เข้าใจหลักกระบวนการถอนพิษ

กลับมาจนได้ค่ะ อิอิ กลับมาก่อนกำหนด เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากค่ะ แต่เป็นช่วงที่ทำร้ายร่างกายสุด ๆ

เมื่อวานนี้บีมต้องแกร่วที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะเที่ยวบินล่าช้าค่ะ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยเข้าร้านหนังสือ จะไปดูซะหน่อยว่าหนังสือเกี่ยวกับสิว ความงาม หรือสุขภาพมันมีอะไรอัพเดทมั่ง (จะได้เอามาอัพเดทตัวเองและเพื่อน ๆ กันไงคะ)

และแล้ว สายตาก็สอดส่องไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ขอบอกว่า คุ้มค่ามาก ๆ ที่ซื้อมา เอาไว้เดี๋ยวบีมค่อยเขียน review แยกไปนะคะสำหรับหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมันมีข้อมูลที่เป็นจิ๊กซอว์อีกอันหนึ่งที่ทำให้บีมเชื่อมั่นและเข้าใจว่า ร่างกายมีหลักการถอนพิษและรักษาตัวเองอย่างไรค่ะ

สิ่งที่บีมและเพื่อน ๆ หลายคนต้องเคยได้ยินได้ฟังมาแน่ ๆ ก็คือ มันขับพิษออกมา รอให้มันขับสิวออกมา อย่าไปหยุด

แต่ก่อนนี้ ทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม แล้วเริ่มมีสิวขึ้น บีมไม่เคยแยกออกค่ะว่า อะไรคือสิวแพ้ อะไรคือสิวขับ

ตอนนี้มีประสบการณ์แล้ว แม้จะไม่มาก แต่คิดว่า เรื่องของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทำให้มันดูซับซ้อนมากนัก เราใช้ common sense กันก็พอแล้วค่ะ ร่างกายต้องการอะไรง่าย ๆ ขอแค่เราฟังเค้าก็พอ นอกนั้น เค้าจะจัดการให้เราหมดด้วยกระบวนการอันลึกลับซับซ้อนที่วิทยาศาสตร์ก็ไ่ม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด

เรามีหน้าที่ตั้งใจฟัง ตั้งใจดู และเข้าใจสัญญาณที่ร่างกายส่งออกมา และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อให้เค้าทำงานได้เต็มที่เท่านั้นแหละค่ะ

สิวแพ้ จะมีอาการคัน แสบ ร้อน แดง ร่วมด้วย และมักจะเป็นผดเล็ก ๆ มีน้ำใส ๆ ไม่มีหัวสิว
สิวขับ ไม่มีอาการดังกล่าวค่ะ อาจจะขึ้นเยอะ แต่ว่าจะหายไปในเวลาไม่นาน หากเรามีการกินอาหารที่ดีและทำครบองค์ประกอบสุขภาพ น.ส. 4 อ.

เรามาเข้าใจกระบวนการถอนพิษกันนะคะ

จากที่บีมสังเกตตัวเอง อ่านหนังสือ อ่านเอกสารต่าง ๆ พบว่า หากเราหยุดการใช้ยาและสารเคมีต่าง ๆ และหันมาให้ร่างกายใช้กลไกที่มีอยู่บำรุงรักษาฟื้นฟูตัวเองแล้ว

ทุกคนจะต้องมีช่วง "ถอนพิษ" แน่นอนค่ะ

ซึ่งจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ ชนิดของสารพิษ และ ระยะเวลาการสะสมพิษ รวมไปถึงปริมาณและขนาดของความเสื่อมที่เกิดขึ้นที่เซลล์ของเรา

ในหนังสือเล่มที่บีมพึ่งซื้อมาใหม่นั้น ชื่อว่า ธรรมชาติช่วยชีวิต: หลากวิธีดูแลและรักษาสุขภาพด้วยผักผลไม้และเมล็ดพืช ที่เขียนโดย Dr.Tom Wu แล้วนำมาแปลเป็นไทยโดยคุณ เรืองชัย รักศรีอักษร ซึ่งคุณหมอคนนี้เคยถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดเมื่ออายุ 30 ปี และอยู่ขั้น 3 ซึ่งหมอที่ดูแลคุณหมอคนนี้อยู่บอกว่า ไม่เกิน 1 เืดือน แต่ด้วยวิธีการที่คุณหมอค้นพบ (ซึ่งเหมือนกับที่เรากินน้ำปั่นผักผลไม้ี่นี่ล่ะค่ะ แต่เค้ามีสูตรเยอะแยะเลยนะคะในเล่ม สำหรับโรคนู้นโรคนี้ และได้ผลจริงกับคนทั่วโลกมาแล้วค่ะ เพราะคุณหมอได้รับเกียรติให้เดินทางไปเผยแพร่สูตรที่ว่านี้ที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายปีแล้วค่ะ) ลอง google ดูนะคะ (บีมยังไม่ได้ลอง แต่น่าจะมีข้อมูลนะคะ ขายที่ร้านหนังสือนายอินทร์)

