ประสบการณ์ถอนพิษร้อนและหวัดด้วยอาหารฤทธิ์เย็น
จะเขียนเรื่องนี้มาหลายวันแล้วค่ะ เพราะตื่นเต้นที่สิ่งที่เป็นทฤษฎีร้อน-เย็น หยินหยางมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยค่ะ
ที่เขียนนี้ก็จะขอ confirm ว่าทฤษฎีร้อนเย็นนี้ไม่ใช่คำพูดงดงามทางวิชาการค่ะ แต่เป็นสิ่งที่เอามาใช้ได้จริง
เรื่องมันเริ่มว่า ...
ตอนที่บีมกลับมาจากมาเลเซีย บีมตั้งใจว่าจะต้องขับเอาพิษที่กินจากอาหารฤทธิ์ร้อนที่ได้กินเข้าไปแบบมโหฬาร (กินทุกวัน มื้อหนักซะด้วยค่ะ) ออก
ประกอบกับซื้อหนังสือของหมออู๋มาด้วย ก็อยากลองสูตรที่เค้าเขียน
ในวันแรกที่ล้างพิษ บีมยังดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ปกติอยู่ค่ะ
แต่พอเช้าวันที่ 2
บีมโขลกขิงแก่ 7-8 แว่น เมล็ดพริกไทยดำประมาณ 8 เมล็ด แล้วก็กระเทียมสับอีก 7 กลีบ โขลกจนเข้ากันดีแล้วใส่ลงไปในน้ำปั่นผักผลไม้สูตรปกติ!
รสชาติ...เผ็ดร้อนมากกกก
ปั่นออกมาได้ 2 แก้วใหญ่ค่ะ ก็เสียดาย อีกถ้วยนึงเลยเก็บในตู้เย็น
แก้วแรกกินด้วยความกระอักกระอ่วน แต่ก็นะ ขอลองหน่อย ก็กินจนหมด
บีมรู้สึกเลยว่า 1 ชั่วโมงผ่านไป ตัวเริ่มอุ่นละ อุ่นมาถึงมือเลยค่ะ
2 ชั่วโมงผ่านไป เริ่มมีน้ำมูกใส ๆ ไหล
3 ชั่วโมงผ่านไปเริ่มเจ็บคอ
เอ๊ะ นี่มันอาการอะไรเนี่ย หวัดเหรอ?
แต่ก็นึกถึงหมอเขียวนะคะว่า อาการหวัดคือ กินอาหารฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายพยายามขับพิษออกทางคอค่ะ พอร้อนมาก ๆ ร่างกายก็เลยขับน้ำออกมาทางนี้เพื่อระบายความร้อนออกไปค่ะ
แต่ยังค่ะ ยังไม่รู้สึกตัวดี
ไปเอาอีกถ้วยในตู้เย็นมากินเป็นมื้อเที่ยง
เท่านั้นล่ะค่ะ....
ตอนเย็นเริ่มเป็นหวัดจริง ๆ เจ็บคอ จามตลอด
ก็พอแน่ใจแล้วว่า ใช่แน่ ๆ ต้องเป็นฤทธิ์ร้อนที่กินแน่นอน
หลังจากนี้ ระดมกินพวกฤทธิ์เย็นเลยค่ะ น้ำมะนาวเอย (ค่อย ๆจิบ) น้ำปั่นผักผลไม้ฤทธิ์เย็นทั้งหมด น้ำเปล่า
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ยังไม่หายดีนะคะ ก็ยังเป็นอยู่ น้ำมูกใสไหลตลอด ต้องเอาทิชชูอุดจมูก อะอะ (ออกแนว...)จริงๆ นะคะ ไหลตลอดจริง ๆ จนจมูกถลอกหมดแล้วเพราะเอาผ้าเช็ด
แต่ก็ระดมกินฤทธิ์เย็นเหมือนเดิมค่ะ วันที่สามนี้ กินทั้งวันเลย ฤทธิ์เย็นและนอนเยอะ ๆ
ช่วงนี้บีมไม่ออกกำลังนะคะ เพราะร่างกายต้องเอาพลังงานไปใช้พักฟื้น จะได้หายเร็ว ๆ
ในที่สุด ช่วงบ่าย ๆ ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติค่ะ
