บทเรียนจาก "ไซนัส"

Photo from https://www.healthnutnews.com/common-ingredients-15-minutes-need-kill-sinus-infection/

เมื่อวันอาทิตย์ช่วงบ่าย ๆ ที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2560) ครูตื่นมาทำงานตั้งแต่ประมาณตี 3 กว่า ๆ (ตื่นอัตโนมัติ และอากาศเริ่มเย็น (เชียงราย) แต่ถ้าครูได้นั่งทำงานแล้ว ถ้าสมาธิมา จะไม่ค่อยอยากลุกไปไหน จึงไม่ได้ลุกไปหยิบผ้ามาทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น

ช่วงกลางวัน ก็รู้สึกครั่นเนื้อตัว แต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก จนกระทั่งช่วงประมาณบ่ายสาม ก็เริ่มรู้สึกหนาว ๆ และเป็นไข้พอประมาณ ครูก็ยังคิดว่าเป็นหวัดธรรมดาเท่านั้น ซึ่งปกติถ้าเป็นหวัด ครูจะไม่กินยาอะไร และใช้สูตรที่ครูทำมาอยู่แล้ว ได้แก่ น้ำขิง ขมิ้นชัน น้ำกระเจี๊ยบแดงอุ่น เกลือหิมาลัยผสมน้ำอุ่น หรือน้ำธรรมดา น้ำหอมแดงต้ม น้ำเปล่าสะอาดอุณหภูมิห้องปริมาณมาก ๆ ดื่มตลอดเวลา อยู่ห่างจากห้องที่มีความเย็น เครื่องปรับอากาศ และจะอยู่ที่อบ ๆ ร้อน ๆ โดนแดด โดนความร้อน ให้เหงื่อออกมากที่สุด แล้วพักผ่อนมาก ๆ และจะไม่ค่อยกินอะไร (ทำตามสิ่งที่ร่างกายต้องการทั้งหมด ไม่ฝืน) ซึ่งปกติแล้ว เพียง 1 วันก็จะหาย

ครูก็ทดลองทำตามที่ครูทำเหมือนที่ผ่านมา...

แต่ครั้งนี้ มันแตกต่าง มันมีความร้อนขึ้นกระบอกตาและศีรษะตลอดเวลา ปวดเมื่อยไปถึงสันหลังทั้งแนว (คิดว่าแนวเส้นประสาททั้งหมดได้รับผลกระทบ) ที่ตัวไม่ค่อยมีไข้ แต่หัวร้อนตลอดเวลา

ครูก็เลยเพิ่มการกินน้ำมันมะพร้าวที่หมักกระเทียม เพราะน้ำมันมะพร้าวมันจะฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อโรคทุกอย่างได้ ซึ่งใช้ได้ผลกับตอนที่ลูกครูไม่สบาย ที่ไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัส (หมอบอก) แต่น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ไข้ลูกลงเร็วมาก เป็นแบบนั้นทุกครั้งที่ทำ (ประสบการณ์ส่วนตัว) แต่รอบนี้ เหมือนจะช่วยได้แป๊บเดียว แต่ไม่หายไป...

แต่สิ่งที่ครูกินหนักมากรอบนี้ และพบว่า ลดไข้ได้ดีมาก (เพราะครูไม่กินยาเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่มียาสามัญประจำบ้านติดบ้านเลยแม้แต่อันเดียว) เหงื่อออกแบบสุดๆ หลุดโลกเลย คือ...เก๊กฮวยช่วยชีวิต ตามรูปเลยค่ะ (ไว้ครูค่อยมาอัพเดทประโยชน์ของเก๊กฮวยนี้และสิ่งที่ครูได้รับจากการกินแบบหนักมากให้ในโพสต์ต่อไปนะคะ ครูตื่นเต้นกับมันมากจริง ๆ รักที่สุด และมันจะช่วยทุกคนเรื่องสิวได้ด้วยค่ะ)


เก๊กฮวยโครงการหลวงช่วยชีวิต
เมื่อวันจันทร์ ครูคิดว่า รอดูอีกวันก็แล้วกัน แต่ในใจก็เกรง ๆ ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อะไรไหม? เดี๋ยวติดลูกละแย่เลย สงสารเด็ก (พอดีพึ่งอ่านเจอโพสต์ในเฟสเรื่องไข้หวัดไม่นานมานี้) แต่อาการมันก็ดีขึ้นนะ แต่ทำไมน้า ยังปวดหัวและปวดตา และสันหลังอยู่ตลอดเลย (คือไม่สามารถจะคิดงานอะไรที่ปกติสามารถคิดได้ช่วงสมองโปร่งใส)

พอพ้นคืนวันจันทร์ คือ ไม่ไหวแล้ว ยังมีอาการเดิมเลย มันเกินเวลาปกติที่ร่างกายครูจะจัดการกับ "หวัดปกติ" ได้ ด้วยความไม่สบายใจ อยากไปตรวจเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่ไข้หวัดสายพันธ์ุอะไร และอยากให้หายเร็วที่สุด เพราะ ครอบครัวจะได้ไม่ติด และ จะได้ไม่กระทบงานนานเกินไป

ครูก็ไปโรงพยาบาลเลยเพื่อไปรับการตรวจเช็คให้แน่ใจ...