บีมอ่านเล่มนี้จบรวดเดียวเมื่อวานตอนนั่งรอขึ้นเครื่องรอบดึก คนอย่างบีมชอบเปิดดูคำยืนยันจากผู้ที่ได้รับการรักษาค่ะ และไปเจอคนหนึ่งซึ่งเ็ป็นโรคผิวหนังอักเสบ เป็นแพทย์แผนจีน ที่ฮ่องกง

ขออนุญาติตัดข้อความส่วนหนึ่งมานะคะ

ตอนเริ่มดื่มน้ำผักผลไม้ยังดีอยู่ แต่หลังจากผ่านไปสามเดือน ใบหน้าเริ่มคันและแดง ปลายนิ้วมือเริ่มเป็นแผลเปื่อย จากนั้นก็ลามไปที่นิ้วเท้ากับลำตัว แต่ผมไม่ตกใจ เพราะรู้ดีว่านี่เป็นปฏิกิริยาขับพิษตามธรรมชาติ ผมป่วยด้วยโรคผิวหนังมาตั้งแต่เด็ก มักใ้ช้ยาแผนตะวันตกทาเป็นประจำ ตอนอายุสิบกว่าขวบเป็นหัดเยอรมันถึงสามครั้ง พ่อแม่ต้องพาไปฉีดยา ตอนนี้นิ้วมือบริเวณที่เป็นแผลเปื่อยรุนแรงที่สุดตรงกับจุดที่ตอนเด็กทายามากทีุ่สุด แสดงว่าพิษยาเหล่านี้ยังคงติดตัวมาตลอด ผมไม่กินยาจีนเลยเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพของน้ำผักผลไม้ แผลเปื่อยที่ผิวหนังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเวลาเกือบปีึจึงหายสนิท เป็นผลจากการใช้ยาแผนตะวันตกอย่างไม่ระวัง

ในระหว่างนั้น ผมจึงตระหนักถึงประสิทธิภาพของน้ำผักผลไม้อย่างลึกซึ้ง ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ น้ำหนักตัวลดจาก 77 กก. เหลือ 62 กก. รู้สึกสบายตัว จิตใจกระชุ่มกระชวย


ส่วนเคสของ Seppo นั้น จะเป็นช่วงที่เค้าหายจากสิวแล้วค่ะ แต่ว่ารู้สึกเค้าจะไปแพ้อะไรสักอย่าง หรือรับสารอะไรสักอย่างเข้าไป เค้าทำการอดอาหารดีท็อกซ์ร่างกาย แล้วเกิดเป็นไข้หวัด พอไข้หวัดหายไป อาการแพ้นั้นก็หายไปด้วย

ส่วนกรณีของบีมนั้น บีมมีปัญหาเกี่ยวกับปอดและระบบทางเดินหายใจก่อนหน้านี้ ซึ่งคอบีมจะแห้งเป็นระยะ ๆ ลมหายใจจะร้อน เหมือนจะเป็นหวัด แต่พอบีมปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ สัก 1-2 ชั่วโมง อาการเหล่านี้จะหายไปเองค่ะ นี่คือระบบฟื้นฟูตัวเองของร่างกายค่ะ โดยที่บีมสร้างสภาพร่างกายให้เค้าเข้มแข็ง และตัวบีมเองไม่กินยามาตลอด 4-5 เดือนนี้ค่ะ และไม่เคยเป็นหวัดเลยตั้งแต่ดูแลสุขภาพแบบนี้มา ผลลัพธ์คือ ระบบภูมิคุ้มกันสามารถรักษาตัวเองได้

ส่วนเรื่องสิว ช่วงแรก ๆ ที่บีมกินตามแนวสุขภาพนี้ สิวจะหายไปค่ะ เหมือนจะดีแล้วนะ แต่เดือนนี้ นับเป็นเดือนที่ 2 ของบีม สิวจะขึ้นตามแนวทั้งหมดที่บีมเคยทายา

ซึ่งสอดคล้องกับหนังสือของ Seppo ที่ว่าช่วงเดือนที่ 2 และ 4 นั้นจะเป็นช่วงถอนพิษของร่างกายค่ะ ใครจะรุนแรงมากหรือน้อยอย่างไร ก็สุดแล้วแต่อะไรที่เราเคยทำมาค่ะ และระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายค่ะ

เพราะอะไรทราบมั้ยคะ? ช่วงเดือนนี้ ระบบภูมิคุ้มกันของเรา หรือทหารและตำรวจของเราจะแข็งแรงกันมากขึ้น กลไกการขับพิษของร่างกายเริ่มทำงานได้ตามปกติ เค้าจะซอกซอนไปตามเส้นเลือด น้ำเหลือง เซลล์ในที่ต่าง ๆ และถ้าเจอพิษ เจอส่วนที่เสีย เค้าจะเข้าซ่อมแซม และขับพิษออกสู่กระแสเลือดเพื่อขับออกทางช่องทางต่าง ๆ ต่อไป

