รู้เรื่องนี้ สิวหน้าผากหายสนิทไปนานแล้ว!
บอกวิธีกำราบสิวท่ีหน้าผากให้อยู่หมัดโดยไม่ต้องใช้ยาและเข้าคลินิกอีกต่อไป ด้วยวิธีที่ได้ผลลัพธ์จริงแนว Holistic โดย #บีมสิวซีเคร็ต
วิธีรักษาสิวอักเสบและอุดตันที่หน้าผากให้หายสนิท
โดยไม่ต้องทายา ทาสเตียรอยด์ กินยา & ฮอร์โมน
ให้ตับเหนื่อยอีกต่อไป แบบฉบับ Holistic by #บีมสิวซีเคร็ต
โดยไม่ต้องทายา ทาสเตียรอยด์ กินยา & ฮอร์โมน
ให้ตับเหนื่อยอีกต่อไป แบบฉบับ Holistic by #บีมสิวซีเคร็ต
หากใครที่มีสิวแบบในรูปนี้
บอกเลยว่าวิธีแก้สิวแบบนี้ง่ายมาก ๆ
และสิวที่หน้าผาก เป็นสิวที่หายง่ายและเร็วที่สุด
ถ้าเทียบกับบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า
บีมจะบอกวิธีที่ได้ผล 100% ให้นะคะ
หายแล้วไม่กลับมาเป็นอีกเลย
โดยไม่ต้องพึ่งยาและเข้าคลินิกอีกต่อไปค่ะ
บอกเลยว่าวิธีแก้สิวแบบนี้ง่ายมาก ๆ
และสิวที่หน้าผาก เป็นสิวที่หายง่ายและเร็วที่สุด
ถ้าเทียบกับบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า
บีมจะบอกวิธีที่ได้ผล 100% ให้นะคะ
หายแล้วไม่กลับมาเป็นอีกเลย
โดยไม่ต้องพึ่งยาและเข้าคลินิกอีกต่อไปค่ะ
ที่มาของสิวที่หน้าผาก
สาเหตุจะมาจาก 2 ปัจจัย
สาเหตุจะมาจาก 2 ปัจจัย
1) ปัจจัยภายนอก
2) ปัจจัยภายใน
2) ปัจจัยภายใน
———————————
ปัจจัยภายนอก
ปัจจัยภายนอก
1) ตัวทำความสะอาดที่ทำร้ายปราการผิว / ผิวชั้นบนสุด
มักเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ปราการผิว (skin barrier) ถูกชะล้างออกไป เมื่อใช้ต่อเนื่องกันไปนาน ๆ จะทำให้ผิวขาดน้ำ ผิวชั้นบนขาดปรุ เป็นสาเหตุของสิวอุดตันและการอักเสบซ้ำซ้อน
มักเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ปราการผิว (skin barrier) ถูกชะล้างออกไป เมื่อใช้ต่อเนื่องกันไปนาน ๆ จะทำให้ผิวขาดน้ำ ผิวชั้นบนขาดปรุ เป็นสาเหตุของสิวอุดตันและการอักเสบซ้ำซ้อน
ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้แก่
– การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของ SLS, SLES (บนฉลากจะเขียนว่า sodium lauryl sulfate และ sodium laureth sulfate มักจะอยู่เป็นตัวที่ 2 ในส่วนผสม)
– การใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างสูงล้างหน้า (pH > 7.0) สามารถเทสต์ได้ด้วยกระดาษลิตมัสแบบง่าย ๆ
– การใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างสูงล้างหน้า (pH > 7.0) สามารถเทสต์ได้ด้วยกระดาษลิตมัสแบบง่าย ๆ
2) ไม่บำรุงผิวเลย
การไม่บำรุงผิวเลยในผิวที่เป็นสิว เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก ผิวที่มีปัญหาสิว จำเป็นต้องได้รับการบำรุงแต่ต้องบำรุงลักษณะของการเติมน้ำให้ผิวและเติมไขมันชนิดที่ดีให้ผิว จึงจะทำให้ลดการอุดตัน และอุดตันที่มีอ่อนตัวและสลายออกมาได้ง่าย และลดการอักเสบซ้ำซ้อนได้
การไม่บำรุงผิวเลยในผิวที่เป็นสิว เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก ผิวที่มีปัญหาสิว จำเป็นต้องได้รับการบำรุงแต่ต้องบำรุงลักษณะของการเติมน้ำให้ผิวและเติมไขมันชนิดที่ดีให้ผิว จึงจะทำให้ลดการอุดตัน และอุดตันที่มีอ่อนตัวและสลายออกมาได้ง่าย และลดการอักเสบซ้ำซ้อนได้
3) บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ mineral oil และอนุพันธ์ของปิโตรเลียม เช่น propylene glycol หรือ butylene glycol และไขมันสัตว์ (lanolin) จะไปเคลือบผิวไม่ให้ดึงน้ำจากอากาศเข้ามาได้ และไม่ให้ออกซิเจนเข้าสู่รูขุมขนได้ และมีโมเลกุลใหญ่ ไม่สามารถบำรุงถึงเซลล์ได้จริง แต่จะให้ effect เสมือนว่าบำรุงชุ่มชื้นแล้วเท่านั้น เมื่อใช้นาน ๆ จึงทำให้รูขุมขนอุดตันเพิ่มขึ้น ผิวขาดน้ำ (ไม่นับเรื่องการดื่มน้ำ) และถ้าผิวขาดออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อย ก็ทำให้แบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดสิวขยายตัวได้เร็ว ทำให้มีเชื้อสิวอยู่ในผิวอยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด แม้จะใช้ยาต่อเนื่องก็ตาม
การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ mineral oil และอนุพันธ์ของปิโตรเลียม เช่น propylene glycol หรือ butylene glycol และไขมันสัตว์ (lanolin) จะไปเคลือบผิวไม่ให้ดึงน้ำจากอากาศเข้ามาได้ และไม่ให้ออกซิเจนเข้าสู่รูขุมขนได้ และมีโมเลกุลใหญ่ ไม่สามารถบำรุงถึงเซลล์ได้จริง แต่จะให้ effect เสมือนว่าบำรุงชุ่มชื้นแล้วเท่านั้น เมื่อใช้นาน ๆ จึงทำให้รูขุมขนอุดตันเพิ่มขึ้น ผิวขาดน้ำ (ไม่นับเรื่องการดื่มน้ำ) และถ้าผิวขาดออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อย ก็ทำให้แบคทีเรียชนิดที่ทำให้เกิดสิวขยายตัวได้เร็ว ทำให้มีเชื้อสิวอยู่ในผิวอยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด แม้จะใช้ยาต่อเนื่องก็ตาม
4) ใช้น้ำมันบำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับผิวของตัวเอง
ในการบำรุงผิว น้ำมันสกัดเย็นจากพืชก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยผิวให้สมดุลได้ (เพราะในผิวต้องมีน้ำและน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะกัน จึงจะเรียกว่ามีผิวสุขภาพดี) แต่จะต้องสังเกตว่า เราสามารถใช้นำ้มันตัวไหนได้ บางคนไม่สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวได้ บางคนไม่สามารถใช้น้ำมันงาได้ และน้ำมันงาก็มีทั้งงาดำ งาขาว งาม่อน ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสังเกตว่า ใช้แล้วใน 3 วัน มีสิวอุดตันเพิ่มทั่วบริเวณหรือไม่ สบายผิวหรือไม่ แล้วปรับชนิดของน้ำมันให้เหมาะสม
ในการบำรุงผิว น้ำมันสกัดเย็นจากพืชก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยผิวให้สมดุลได้ (เพราะในผิวต้องมีน้ำและน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะกัน จึงจะเรียกว่ามีผิวสุขภาพดี) แต่จะต้องสังเกตว่า เราสามารถใช้นำ้มันตัวไหนได้ บางคนไม่สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวได้ บางคนไม่สามารถใช้น้ำมันงาได้ และน้ำมันงาก็มีทั้งงาดำ งาขาว งาม่อน ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสังเกตว่า ใช้แล้วใน 3 วัน มีสิวอุดตันเพิ่มทั่วบริเวณหรือไม่ สบายผิวหรือไม่ แล้วปรับชนิดของน้ำมันให้เหมาะสม
———————————-
ปัจจัยภายใน
ศาสตร์อายุรเวท ได้ระบุไว้ว่า บริเวณหน้าผาก จะได้รับอิทธิพลจากพลังงานวาตะ ซึ่งวาตะคือ ลม ช่องว่าง ความแห้ง ซึ่งสัมพันธ์กับระบบอวัยวะที่เป็นท่อกลวง คือ ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่นั่นเอง
ปัจจัยภายใน
ศาสตร์อายุรเวท ได้ระบุไว้ว่า บริเวณหน้าผาก จะได้รับอิทธิพลจากพลังงานวาตะ ซึ่งวาตะคือ ลม ช่องว่าง ความแห้ง ซึ่งสัมพันธ์กับระบบอวัยวะที่เป็นท่อกลวง คือ ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่นั่นเอง
ดังนั้น สิวบริเวณหน้าผาก จึงสะท้อนสุขภาพของลำไส้ได้ดี และลักษณะของสิวจะบ่งบอกว่า ลำไส้กำลังมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ณ ตอนนี้
