คำถาม-คำตอบเรื่องการล้างพิษและขับพิษ
หลังจากที่บีมได้อ่านหนังสือ "เข็มทิศสุขภาพ" ของ Alex Wu ทีแปลโดยคุณ อมร ทองสุก (ขอบคุณจริง ๆ นะคะที่ได้เลือกแปลและเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ออกมา...ธรรมะจัดสรรให้มาเจอจริง ๆ) ไปได้จะครึ่งเล่ม บีมพบคำตอบสำหรับคำถามที่มีมานาน และอยากจะเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ ที่ได้ตัดสินใจทดลองรักษาสิวในแบบธรรมชาติบำบัดองค์รวมได้เข้าใจกระบวนการของมันมากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการรักษาสิวด้วยตัวเองและเพื่อสุขภาพที่ดีตลอดไป
จริง ๆ แล้วบีมเคยค้นคว้ามาก่อนค่ะว่า ทำไมพวกเราทุกคนที่ได้เลือกรักษาตัวเองโดยไม่ใช้ยา คือให้ธรรมชาติรักษาตัวเองแทนนั้น จึงต้องขับพิษออกมาก่อน ไม่ขับได้มั้ย เพราะทุกคนรู้สึกว่าเป็นสิวก็แย่พออยู่แล้ว ยังจะต้องขับอะไรออกมาให้มันเแย่กว่านี้อีก
บีมจึงพยายามหาคำตอบมาค่ะ แต่จนแล้วจนรอด บีมเองก็รู้สึกว่ามันก็ไม่เห็นภาพ ไม่ได้คำตอบโดนใจจริง ๆ เสียที
บีมเคยเขียนอธิบายไปแล้วครั้งหนึ่งในบทความเรื่อง "บริษัทตับกำจัดสิว ภาค 2" ค่ะว่า การล้างพิษนั้นมันจะมีพิษต่างๆ ถูกชำระล้างออกมาพร้อมอนุมูลอิสระในกระบวนการด้วย ใครร่างกายอ่อนแอ สารอาหารในตับไม่พอต่อกระบวนการนี้ก็จะโดนจัดหนัก อ่วมหนักตอนล้างพิษอยู่เหมือนกัน และฝรั่งเขาจะเน้นเสริมวิตามินหรือสารอาหารต่าง ๆ ที่ตับต้องใช้ในกระบวนการล้างพิษให้ครบค่ะ หรือแม้กระทั่งจะต้องมีการเตรียมร่างกายให้ได้รับสารอาหารครบและนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนที่จะทำการล้างพิษเพื่อลดผลข้างเคียงของการล้างพิษให้ได้มากทีุ่สุด
มาวันนี้ อ่านเล่มนี้ บีมเข้าใจแจ่มแจ้ง และจะแถลงไขให้ฟังตามความรู้อันพึ่งประมวลได้ดังนี้ค่ะ
1. ทำไมเมื่อเราล้างพิษแล้ว ร่างกายจะต้องมีการขับพิษออกมา ทำไมต้องมีสิวขึ้นอีก ทำไมรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว และจะเลี่ยงไม่ได้เกิดสิ่งนี้ได้หรือไม่
ตอบ บีมขอยกสิ่งที่เขาเขียนในหนังสือเล่มนี้มานะคะ จะเห็นภาพมากกว่า
เมื่อเลือดภายในร่างกายได้เกิดสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยมากจะมีีความเป็นไปได้อยู่สองประการด้วยกัน หนึ่งคือ ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะภายในเริ่มถดถอยลง ความสามารถในการขับพิษไม่มีความเพียงพอ (สภาพร่างกายของเราก่อนล้างพิษหรือตอนที่เราเป็นสิวอยู่นี่เองค่ะ - บีม) ของเสียที่หลงเหลืออยู่ในกระแสเลือดจึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ส่วนอีกหนึ่งความน่าจะเป็นคือประสิทธิภาพของอวัยวะภายในได้เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ของเสียที่ถูกอวัยวะภายในขับออกมามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น อันเหมือนเช่นเวลาที่บ้านเราได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ปริมาณขยะก็จะมีมากขึ้นอย่างมากมายนั่นเอง (กรณีเริ่มจนถึงหลังล้างพิษนั่นเองค่ะ - บีม)จุดนี้มีส่วนคล้ายกับระบบน้ำภายในบ้านของเรา เมื่อท่อน้ำมีคราบติดอยู่ เนื่องจากคราบส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่ผนังท่ออย่างมั่นคง จึงมีคราบเพียงส่วนน้อยที่ไหลไปตามกระแสน้ำ ด้วยเหตุนี้ น้ำที่ไหลออกมาจึงยังมีความสะอาดอยู่ (ก่อนล้างพิษ เลือดสกปรก แต่ว่าเป็น ๆ หาย ๆ ไม่หายขาดเสียที จะใช้ยาก็ได้แค่ควบคุมอาการ-บีม) แต่เมื่อได้ทำความสะอาดท่อน้ำแล้ว น้ำในเวลานี้ก็จะมีความขุ่นเป็นอย่างยิ่ง (เริ่มและหลังล้างพิษเลือดเราจะมีของสกปรกลอยออกมาเต็มและรอให้ระบบกำจัดของเสียกำจัดออกไป เมื่อออกหมดระบบภายในก็จะดีขึ้น ผิวพรรณอันเป็นส่วนสะท้อนสุขภาพภายในจึงดีขึ้นเป็นลำดับทุกครั้งที่มีการล้างพิษออกไปค่ะ - บีม)
จากหนังสือเข็มทิศสุขภาพ หน้า 13-14
ดังนั้น ทุกคนที่ได้เริ่มรักษาสิวแนวธรรมชาติบำบัดไม่มีใครหนีพ้นอาการขับพิษและต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาตัวเองของร่างกายที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่งจนกว่าสิวจะหายไปค่ะ ไม่ควรมีข้อต่อรองใด ๆ ในการรักษาร่างกายของตัวเอง และไม่ควรใช้ยาใด ๆ เลยในช่วงระหว่างของการรักษาตัวเองแม้ว่าจะมีอาการเจ็บปวดอวัยวะใด ๆ ก็ตาม ในหนังสือเล่มนี้ แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเพิ่มพลังเลือดลมให้กับร่างกาย และเมื่อเรามีพลังเพียงพอหรือเต็มที่แล้ว กระบวนการล้างพิษและฟื้นฟูร่างกายจะดีขึ้นเองตามธรรมชาติ ทั้งนี้ในความเห็นของบีมคือ การยึดถือที่นาฬิกาชีวิตเป็นหลัก และนอนประมาณ 3-4 ทุ่มจะเป็นสิ่งที่ดีมาก หรืออย่างแย่ที่สุดก็ไม่ควรเิกิน 5 ทุ่มค่ะและตื่นมาขับถ่ายของเสียทุก ๆ เช้าโดยดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ถ้าใครไม่ค่อยออกก็อาจเล่นท่าโยคะที่ช่วยบริหารหน้าท้อง ช่วยให้ลำไส้ขยับ หรือจะเล่นฮูล่าฮูป บิดเอวไปมา ยืดตัว คือท่าไหนก็ได้ขอให้ส่วนกลางของลำตัวเราขยับเต็มที่ ช่วยบิดขี้เกียจและปลุกน้องลำไส้ใ้ห้ตื่นมาด้วยกันค่ะ
2. จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
