บีมกินอะไรบ้าง ทุกวันนี้
คิดถึงจังเลยค่ะ เมื่อวานรู้สึกจะไม่ได้อัพเลยใช่มั้ยคะ วันนี้ตอนไปปั่นจักรยานตอนเช้า (ซึ่งสนุกกว่าวิ่ง) มีเรื่องที่อยากเขียนผุดขึ้นมาเต็มหัวเหมือนน้ำเดือดเลยค่ะ อะอะ เว่อร์เนาะ แต่มีเรื่องอยากเขียนเยอะจริง ๆ จนคิดว่าจะเรียบเรียงยังไงดีเนี่ย
เมื่อวานนี้บีมพยายามจับ speed ตัวเองค่ะว่า จะแปลหนังสือได้ทั้งหมดกี่หน้าโดยไม่มีสิ่งรบกวนใน 1 วัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งรบกวนเพียบ อะอะ
ก็ทำได้ 8 หน้าสำหรับเมื่อวาน
วันนี้ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องบล็อกนี่ล่ะค่ะ เลยยังไม่ได้แปลต่อ จะรีบมาเขียนเอาความอัดอั้นทิ้งไปก่อน (อัดอั้นที่ไม่ได้เีขียน) แล้วถึงจะมีสมาธิแปลหนังสือต่อ
ตั้งแต่หลังจากที่บีมได้อ่านหนังสือของหมออู๋จบ บีมก็รู้สึกว่า เออนะ บีมกินอาหารซ้ำไปซ้ำมาหลายสัปดาห์ละ บีมอยากกินให้มันหลากหลายบ้าง ไม่งั้นเบื่อแย่ (บีมเกิดปีกุนค่ะ จริง ๆ แล้วเป็นคน enjoy การกินมาก ๆ ถ้ากินซ้ำ ๆ อาจเบื่อได้)
และบีมไม่ได้ออกไปตลาดบ่อยนัก เพราะติดภารกิจ
แต่ด้วยความรู้สึกว่า ต้องออกไปแล้วล่ะ ไม่งั้นก็ต้องรบกวนแม่กับคุณยายนวลให้ไปซื้อผักผลไม้แถว ๆ นี้ให้อยู่เรื่อย ซึ่งมันก็จะได้ผลไม้กับผักเดิม ๆ ค่ะ เพราะตลาดไม่ใหญ่ เป็นตลาดหมู่บ้าน
เย็นวันที่ 26 ค่ะ ชวนคุณพ่อออกไปข้างนอกเลย
ไปซื้อผักผลไม้และถั่วที่โลตัส สาขาพาน (ดีนะ ที่มาเปิดตอนที่บีมกลับมาอยู่บ้านด้วยเนี่ย)
ตอนแรกถือตะกร้าค่ะ คิดว่าพอ แต่พอเดินได้สักพัก รู้ึสึกว่าไม่พอแน่ ๆ เลยฝากตะกร้าผักผลไม้ไว้ที่พนักงานก่อน แล้วออกไปเอารถเข็น
ก็มั่นใจน่ะค่ะ Shop ผักผลไม้เต็มตะกร้า เดินคนเดียวอีกตังหาก คนก็มองนะ เพราะว่ามันมาคนเดียว แล้วทำไมมันซื้อผักผลไม้ไปตุนซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่สนใจใครค่ะ ก็ยังคงเดินเลือกต่อไป
ดีใจมาก ๆ ที่มันมีผักปลอดสารพิษขายที่นี่สักที แต่ก่อนรู้สึกจะไม่มีนะคะ หรือไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ เป็นผักโครงการหลวงค่ะ (ต้องขอบพระคุณในหลวงที่ทำให้เราได้มีผักไร้สารพิษกิน) และก็มีของที่อื่น แต่มันไม่เยอะเ่ท่าที่เมืองใหญ่เช่น เีชียงใหม่หรือกรุงเทพน่ะค่ะ จริง ๆ แล้วที่เชียงรายก็มีที่บิ๊กซี ก็มีครบอยู่ เพราะชาวต่างชาติมาอยู่ มาทำงาน มาเที่ยวก็เยอะ เราก็ได้อานิสงค์ไป (ไม่งั้นคงไม่มีน้ำมันมะกอกกิน)