และอาการทั้งหมดก็หายไปช่วงค่ำ ๆ นั้นแหละค่ะ
สรุปว่าเป็นอาการหวัดแบบนี้อยู่ 2 วันกว่า
ซึ่งค่อนข้างแน่ใจว่า กินของเผ็ดร้อนที่มีฤทธิ์ร้อนมากเกินไป
ใครเป็นหวัด ยิ่งไปกินของฤทธิ์ร้อนจะไม่หายนะคะ คนหลายคนเข้าใจผิดกินอะไรฤทธิ์ร้อนเข้าไป เลยไม่หายสักที
ร่างกายมันจะไม่หายทันทีหรอกค่ะ และอาจจะมีเสลด มีน้ำมูกเขียว ๆ บ้าง แต่จะไม่รุนแรง ซึ่งในที่สุดจะค่อย ๆทุเลาและหายไปเองในเวลาไม่นาน ถ้าเราดูแลถูกวิธีนะคะ
เป็นหวัดเค้าถึงให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะจะได้พาเอาความร้อนออกจากร่างกายค่ะ
และีบีมก็ไปนั่งตากแดดให้มันช่วยฆ่าเชื้อโรค ช่วยให้เหงื่อออกระบายความร้อนออกไปอีกค่ะ ซึ่งก็คิดว่าช่วยได้มากนะคะ
เวลาหายใจก็หายใจลึก ๆ ค่ะ เพราะเชื้อโรคไม่ค่อยชอบออกซิเจน และถ้าเราหายใจช้า ของเสียจากการหายใจของเซลล์ก็ลดน้อยลงด้วยค่ะ จะได้ลดของเสียในร่างกายด้วย
หวังว่าทุกคนจะได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไปดูแลตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับหน้าหนาวที่จะถึงนี้นะคะ
อ้อ...หนังสือหมออู๋บอกอีกว่า ใครรับวิตามินดีน้อย ก็มีโอกาสเป็นหวัดสูงค่ะ ถ้าหากว่าต้องการป้องกันหวัด แต่เราไม่ค่อยเจอแดดดี ๆ หรือฤดูนั้นไม่ค่อยมีแดด ก็ให้ทานอาหารที่มีวิตาิมินดีเยอะ ๆ ค่ะ จะช่วยได้
ขอให้สุขภาพกันถ้วนหน้านะคะ
ที่เขียนนี้ก็จะขอ confirm ว่าทฤษฎีร้อนเย็นนี้ไม่ใช่คำพูดงดงามทางวิชาการค่ะ แต่เป็นสิ่งที่เอามาใช้ได้จริง
เรื่องมันเริ่มว่า ...
ตอนที่บีมกลับมาจากมาเลเซีย บีมตั้งใจว่าจะต้องขับเอาพิษที่กินจากอาหารฤทธิ์ร้อนที่ได้กินเข้าไปแบบมโหฬาร (กินทุกวัน มื้อหนักซะด้วยค่ะ) ออก
ประกอบกับซื้อหนังสือของหมออู๋มาด้วย ก็อยากลองสูตรที่เค้าเขียน
ในวันแรกที่ล้างพิษ บีมยังดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ปกติอยู่ค่ะ
แต่พอเช้าวันที่ 2
บีมโขลกขิงแก่ 7-8 แว่น เมล็ดพริกไทยดำประมาณ 8 เมล็ด แล้วก็กระเทียมสับอีก 7 กลีบ โขลกจนเข้ากันดีแล้วใส่ลงไปในน้ำปั่นผักผลไม้สูตรปกติ!
รสชาติ...เผ็ดร้อนมากกกก
ปั่นออกมาได้ 2 แก้วใหญ่ค่ะ ก็เสียดาย อีกถ้วยนึงเลยเก็บในตู้เย็น
แก้วแรกกินด้วยความกระอักกระอ่วน แต่ก็นะ ขอลองหน่อย ก็กินจนหมด
บีมรู้สึกเลยว่า 1 ชั่วโมงผ่านไป ตัวเริ่มอุ่นละ อุ่นมาถึงมือเลยค่ะ
2 ชั่วโมงผ่านไป เริ่มมีน้ำมูกใส ๆ ไหล
3 ชั่วโมงผ่านไปเริ่มเจ็บคอ
เอ๊ะ นี่มันอาการอะไรเนี่ย หวัดเหรอ?