ถ้าหากว่าเพื่อน ๆ ยังไม่สามารถทำให้ลำไส้ทำงานโดยปกติได้ (คุณหมออู๋บอกว่า ต้องถ่ายให้ได้ 3 ครั้งต่อวัน 1 ครั้งถือว่าท้องผูก) และยังทานอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ

พิษก็จะไปออกที่หน้าค่ะ เพราะมันออกทางลำไส้ หรือปัสสาวะได้ไม่ดี

และจาก http://skin.health-info.org/content/body-maps-and-rosacea-western-research-meets-chinese-medical-ideas และจากการสอบถาม @drchain

ทำให้บีมทราบอีกว่า โรคผิวหนังนั้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวที่หน้า) มีเส้นที่สัมพันธ์กับท้องหลายเส้น

อยากให้หน้าดี ก็ดูแลเรื่องลำไส้ให้ดีก่อนนะคะ

ส่วนหลังจากนั้น กระบวนการล้างพิษต้องปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ

ทายาที่จุดไหน นานเท่าไหร่ ส่วนนั้นก็จะมีการขับพิษออกมามากด้วยค่ะ
ถ้าเรายิ่งไปเก็บไปกดมันไว้ด้วยยา มันก็จะสะสมแบบนั้นเรืื่อยไป และติดยาไปเรื่อย ๆ ค่ะ

และบีมมีข้อสังเกตนะคะว่า จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม่จำเป็นเลยค่ะ ผลิตภัณฑ์รักษาสิวก็ไม่จำเป็น ถ้าหากมีการกินสารอินทรีย์จากพืชผักสด (หมออู๋ทาน 6 แก้วต่อวันค่ะ มื้อกลางวันเป็นสลัด วันอาิทิตย์เป็นวันกินอาหารกับเพื่อนฝูงและครอบครัว ก็จะเป็นอาหารทั่วไป)

อย่างไรก็ตาม สิวที่หน้าสัมพันธ์กับปัญหาของอวัยวะภายใน ในบางคน หาก 3 -4 เดือนรู้สึกว่าไม่ดีขึ้นเลย อาจจะต้องลองปรึกษาหมอจีนที่น่าเชื่อถือและเก่ง ๆ นะคะ หรือจะใช้วิธีอย่างไรก็สุดแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนค่ะ

แต่จะชี้ให้เห็นว่า เราสะสมพิษมานานตั้งกี่ปี

คุณหมอที่เป็นผิวหนังอักเสบและมือเปื่อย ต้องใช้เวลาแค่ 1 ปีกว่าจนหายสนิท
คุณหมออู๋ต้องใช้เวลาแค่ 6 เดือนจนมะเร็งจะหายดี

เพราะฉะนั้น บีมจะไปต่อค่ะ

บีมจะบอกว่า ที่อกและหลังที่ไม่เคยทายารักษาสิวเลย คือ ไม่เคยทำอะไรมันเลยนอกซะจากมันจะได้อานิสงค์จากการกินโรแอค และทำให้สิวหาย

ตอนนี้ ไม่มีสิวแล้วค่ะ

นั่นหมายความว่า ที่หน้าบีม มันคงกำลังถอนพิษยาบางอย่างออกมา ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับยาทา และเกี่ยวกับปัญหาลำไส้ที่คงกำลังซ่อมแซมตัวเองยู่ ซึ่งบีมไม่มีคันหน้า ไม่ปวด แสบแดงใด ๆ เลยค่ะ

ส่วนแผลที่เคยโดนหมัดแมวกัด ใช้เวลาไม่นาน ผิวด้าน ๆ จากการระคายเคือง หายเป็นผิวธรรมดา แต่ก็ยังคงมีรอยดำทิ้งไว้ แต่ตอนนี้ผิวเนียนปกติแล้วค่ะ

หวังว่า เพื่อน ๆ จะเข้าใจกระบวนการขับพิษมากขึ้นนะคะ และขอเป็นกำลังใจให้สำหรับการเลือกรักษาสิวตามแนวทางนี้ ซึ่งบีมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ต้องใช้ได้กับทุกคนค่ะ แต่จะใช้ระยะเวลามากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำมาค่ะ

ดังนั้น ใครที่หาหมอมานาน บีมต้องขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าเลือกที่จะทำทางนี้ ทำให้สุด ๆ ค่ะ เพราะคุณจะมีการถอนพิษที่ค่อนข้างรุนแรงและนานกว่าคนอื่น อาจจะรู้สึกเหมือนไม่หาย แต่ขอให้ทำต่อไป และทำให้ถูกวิธี

ถ้าตัดสินใจจะไปทางนี้แล้ว และมีคำถามเพิ่มเติม บีมยินดีตอบคำถามนะคะ

บีมอาจจะไม่ใช่กูรู แต่ก็พยายามศึกษา้ข้อมูลและปฏิบัติเองและคิดว่ามันคงจะเ็ป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ


ความคิดเห็น