และนี่คือทั้งหมดที่บีมซื้อมาค่ะ
อ้อลืมบอกไปนิดค่ะว่า บีมจดรายการอาหารฤทธิ์เย็นก่อนออกไปซื้อค่ะ เพราะอยากมั่นใจว่าไม่มีของฤทธิ์ร้อน แล้วเดี๋ยวจะบอกว่าทำไมในโพสต์ที่เขียนเกี่ยวกับ "ถอนพิษหวัด" นะคะ
เมื่อวานนี้บีมพยายามจับ speed ตัวเองค่ะว่า จะแปลหนังสือได้ทั้งหมดกี่หน้าโดยไม่มีสิ่งรบกวนใน 1 วัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งรบกวนเพียบ อะอะ
ก็ทำได้ 8 หน้าสำหรับเมื่อวาน
วันนี้ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องบล็อกนี่ล่ะค่ะ เลยยังไม่ได้แปลต่อ จะรีบมาเขียนเอาความอัดอั้นทิ้งไปก่อน (อัดอั้นที่ไม่ได้เีขียน) แล้วถึงจะมีสมาธิแปลหนังสือต่อ
ตั้งแต่หลังจากที่บีมได้อ่านหนังสือของหมออู๋จบ บีมก็รู้สึกว่า เออนะ บีมกินอาหารซ้ำไปซ้ำมาหลายสัปดาห์ละ บีมอยากกินให้มันหลากหลายบ้าง ไม่งั้นเบื่อแย่ (บีมเกิดปีกุนค่ะ จริง ๆ แล้วเป็นคน enjoy การกินมาก ๆ ถ้ากินซ้ำ ๆ อาจเบื่อได้)
และบีมไม่ได้ออกไปตลาดบ่อยนัก เพราะติดภารกิจ
แต่ด้วยความรู้สึกว่า ต้องออกไปแล้วล่ะ ไม่งั้นก็ต้องรบกวนแม่กับคุณยายนวลให้ไปซื้อผักผลไม้แถว ๆ นี้ให้อยู่เรื่อย ซึ่งมันก็จะได้ผลไม้กับผักเดิม ๆ ค่ะ เพราะตลาดไม่ใหญ่ เป็นตลาดหมู่บ้าน
เย็นวันที่ 26 ค่ะ ชวนคุณพ่อออกไปข้างนอกเลย
ไปซื้อผักผลไม้และถั่วที่โลตัส สาขาพาน (ดีนะ ที่มาเปิดตอนที่บีมกลับมาอยู่บ้านด้วยเนี่ย)
ตอนแรกถือตะกร้าค่ะ คิดว่าพอ แต่พอเดินได้สักพัก รู้ึสึกว่าไม่พอแน่ ๆ เลยฝากตะกร้าผักผลไม้ไว้ที่พนักงานก่อน แล้วออกไปเอารถเข็น
ก็มั่นใจน่ะค่ะ Shop ผักผลไม้เต็มตะกร้า เดินคนเดียวอีกตังหาก คนก็มองนะ เพราะว่ามันมาคนเดียว แล้วทำไมมันซื้อผักผลไม้ไปตุนซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่สนใจใครค่ะ ก็ยังคงเดินเลือกต่อไป
ดีใจมาก ๆ ที่มันมีผักปลอดสารพิษขายที่นี่สักที แต่ก่อนรู้สึกจะไม่มีนะคะ หรือไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ เป็นผักโครงการหลวงค่ะ (ต้องขอบพระคุณในหลวงที่ทำให้เราได้มีผักไร้สารพิษกิน) และก็มีของที่อื่น แต่มันไม่เยอะเ่ท่าที่เมืองใหญ่เช่น เีชียงใหม่หรือกรุงเทพน่ะค่ะ จริง ๆ แล้วที่เชียงรายก็มีที่บิ๊กซี ก็มีครบอยู่ เพราะชาวต่างชาติมาอยู่ มาทำงาน มาเที่ยวก็เยอะ เราก็ได้อานิสงค์ไป (ไม่งั้นคงไม่มีน้ำมันมะกอกกิน)
และนี่คือทั้งหมดที่บีมซื้อมาค่ะ