ตอบ ตรงนี้เป็นคำถามยอดฮิต เพราะทุกคนก็ต้องคาดหวังให้มันหายเร็ว ถ้ายิ่งมีพิษออกมาด้วยแล้วยิ่งอยากให้ความแย่ ๆ มันหายไปเร็ว ๆ ใช่ไหมคะ แต่คำตอบที่ตรงไปตรงมาก็คือ เราทำกับร่างกายมาอย่างไร เราต้องยอมรับไปตามนั้น และสร้างเซลล์และพลังให้ร่างกายใหม่ด้วยแนวคิดและแนวปฏิบัติแบบใหม่อย่างไม่ท้อและไม่เหน็ดเหนื่อยจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบให้แน่นอนค่ะ ร่างกายของเรามิใช่หุ่นยนต์แ่ต่เป็นกลุ่มเซลล์อัจฉริยะและมหัศจรรย์ที่สุดในโลก หากพวกเขาได้รับพลังที่เพียงพอจากการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง กระบวนการล้างพิษของเราจะยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า ใครสะสมอะไรมาบ้่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อากาศ มลพิษ ยา ฮอร์โมน ฯลฯ และแม้แต่มลพิษทางจิตอันหมายถึง ความโลภ โกรธ หลง ถ้ามีทั้ง 2 อย่างอย่างเข้มข้นและรุนแรงก็ต้องใช้เวลานานค่ะ และถ้าถอนพิษทางกายแต่ไม่ถอนความโลภ โกรธ หลงออกจากจิต ก็ยากที่ร่างกายจะดีได้เช่นกันค่ะ เพราะเขาทำงานสัมพันธ์กัน และที่สำคัญ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
สังเกตว่า แม้เราจะดูแลทุกอย่าง perfect แต่ถ้าเราเป็นคนชอบผูกพยาบาท คิดเล็กคิดน้อย ขี้วิตกกังวล ชอบนินทาคนลับหลัง ทุศีลเป็นประจำ ร่างกายก็ไม่สมบูรณ์ 100% ค่ะ จิตที่สั่งสมพลังงานด้านลบจะทำให้ระบบอวัยวะแบบอัตโนมัติเช่น ต่อมไร้ท่ออันส่งผลต่อระบบฮอร์โมนโดยตรงนั้นแปรปรวนและเสียสมดุลง่ายมาก และอาจทำให้นอนไม่หลับ อาหารไม่ค่อยย่อย ส่งผลต่อสุขภาพได้แน่นอนแม้จะดูแลทุกอย่างทางกายภาพอย่าง perfect
บีมอยากฝากว่า "เมื่อเราก่อเหตุที่ถูกต้อง ผลที่ถูกต้องย่อมตามมา"
บีมเองใช้เวลา 7-8 เดือนกว่าจะดีขึ้นแบบเห็นชัดเจนและมากกว่า 1 ปีที่เห็นชัดเจนและสามารถกลับมามีภูมิต้านทานร่างกายที่ดีกว่าเดิมมาก ๆ ทานอาหารได้ทั้งฤทธิ์ร้อนและเย็นเพื่อปรับสมดุลร่างกายตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงค่ะ
คุณปรียานุช ปานประดับเอง เป็นโรคที่ถึงขั้นเดินไม่ได้และหมอดูทายว่าจะเสียชีวิตสิ้นปี เธอเองใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือน ที่เธอเริ่มเชื่อว่าร่างกายของเธอสามารถรักษาตัวเองได้ และเมื่อเธอทำต่อไป ก็กลับมาเดินได้อีกครั้ง
ดูคลิปวิดีโอของคุณปรียานุชในรายการคนค้นคน คลิกที่นี่ ค่ะ
ประเด็นล้างพิษจะมี 2 คำถามนี้ล่ะค่ะที่สำคัญ เพราะเป็นคำถามของผู้เริ่มต้นหรือคิดจะเริ่มต้น ส่วนผู้ที่เขาได้ทดลองปฏิบัติจนสังเกตเห็นผลได้ด้วยตัวเองแล้วจะเริ่มหมดคำถามต่อความสามารถของร่างกายของตัวเองและหันเข้าหาแนวธรรมชาติบำบัดด้วยตัวเองอย่างแท้จริง และรู้แล้วว่า "อะไรเป็นอะไร" ค่ะ
ความคิดเห็น