเมื่อตอนกินไม่ถูกต้อง เช่น กินดึก หรือกินไขมัน โปรตีน คาร์โบเกินพิกัด เช่นว่า กินในสัดส่วนมากกว่าน้ำปั่นผลไม้และผักสดค่ะ
  • รู้สึกว่า สิวเค้าเป็นผลจากกระบวนการภายในจริง ๆ ค่ะ ไม่เกี่ยวกับข้างนอกเลย (หรือเกี่ยวน้อยมาก) เพราะสังเกตหลายทีละ สิวหลาย ๆ เม็ด เหมือนจะบวม เหมือนจะสุก แต่ถ้าหากบีมกินให้ถูกต้อง นอนให้พอ อารมณ์ให้ดี มันยุบไปเฉยเลย ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใด ๆ

ทำให้ได้รู้ว่า เราหายจากสิวได้แน่นอน ถ้าหากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กินและคิดได้แบบนี้ไปจนติดเป็นนิสัยค่ะ (ซึ่งติดไปแล้วและ enjoy กับมันมากๆ)

ถามว่า ตอนนี้บีมหายรึยัง บีมขอตอบว่า บีมอยู่ในช่วงที่ร่างกายกำลังล้างอันเก่าออกมาทางหน้า แต่ถ้าหากว่าบีมสามารถที่จะทำการอดอาหารล้างพิษได้ในช่วงนี้ ไม่แน่ค่ะว่ามันอาจจะหายไปเลย (อดสัก 3-7 วัน)

แต่การอดนั้นมีหลายวิธีค่ะ อดน้ำเปล่า อดโดยกินแค่ผลไม้ (ไม่มีแป้งและน้ำตาล หรือไขมัน)

อย่างไรก็ตาม บีมไม่รู้ว่า พิษมันไปสะสมตรงไหนบ้าง ซึ่งสิวขึ้นแค่นี้ แบบที่ขึ้นในทุก ๆ วัน ที่ขึ้นมาแล้วยุบได้เองนี่ บีมพอใจและมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมแล้วค่ะ

ยังไงก็หายชัวร์

แค่ตอนนี้ต้องกินนู่นนี่ enjoy ตามประสาคนมาเที่ยวไปก่อน

แต่บีมก็ติดกินน้ำปั่นผักและผลไม้และมะเขือเทศนะคะ และมันก็ช่วยให้บีมไม่ป่วยและทำให้สิวไม่ระเบิดด้วยค่ะ

ใครไม่ทำ เราทำ เพราะเรารู้ว่ายังไงก็ได้ผลค่ะ :=)

ขอตัวก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ

ความคิดเห็น