อ้อลืมบอกไปนิดค่ะว่า บีมจดรายการอาหารฤทธิ์เย็นก่อนออกไปซื้อค่ะ เพราะอยากมั่นใจว่าไม่มีของฤทธิ์ร้อน แล้วเดี๋ยวจะบอกว่าทำไมในโพสต์ที่เขียนเกี่ยวกับ "ถอนพิษหวัด" นะคะ
นี่คือ ผัก และ ผลไม้ฤทธิ์เย็นทั้งหมดค่ะ บีมตั้งใจซื้อผักใบเขียวมาเพิ่มขึ้น เพราะแต่ก่อนกินแต่ผลไม้ซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่อยู่ในภาชนะนั้น คือ ถั่วเหลืองที่พึ่งเอามาแช่น้ำค่ะ เพื่อจะเอาไว้หุงกับข้าวกล้อง
บีมกลัวขาดโปรตีน และได้ข้อมูลมาว่า ถั่วที่แช่น้ำให้งอกเป็นปุ่ม เหมือนกับข้าวกล้องงอกนั้น สารอาหารเยอะไม่เบาค่ะ (หลักการเดียวกับข้าวกล้องงอกค่ะ) เยอะกว่าตอนไม่งอก และถ้างอกแล้ว จะไม่ทำให้ปวดท้องหลังกินด้วยค่ะ ที่ซื้อมาเป็นถั่วฤทธิ์เย็น คือ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว
และที่เพิ่มมาอีกคือ งาดำ และข้าวกล้องของโรงสีพระราชทานค่ะ
และที่เพิ่มมาอีกคือ งาดำ และข้าวกล้องของโรงสีพระราชทานค่ะ
สำหรับเมื่อวาน บีมกินน้ำปั่นผัก (ซึ่งถ้าเด็ด ล้างน้ำ แล้วหั่นเอาไว้ใส่ถุง มันจะสะดวกและไม่เสียเวลาเวลาเอามาปั่นกินค่ะ สำหรับคนมีเวลาน้อย ๆ ขอแนะนำให้ล้าง เด็ด หรือหั่นเก็บในถุงไว้ในตู้เย็นเลยค่ะ) กินประมาณ 6 แก้ว เช้า 2 ก่อนมื้อเที่ยง 1 บ่าย 2 และก่อนมื้อเย็น 1 ก็จะใช้ผักกาดแก้ว ผักปวยเล้ง และผักหวานบ้านเอามาปั่นเป็นส่วนผสมหลักค่ะ แล้วเติมผลไม้ไปตามใจชอบ ถ้าไม่อร่อยก็บีบมะนาวและใส่น้ำผึ้ง
มื้อกลางวันคือสลัดจานนี้ค่ะ น้ำสลัดทำเอง (ภูิมิใจจริงๆ แต่คิดว่าคนอื่นคงกินไม่ได้ 55+)
ในสลัดจะมีผักกาดแก้ว มะเขือเทศ แตงกวา ไ่ข่ต้ม 1 ฟอง (ไข่แถวบ้านค่ะ ไม่ใช่ไข่ที่ขายในห้าง) กะหล่ำดอก ข้าวโพดอ่อน และหน่อไม้ฝรั่งนึ่ง (วิธีนึ่งของบีมคือ เอาน้ำใส่หม้อธรรมดา เอาผักใ่ส่ถ้วยที่ไม่แตก และไม่ละลายนะคะ แล้วเอาถ้วยนี้วางในหม้อที่มีน้ำ แล้วใช้ไฟอ่อนค่ะ ประมาณ 5-10 นาที ก็เอามากินได้แ้ล้ว) และก็ยังมีกีวี กล้วยน้ำว้าสุก
ส่วนน้ำสลัดก็มีน้ำมันมะกอก กระเทียบสับ งาดำโขลกละเอียด (เครื่องบดไม่ดี) น้ำมะนาว เอาคลุกใส่ถ้วยก่อน แล้วค่อยราดบนสลัด
อร่อยมาก ขอบอก :)
ลืมไป มีเห็ดหูหนูดำนึ่งด้วยค่ะ ^^
มื้อกลางวันคือสลัดจานนี้ค่ะ น้ำสลัดทำเอง (ภูิมิใจจริงๆ แต่คิดว่าคนอื่นคงกินไม่ได้ 55+)
ในสลัดจะมีผักกาดแก้ว มะเขือเทศ แตงกวา ไ่ข่ต้ม 1 ฟอง (ไข่แถวบ้านค่ะ ไม่ใช่ไข่ที่ขายในห้าง) กะหล่ำดอก ข้าวโพดอ่อน และหน่อไม้ฝรั่งนึ่ง (วิธีนึ่งของบีมคือ เอาน้ำใส่หม้อธรรมดา เอาผักใ่ส่ถ้วยที่ไม่แตก และไม่ละลายนะคะ แล้วเอาถ้วยนี้วางในหม้อที่มีน้ำ แล้วใช้ไฟอ่อนค่ะ ประมาณ 5-10 นาที ก็เอามากินได้แ้ล้ว) และก็ยังมีกีวี กล้วยน้ำว้าสุก