ผลการตรวจ

เมื่อเข้าพบคุณหมอ คุณหมอดูใบประวัติ และ ซักอาการเล็กน้อย แล้วสอบถามเพิ่มว่า

"ทำจมูกมานานหรือยังครับ"?

ในใจก็คิดว่า เฮ้ย...เกี่ยวด้วย...​แต่ก็ตอบไปว่า "4-5 ปีได้แล้วค่ะ"

จากนั้น คุณหมอก็เอามือมาเคาะที่ตรงหน้าผากด้านล่าง (พื้นที่สามเหลี่ยมเหนือคิ้วเล็กน้อย) และตรงข้างจมูกสองข้าง แล้วถามเราว่า "เจ็บมั้ย"

ครูก็ถามกลับเพื่อความชัวร์ว่า จะสามารถบอกอาการคุณหมอได้ถูก...
"เจ็บนี่คือยังไงคะ"? (เยอะนิดนึง แต่อยากให้ชัวร์)

คุณหมอก็ตอบอย่างใจเย็นว่า "มันจะจี๊ด ๆ นิด ๆ ครับเวลานิ้วเคาะโดน"
แล้วลองเคาะให้สังเกตอีกรอบ...(น่ารักมาก)

สรุปว่า หน้าผากไม่เจ็บ...แต่เจ็บตรงพื้นที่ข้างจมูกทั้งสองข้าง (โพรงไซนัส)

แล้วคุณหมอก็เฉลย...

การทำจมูกจะทำให้การไหลเวียนของของเหลวภายในจมูกไม่เป็นไปตาม flow ปกติ เพราะใส่แท่งซิลิโคนเข้าไปและมีการเปลี่ยนรูปทรงของจมูกด้วย  จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ทำจมูก จึงสามารถทำให้เกิดภาวะคั่งของน้ำมูกหรือเมือกในโพรงไซนัสได้ และทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้

ครูก็เก็ต ถึงบางอ้อ...

เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็น แต่ครั้งก่อนเป็นที่หน้าผาก ระยะห่างก็สัก 3 ปีได้ ซึ่งก่อนทำจมูกก็ไม่เคยมีอาการเหล่านี้เลย (ก็เลยคิดว่าเป็นไปได้)

ครูก็ถามอีกเพื่อความมั่นใจว่า จะไม่ใช่ไข้หวัดสายพันธุ์อะไร ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่น่าจะใช่ ให้ลองเอายาฆ่าเชื้อไปกินก่อนสัก 3 วัน

แต่ครูเคยเป็นมาก่อน และคิดว่า ใช่แล้วล่ะ คงไซนัสนี่แหละ แต่รอบนี้ย้ายมาที่โพรงจมูกแทน เลยปวดขึ้นตาและหัวตลอดเวลา พอขึ้นหัวก็ร้าวถึงเส้นประสาทไขสันหลัง พ่วงกันไปหมด แต่รอบนี้ ไม่รู้เพราะกินน้ำมันมะพร้าวหมักกระเทียม หรือ กินน้ำเก๊กฮวย (ไม่เติมน้ำตาล) อย่างหนักหรือเปล่า ที่ทำให้ครูถ่ายเหมือนท้องเสีย 2 รอบใหญ่ ๆ ในวันนี้...ผอมเลยทีเดียว



เมื่อได้ยามาแล้ว ครูก็กินเลย (เย็นอังคาร) แล้วก็เพลียมากช่วงเย็น ๆ ก็หลับไป พร้อมกับไข้ที่ขึ้นสูงมากขึ้น ก็เช็ดตัว และกินยาแก้อักเสบเพิ่มไป และฉีดจมูกเพิ่มเพราะคัดจมูก แต่ครูไม่กินยาแก้แพ้ (ใครที่งงว่า ครูใช้ยาทำไม เดี๋ยวครูสรุปให้ตอนท้ายนะคะ) จากนั้น ครูก็นอนพักต่อไปอีก เพราะเพลียมาก แต่เมื่อค่ำ ๆ ไข้ก็ลดลงทั้งหมดพร้อมกับอาการปวดโพรงจมูกที่ลดลงมากพอสมควร) พละกำลังกลับมาประมาณ 50%

ล่าสุด...