แต่ก็นึกถึงหมอเขียวนะคะว่า อาการหวัดคือ กินอาหารฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายพยายามขับพิษออกทางคอค่ะ พอร้อนมาก ๆ ร่างกายก็เลยขับน้ำออกมาทางนี้เพื่อระบายความร้อนออกไปค่ะ
แต่ยังค่ะ ยังไม่รู้สึกตัวดี
ไปเอาอีกถ้วยในตู้เย็นมากินเป็นมื้อเที่ยง
เท่านั้นล่ะค่ะ....
ตอนเย็นเริ่มเป็นหวัดจริง ๆ เจ็บคอ จามตลอด
ก็พอแน่ใจแล้วว่า ใช่แน่ ๆ ต้องเป็นฤทธิ์ร้อนที่กินแน่นอน
หลังจากนี้ ระดมกินพวกฤทธิ์เย็นเลยค่ะ น้ำมะนาวเอย (ค่อย ๆจิบ) น้ำปั่นผักผลไม้ฤทธิ์เย็นทั้งหมด น้ำเปล่า
เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ยังไม่หายดีนะคะ ก็ยังเป็นอยู่ น้ำมูกใสไหลตลอด ต้องเอาทิชชูอุดจมูก อะอะ (ออกแนว...)จริงๆ นะคะ ไหลตลอดจริง ๆ จนจมูกถลอกหมดแล้วเพราะเอาผ้าเช็ด
แต่ก็ระดมกินฤทธิ์เย็นเหมือนเดิมค่ะ วันที่สามนี้ กินทั้งวันเลย ฤทธิ์เย็นและนอนเยอะ ๆ
ช่วงนี้บีมไม่ออกกำลังนะคะ เพราะร่างกายต้องเอาพลังงานไปใช้พักฟื้น จะได้หายเร็ว ๆ
ในที่สุด ช่วงบ่าย ๆ ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติค่ะ
และอาการทั้งหมดก็หายไปช่วงค่ำ ๆ นั้นแหละค่ะ
สรุปว่าเป็นอาการหวัดแบบนี้อยู่ 2 วันกว่า
ซึ่งค่อนข้างแน่ใจว่า กินของเผ็ดร้อนที่มีฤทธิ์ร้อนมากเกินไป
ใครเป็นหวัด ยิ่งไปกินของฤทธิ์ร้อนจะไม่หายนะคะ คนหลายคนเข้าใจผิดกินอะไรฤทธิ์ร้อนเข้าไป เลยไม่หายสักที
ร่างกายมันจะไม่หายทันทีหรอกค่ะ และอาจจะมีเสลด มีน้ำมูกเขียว ๆ บ้าง แต่จะไม่รุนแรง ซึ่งในที่สุดจะค่อย ๆทุเลาและหายไปเองในเวลาไม่นาน ถ้าเราดูแลถูกวิธีนะคะ
เป็นหวัดเค้าถึงให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะจะได้พาเอาความร้อนออกจากร่างกายค่ะ
และีบีมก็ไปนั่งตากแดดให้มันช่วยฆ่าเชื้อโรค ช่วยให้เหงื่อออกระบายความร้อนออกไปอีกค่ะ ซึ่งก็คิดว่าช่วยได้มากนะคะ
เวลาหายใจก็หายใจลึก ๆ ค่ะ เพราะเชื้อโรคไม่ค่อยชอบออกซิเจน และถ้าเราหายใจช้า ของเสียจากการหายใจของเซลล์ก็ลดน้อยลงด้วยค่ะ จะได้ลดของเสียในร่างกายด้วย
หวังว่าทุกคนจะได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยไปดูแลตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับหน้าหนาวที่จะถึงนี้นะคะ
อ้อ...หนังสือหมออู๋บอกอีกว่า ใครรับวิตามินดีน้อย ก็มีโอกาสเป็นหวัดสูงค่ะ ถ้าหากว่าต้องการป้องกันหวัด แต่เราไม่ค่อยเจอแดดดี ๆ หรือฤดูนั้นไม่ค่อยมีแดด ก็ให้ทานอาหารที่มีวิตาิมินดีเยอะ ๆ ค่ะ จะช่วยได้
ขอให้สุขภาพกันถ้วนหน้านะคะ
ความคิดเห็น