ส่วนน้ำสลัดก็มีน้ำมันมะกอก กระเทียบสับ งาดำโขลกละเอียด (เครื่องบดไม่ดี) น้ำมะนาว เอาคลุกใส่ถ้วยก่อน แล้วค่อยราดบนสลัด
อร่อยมาก ขอบอก :)
ลืมไป มีเห็ดหูหนูดำนึ่งด้วยค่ะ ^^
ตัวล้างหน้าก็มีแค่ Afresh Spa Soap แค่นั้นล่ะค่ะ ตัวพอกก็แล้วแต่ใจว่าจะพอกอะไร (ไข่แดง น้ำผึ้ง ข้าวโอ๊ต มะนาว)
อ้อ ตอนนี้มันมีขั้นตอนเพิ่มมาอีกหนึ่งค่ะ คือเป็นยาที่ได้จากหมอจีนคราวที่ไปมาเลย์ที่เคยเล่าให้ฟัง ก็ทาตัวนั้นด้วย แต่มันไม่มีสีไม่มีกลิ่นเลยค่ะ เป็นเจลใส ๆ สิวมันไม่ได้ยุบนะ แต่ว่ามันแห้ง หัวออกมาเอง ไม่เหมือนกับยาละลายอุดตันที่เคยใช้ ใส่แล้วเหมือนมีเวทมนตร์ สิวหายเกลี้ยงใน 1 สัปดาห์
และนอกจากอาหารเหล่านี้ บีมเพิ่มจำนวนครั้งการขับถ่ายด้วยการกินผงใยอาหาร ไม่ใช่ยาระบายนะคะ ซึ่งปรับมาจากคำแนะนำของหมออู๋ ในหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ (ไม่เคยได้คอมฯค่ะ เป็นพวกดวงหาประโยชน์จากการขายไม่่ค่อยได้ อะอะ แต่เป็นหนังสือที่บีมคัดสรรมาแล้วในฐานะหนอนหนังสือคนหนึ่ง) หมออู๋แนะนำว่า ไม่ว่าโรคอะไรก็เถอะ ขอให้ถ่ายออกวันละ 3 ครั้ง ดื่มน้ำปั่นผักและผลไม้ใน 1 วันให้ได้ 6 แก้ว และใช้เครื่องปั่น 3 แรงม้าขึ้นไป (ยิ่งคนเป็นสิวมาก ระบบย่อยและลำไส้มักมีปัญหา มีไขมันเคลือบลำไส้ค่ะ การที่มีเครื่องปั่นที่มีคุณภาพและแรงจะช่วยให้โมเลกุลของผักและผลไม้หลังจากปั่นแล้วซึมเข้าเซลล์ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการย่อยค่ะ ใครลังเลที่จะซื้อ แต่อยากหายเ็ป็นสิว อย่าลังเลเลยค่ะ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นสิ่งจำเป็น
แต่จะมีบางที่เค้าบอกว่า ห้ามใช้เครื่องปั่นความเร็วรอบสูงเพราะจะทำให้เกิดความร้อน เอ็นไซม์ในผักและผลไม้หายหมด บีมก็ให้ข้อมูล 2 ด้านนะคะ เพื่อน ๆ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ แล้วใช้สติปัญญาพิจารณาดูว่าควรจะซื้อแบบไหน
แต่สำหรับบีม บีมชอบให้มันละเอียดค่ะ เพราะลำไส้จะได้มีพลังงานเหลือซ่อมแซมตัวเองแทนที่จะต้องเอาเวลามาย่อยอาหารค่ะ และเซลล์ก็ได้พลังงานโดยตรงด้วย