วันนี้ (พุธที่ 4 ตุลาคม 2560) ช่วงเช้า ครูพบว่ามีพละกำลังขึ้นมาสัก 70% และยังคงกินยาฆ่าเชื้อ (ปฏิชีวนะ) เม็ดที่ 2 และจะกินต่อให้หมด (เพราะยากลุ่มนี้ ถ้ากินต้องกินให้หมดตามโดสถ้าเราไม่ได้มีสมุนไพรหรือหนทางที่ฆ่าเชื้อในทางอื่นนะคะ แต่ถ้าเป็นสิว ไม่จำเป็นต้องกินนะคะ คนละเรื่องกัน) 

สถานะล่าสุด (ณ ตอนที่เขียน)

  • ครูหิวข้าว เพราะ ยังไม่ได้กินอะไรเลย เนื่องจากมื้อเที่ยงครูไม่อยากกินของคาวเลย อยากกินแต่ของที่ทำให้ร่างกายเย็นลง
  • ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ ปากแห้ง dehydrated คงเป็นผลมาจากหลายอย่าง แต่หลัก ๆ ครูคิดว่า มาจากการกินยา 
  • ครูรู้สึกสมองยังไม่ปลอดโปร่งเท่าที่ควร และรู้สึกพลังลบเยอะ
  • ครูยังถ่ายไม่ออก (สำหรับวันนี้)
  • ภาษาอายุรเวทเรียก "อามะตกค้าง" ทำให้รู้สึกกายและใจหดหู่ (ซึ่งวันนี้ความคิด ความรู้สึกลบ ผุดเยอะมาก ๆ ค่ะ ต้องใช้สติเยอะมาก)
  • แต่ก็กำลังดูแลร่างกายอย่างดีที่สุดตามสิ่งที่เขาบอกครูว่า "ต้องการอะไร" ครูก็จัดให้ตามนั้น
  • ประจำเดือนมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่มีอาการปวดประจำเดือนเลย และเลือดประจำเดือนไหลคล่อง สีแดงสุขภาพดีมาก ครูไม่แน่ใจว่าเป็นผลมาจากน้ำเก๊กฮวยหรือเปล่า แต่คาดว่าใช่ เพราะเขามีสรรพคุณล้างพิษตับ แล้วครูดื่มเยอะมากจริง ๆ แทนน้ำเปล่าได้เลย เพราะไข้มันสูงมาก ซึ่งถ้าตับสุขภาพดี เลือดประจำเดือนจะออกมาดีค่ะ (อันนี้เป็นหลักการแพทย์แผนจีน แต่นี่เป็นประสบการณ์ครูนะคะ ใครสนใจอาจจะต้องไปทดลองกันเอง อาจได้ผลต่างกันไปตามสภาพร่างกายแต่ละบุคคล และการล้างพิษตับไม่ใช่การกินตัวเดียวแล้วล้างได้ค่ะ แต่ของครูคือ ครูดูแลตัวเองมานานพอสมควรแล้ว การกินตัวนี้ในปริมาณเท่านี้ ก็อาจส่งผลที่ชัดเจนได้เลย ในขณะที่คนที่ร่างกายยังไม่เคยล้างพิษ ก็อาจไม่เห็นผลเท่านี้ค่ะ อันนี้ครูไม่รับประกัน)

สรุปบทเรียนใหม่ ๆ ที่ครูได้รับจากการไม่สบายครั้งนี้

  1. การทำจมูกทำให้เป็นไซนัสอักเสบได้ เพราะ ของเหลวภายในโพรงไซนัสและจมูกหมุนเวียนได้ไม่ดี ถ้ามีน้ำมูก หรือ เมือก อาจระบายออกไม่ได้ คั่งค้าง อักเสบได้
  2. ไซนัสอักเสบ ต่างจากหวัดธรรมดา (ที่ร่างกายรับความชื้นมากไป - เป็นประเภทที่ครูจะเป็นถ้าจะเป็นหวัดจากเสียสมดุล) คือ หวัดธรรมดามันจะไม่ปวดตาและปวดหัวขนาดนี้ นี่คือ ปวดเฉพาะจุด
  3. น้ำเก๊กฮวยของโครงการหลวงสามารถลดไข้ ทำให้เหงื่อออกได้ดี  และทำให้เลือดประจำเดือนมีสีแดงสดใส ไม่ปวดประจำเดือน และครูไม่เติมน้ำตาลนะคะ น้ำผึ้งก็ไม่เติม คือ กินแบบไม่ต้องเติมอะไร (ของที่อื่นครูไม่รู้ว่าจะให้ผลเหมือนกันไหม ถ้าถามมาขออนุญาตไม่ออกความเห็นนะคะ คงต้องทดลองกันเองดู ครูยังไม่ได้ศึกษาสมุนไพรแบบลึกซึ้ง รู้แต่ว่าในฐานะผู้ใช้ มันเวิร์คมาก) 
  4. การเป็นไซนัสอักเสบ ทำให้สิวขึ้นบริเวณโพรงไซนัสได้ด้วย (บริเวณที่เรามีปัญหา) ซึ่งสิวจะมีลักษณะร้อนและแดง (สิวปิตตะ) ตามอาการอักเสบภายใน ซึ่งต้องให้อาการไซนัสอักเสบหาย มันถึงจะยุบ

และตอบคำถามทิ้งท้ายว่า ทำไมต้องกินยา?