ส่วนมื้อกลางวันนี้ เมื่อกี๊ถ่ายรูปแล้ว หายไปไหนไม่รู้ ก็อดโชว์รูปเลย แต่ว่าเป็นข้าวกล้องที่แช่น้ำ 2 ชั่วโมงหุงกับถั่วเหลืองงอกที่แช่น้ำมา 30 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งหอมอร่อยดี กรุบ ๆ กรอบ ๆ ดีค่ะ กินกับผักต้มไฟอ่อน (หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหูหนูดำ กะหล่ำดอก แล้วบีบมะนาวใส่ลงไปครึ่งผลค่ะ) โดยที่มีแกงส้มหน่อไม้ดองถ้วยใหญ่และหมูทอดวางอยู่ตรงหน้าด้วย แต่วันนี้ ไม่กินสองอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะพอเห็นกับข้าวเปรียบเทียบกันแล้ว รู้สึกเลยว่า อันไหนควรกิน อันไหนไม่ควร หมูทอด นั้น ก็เบียดเบียนสัตว์ เจ้าแกงส้มหน่อไม้ก็กะทิเพียบเลย ขี้เกียจมาเริ่มล้างพิษใหม่ เพราะพึ่งผ่านการถอนพิษมา 2 วันที่แล้วนี่เอง (เป็นหวัด)
จิตใจที่จะไม่กินของไม่ดีสำหรับเรานี้ มันจะค่อย ๆ พัฒนาเองนะคะ เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องไปบังคับตัวเองหรอก ถ้ามื้อไหนใจมันอยากกิน ก็กินไป กินแล้วก็บอกตัวเองว่า พอรึยัง ถ้ากินเยอะ เดี๋ยวก็เป็นพิษให้กับร่างกายอีก และพอเรากินแบบสุขภาพไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ คิดก่อนตักไปเองค่ะ
พัฒนาการของบีม ตอนแรกที่เริ่มกินแนวนี้ เห็นหมูทอด เห็นกับข้าวที่เคยได้กิน ถ้าลองได้ใส่ปากคำนึง หยุดไม่ได้ค่ะ ไม่ได้จริง ๆ พอสักพัก ก็จะเริ่มแอบกิน คือหยิบกินบ้าง แต่ว่าปริมาณน้อยลง และเริ่มควบคุมความอยากของตัวเองได้ และพอตอนนี้ วันนี้ บีมไม่ตักกินเลยทั้งที่มันอยู่ตรงหน้าี่นี่เลย เพราะเราสงสารร่างกายที่จะต้องมา้ล้างพิษซ้ำ ๆ เราก็อยากให้อวัยวะภายในมันรักษาตัวเองให้ดีก่อน (สิวหายหมดแล้ว ไม่ใช่ยังมีเชื้อแล้วกิน มันก็เหมือนต้องเริ่มใหม่ อารมณ์ขี้เกียจเริ่มใหม่ค่ะ เลยไม่กินดีกว่า)
อยากบอกว่า ให้มันค่อยเป็นค่อยไปค่ะ และขอให้คิดว่า นี่คือการเดินทางไปสู่สุขภาพที่สมบูรณ์ที่สร้างจากมือและจิตใจของเราเอง ไม่ใช่ทางลัดสั้น ๆ ที่จะนำไปสู่อะไรบางอย่าง ซึ่งการสร้างนี้ จะเปรียบได้กับการสร้างถาวรวัตถุเช่น กำแพงเมืองจีนเลยทีเดียวล่ะ เพราะเมื่อเราสร้างเสร็จแล้ว มันจะกลายเป็นร่างกายใหม่และชีวิตใหม่ของเรา (ในชาติเดิม) และเราก็ต้องรู้จักวิธีดูแลรักษาให้มันคงอยู่แบบนั้นไปตลอด ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ทำแล้วรู้สึกว่ามันดี ก็ยากที่จะกลับไปทำแบบเดิมค่ะ
และบีมเองตอนนี้ก็พอใจกับสิ่งที่บีมกินค่ะ เพราะทุกอย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ และเดี๋ยวก็จะกินนมหมักจากบัวหิมะเพิ่มอีก และบีมก็สั่งตัวพอก (บัวหิมะ) จากเจ้าเดียวกันนี้มาแ้ล้วค่ะ
เค้าส่งของวันนี้ ก็ต้องเผื่อเวลาเพาะอีกค่ะ คงจะได้กินสัปดาห์หน้า ส่วนตัวพอกหน้าพอกตัวนั้น พอกได้เลย แล้วบีมจะมาอัพเดทนะคะ :)
อ้อ ตอนนี้มันมีขั้นตอนเพิ่มมาอีกหนึ่งค่ะ คือเป็นยาที่ได้จากหมอจีนคราวที่ไปมาเลย์ที่เคยเล่าให้ฟัง ก็ทาตัวนั้นด้วย แต่มันไม่มีสีไม่มีกลิ่นเลยค่ะ เป็นเจลใส ๆ สิวมันไม่ได้ยุบนะ แต่ว่ามันแห้ง หัวออกมาเอง ไม่เหมือนกับยาละลายอุดตันที่เคยใช้ ใส่แล้วเหมือนมีเวทมนตร์ สิวหายเกลี้ยงใน 1 สัปดาห์
และนอกจากอาหารเหล่านี้ บีมเพิ่มจำนวนครั้งการขับถ่ายด้วยการกินผงใยอาหาร ไม่ใช่ยาระบายนะคะ ซึ่งปรับมาจากคำแนะนำของหมออู๋ ในหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ (ไม่เคยได้คอมฯค่ะ เป็นพวกดวงหาประโยชน์จากการขายไม่่ค่อยได้ อะอะ แต่เป็นหนังสือที่บีมคัดสรรมาแล้วในฐานะหนอนหนังสือคนหนึ่ง) หมออู๋แนะนำว่า ไม่ว่าโรคอะไรก็เถอะ ขอให้ถ่ายออกวันละ 3 ครั้ง ดื่มน้ำปั่นผักและผลไม้ใน 1 วันให้ได้ 6 แก้ว และใช้เครื่องปั่น 3 แรงม้าขึ้นไป (ยิ่งคนเป็นสิวมาก ระบบย่อยและลำไส้มักมีปัญหา มีไขมันเคลือบลำไส้ค่ะ การที่มีเครื่องปั่นที่มีคุณภาพและแรงจะช่วยให้โมเลกุลของผักและผลไม้หลังจากปั่นแล้วซึมเข้าเซลล์ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการย่อยค่ะ ใครลังเลที่จะซื้อ แต่อยากหายเ็ป็นสิว อย่าลังเลเลยค่ะ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นสิ่งจำเป็น
แต่จะมีบางที่เค้าบอกว่า ห้ามใช้เครื่องปั่นความเร็วรอบสูงเพราะจะทำให้เกิดความร้อน เอ็นไซม์ในผักและผลไม้หายหมด บีมก็ให้ข้อมูล 2 ด้านนะคะ เพื่อน ๆ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ แล้วใช้สติปัญญาพิจารณาดูว่าควรจะซื้อแบบไหน
แต่สำหรับบีม บีมชอบให้มันละเอียดค่ะ เพราะลำไส้จะได้มีพลังงานเหลือซ่อมแซมตัวเองแทนที่จะต้องเอาเวลามาย่อยอาหารค่ะ และเซลล์ก็ได้พลังงานโดยตรงด้วย
ส่วนมื้อกลางวันนี้ เมื่อกี๊ถ่ายรูปแล้ว หายไปไหนไม่รู้ ก็อดโชว์รูปเลย แต่ว่าเป็นข้าวกล้องที่แช่น้ำ 2 ชั่วโมงหุงกับถั่วเหลืองงอกที่แช่น้ำมา 30 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งหอมอร่อยดี กรุบ ๆ กรอบ ๆ ดีค่ะ กินกับผักต้มไฟอ่อน (หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหูหนูดำ กะหล่ำดอก