  • เนื่องจากครูยังไม่มีองค์ความรู้ว่าสมุนไพรหรือวิธีธรรมชาติใดที่จะฆ่าเชื้อที่ทำให้อักเสบนี้ได้ เพราะครูกินน้ำมันมะพร้าวที่หมักกระเทียมมาแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ มันไม่หาย 
  • บางอย่างเราก็ต้องอยู่เส้นกลางระหว่างการใช้ยาและการใช้ธรรมชาติบำบัด เพราะอาการบางอย่าง ธรรมชาติมันแก้ทันทีเลยไม่ได้ (ถ้าเราไม่ได้รู้เรื่องแบบปรมาจารย์สมุนไพรและธรรมชาติบำบัดจริงๆ แต่ถ้าครูรู้ ครูก็จะไม่ใช้ยา) ครูยังต้องทำงาน ต้องดำเนินชีวิต ครูก็เลือกที่จะให้อาการมันหายเร็ว เพราะมันทรมานและทำงานไม่ได้เลย ครูเลือกที่จะใช้ยาฆ่าเชื้อไปด้วยความรู้ว่าจะต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
  • ครูรู้ว่าการใช้ยา ตับต้องรับภาระอะไร และภาวะขาดน้ำ ครูสามารถแก้ได้ด้วยการดื่มน้ำให้มากกว่าเดิมและการดื่มน้ำเก๊กฮวยเพื่อช่วยให้ตับระบายพิษจากยาได้ดีขึ้น
  • สุดท้าย แม้จะรู้ว่ายานี้จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ดีได้ แต่ครูก็รู้ว่า ครูสามารถเติมโพรไบโอติคส์กลับได้เช่นกัน
และที่สำคัญ ทำให้ครูค้นพบวิธีรักษาไซนัสอักเสบใหม่ ๆ เพิ่มด้วย
https://www.healthnutnews.com/common-ingredients-15-minutes-need-kill-sinus-infection/

และครูกำลังจะทดลองดูนี่แหละ ^^

จบการรายงานค่ะ
หวังว่าจะได้ประโยชน์กันไปไม่มากก็น้อยนะคะ

ด้วยรัก
ครูบีม




ความคิดเห็น

nooppee กล่าวว่า
เรื่องสิวขึ้นบริเวณไซนัส อันนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ หนูขอแบ่งปัน
ก่อนหน้านี้หนูมีปัญหาสุขภาพเรื่อง(โพรงจมูกอักเสบ-ไซนัส)
ก่อนที่อาการจะกำเริบออกมา จะมีสิวปิตตะขึ้นบริเวณนั้นๆ
ซึ่งเมื่อก่อนไม่รูว่านี่คือสัญญาณที่ร่างกายเค้าบอกเรา แล้วก็ป่วย สิ้นสุดที่การหาหมอทานยาไซนัส
ต้องไปหาหมอไซนัส เกือบทุกเดือน

ตั้งแต่ได้เรียนรู้จากพี่มาหนูจัดการกับการกำเริบของไซนัสมาได้ตลอด
ไม่มีการทรุดของการเป็นไซนัสอีกเลย (ไม่ได้ไปหาหมอและไม่ได้กินยาไซนัสเลย)

โดยหนูสังเกตจากสิว พอสิวปิตตะขึ้นบริเวณบริเวณไซนัส เช่นตำแหน่งข้างปีกจมูก,หว่างคิ้ว
และมีอาการร้อนผ่าวๆร่วม สิ่งที่ทำก็คือ จะดื่มน้ำมากกว่าปกติ และเข้านอนให้ไว
เลือกอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ และลดร้อนภายใน มีกินน้ำมะละกอดิบต้มกับดอกเก็กฮวย
ก็สามารถรับมือได้โดยไม่ต้องทานยา เลยจริง

นี่คือผลลัพธ์ที่หนูรู้สึกภูมิใจมากผลลัพธ์นึงค่ะ
ขอบคุณพี่บีมมากค่ะ



พี่พึ่งได้เข้ามาอ่าน มีทักษะในการดูแลตัวเองแบบนี้ สบายใจ สบายกระเป๋ามาก ๆ นะคะ :-)