แล้วบีบมะนาวใส่ลงไปครึ่งผลค่ะ) โดยที่มีแกงส้มหน่อไม้ดองถ้วยใหญ่และหมูทอดวางอยู่ตรงหน้าด้วย แต่วันนี้ ไม่กินสองอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะพอเห็นกับข้าวเปรียบเทียบกันแล้ว รู้สึกเลยว่า อันไหนควรกิน อันไหนไม่ควร หมูทอด นั้น ก็เบียดเบียนสัตว์ เจ้าแกงส้มหน่อไม้ก็กะทิเพียบเลย ขี้เกียจมาเริ่มล้างพิษใหม่ เพราะพึ่งผ่านการถอนพิษมา 2 วันที่แล้วนี่เอง (เป็นหวัด)
จิตใจที่จะไม่กินของไม่ดีสำหรับเรานี้ มันจะค่อย ๆ พัฒนาเองนะคะ เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องไปบังคับตัวเองหรอก ถ้ามื้อไหนใจมันอยากกิน ก็กินไป กินแล้วก็บอกตัวเองว่า พอรึยัง ถ้ากินเยอะ เดี๋ยวก็เป็นพิษให้กับร่างกายอีก และพอเรากินแบบสุขภาพไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ คิดก่อนตักไปเองค่ะ
พัฒนาการของบีม ตอนแรกที่เริ่มกินแนวนี้ เห็นหมูทอด เห็นกับข้าวที่เคยได้กิน ถ้าลองได้ใส่ปากคำนึง หยุดไม่ได้ค่ะ ไม่ได้จริง ๆ พอสักพัก ก็จะเริ่มแอบกิน คือหยิบกินบ้าง แต่ว่าปริมาณน้อยลง และเริ่มควบคุมความอยากของตัวเองได้ และพอตอนนี้ วันนี้ บีมไม่ตักกินเลยทั้งที่มันอยู่ตรงหน้าี่นี่เลย เพราะเราสงสารร่างกายที่จะต้องมา้ล้างพิษซ้ำ ๆ เราก็อยากให้อวัยวะภายในมันรักษาตัวเองให้ดีก่อน (สิวหายหมดแล้ว ไม่ใช่ยังมีเชื้อแล้วกิน มันก็เหมือนต้องเริ่มใหม่ อารมณ์ขี้เกียจเริ่มใหม่ค่ะ เลยไม่กินดีกว่า)
อยากบอกว่า ให้มันค่อยเป็นค่อยไปค่ะ และขอให้คิดว่า นี่คือการเดินทางไปสู่สุขภาพที่สมบูรณ์ที่สร้างจากมือและจิตใจของเราเอง ไม่ใช่ทางลัดสั้น ๆ ที่จะนำไปสู่อะไรบางอย่าง ซึ่งการสร้างนี้ จะเปรียบได้กับการสร้างถาวรวัตถุเช่น กำแพงเมืองจีนเลยทีเดียวล่ะ เพราะเมื่อเราสร้างเสร็จแล้ว มันจะกลายเป็นร่างกายใหม่และชีวิตใหม่ของเรา (ในชาติเดิม) และเราก็ต้องรู้จักวิธีดูแลรักษาให้มันคงอยู่แบบนั้นไปตลอด ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ทำแล้วรู้สึกว่ามันดี ก็ยากที่จะกลับไปทำแบบเดิมค่ะ
และบีมเองตอนนี้ก็พอใจกับสิ่งที่บีมกินค่ะ เพราะทุกอย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ และเดี๋ยวก็จะกินนมหมักจากบัวหิมะเพิ่มอีก และบีมก็สั่งตัวพอก (บัวหิมะ) จากเจ้าเดียวกันนี้มาแ้ล้วค่ะ
เค้าส่งของวันนี้ ก็ต้องเผื่อเวลาเพาะอีกค่ะ คงจะได้กินสัปดาห์หน้า ส่วนตัวพอกหน้าพอกตัวนั้น พอกได้เลย แล้วบีมจะมาอัพเดทนะคะ :)
ความคิดเห็น