ปกติแล้ว ผิวที่หน้าผาก จะมีความแห้งและเป็นร้ิวรอยได้ง่ายกว่าผิวส่วนอื่นของใบหน้า นั่นก็เพราะว่า อยู่ภายใต้อิทธิพลของโดชาวาตะนั่นเอง
*** สิวอุดตัน สะท้อนว่า มีไขมันเสียพอกอยู่ที่ผนังลำไส้ และ ร่างกายขาดน้ำ ทำให้เซลล์ผิวแห้ง ท่อรูขุมขนแห้ง เมื่อร่างกายพยายามจะขับไขมันเสียออกจากลำไส้ แต่ขับออกไม่ได้ทั้งหมดในการขับถ่ายปกติ ไขมันเหล่านั้นจะถูกดูดกลับเข้าสู่เลือด น้ำเหลือง เส้นลมปราณ และไหลมาถ่ายออกที่หน้าผากนั่นเอง พอน้ำมันจะออก แต่ทางออกกลับแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ก็ทำให้ไขมันติดอยู่ตรงนั้น เมื่อโดนลมจากภายนอก ก็จะแห้ง แข็ง กลายเป็นสิวอุดตันติดอยู่ที่ผิวนั่นเอง
*** สิวอักเสบ สะท้อนว่า มีการอักเสบ ร้อน แดง (inflammation) ในลำไส้ เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวที่ลำไส้ต้องต่อสู้เก็บกวาดสิ่งสกปรกในลำไส้ให้หมดสิ้น แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีมากเกินไป ซึ่งการสู้กันระหว่างเม็ดเลือดขาวกับสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรค คือ การอักเสบ ซึ่งปกติ ถ้าร่างกายแข็งแรง กระบวนการนี้จะจบอย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งรอยใด ๆ แต่ถ้าร่างกายมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จากพฤติกรรมการกินอยู่ที่ไม่ได้ดูแลถูกหลักธรรมชาติมาต่อเนื่อง ก็จะทำให้เป็นอักเสบซ้ำซ้อน เป็นจุดเดิม ทายาหายแล้วขึ้นมาใหม่ ไม่จบสิ้นไปเรื่อยๆ
——————————————
วิธีการรักษาสิวที่หน้าผากที่ถูกต้องและไม่ให้กลับมาเป็นอีก
ภายนอก
1) หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ SLS, SLES, สบู่ที่เป็นด่าง ยารักษาสิวทุกชนิด ส่วนผสมของเครื่องสำอางและ skincare ที่มีสารเคมี ไขมันสัตว์ อนุพันธ์ของปิโตรเลียม เป็นส่วนผสม ทั้งหมด
1) หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ SLS, SLES, สบู่ที่เป็นด่าง ยารักษาสิวทุกชนิด ส่วนผสมของเครื่องสำอางและ skincare ที่มีสารเคมี ไขมันสัตว์ อนุพันธ์ของปิโตรเลียม เป็นส่วนผสม ทั้งหมด
2) ใช้ผลิตภัณฑ์น้อยตัวที่สุด ให้เหลือเฉพาะตัวที่จำเป็นอย่างละหนึ่ง คือ ล้างหน้า โทนเนอร์ บำรุง กันแดด ถ้ามีสิวประเภทไหน ก็ใช้ครีมให้ตรงกับประเภทของสิว เช่น อุดตันก็ละลายสิว อักเสบก็แต้มสิว และถ้าแต่งหน้าก็ใช้ Cleanser ร่วมด้วย
3) เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิคแท้ 100% เท่านั้น เพราะผิวจะตอบรับและดูดซึมได้ลึกและเร็วกว่า และเห็นผลดีกว่าในระยะเวลาที่สั้นกว่า เพราะเข้ากับผิวได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเป็นเคมี
.
.
.
ภายใน
1) ล้างลำไส้ให้สะอาดอย่างน้อย 30 วันติดต่อกัน แล้วประเมินดูสภาพผิวอีกที ว่าต้องทานต่อหรือไม่
.
.
.
ภายใน
1) ล้างลำไส้ให้สะอาดอย่างน้อย 30 วันติดต่อกัน แล้วประเมินดูสภาพผิวอีกที ว่าต้องทานต่อหรือไม่
2) ปรับอาหารการกิน งดของ 9 อย่างอย่างเด็ดขาด รวมถึงของฤทธิ์ร้อนทั้งหมด (ถ้าเป็นสิวแบบในรูปนี้นะคะ ต้องงดจริงจังเลย) รายการของ 9 อย่างที่ต้องงดเด็ดขาด ถ้าต้องการหายเร็ว https://bye-bye2acne.blogspot.com/2017/04/foods-cause-acne.html
3) ถ่ายพยาธิ ใช้แบบถ่ายทุกชนิด เดือนละ 1 ครั้ง เพราะพยาธิก็เป็นอีกสาเหตุของความเจ็บป่วย และอาจติดมากับอาหารและน้ำดื่มในชีวิตประจำวันนี่เอง (อจ.สุทธิวัสส์ คำภา)
4) ดื่มน้ำเกลือหิมาลัย (เกลือสีชมพู) ผสมกับน้ำมะนาวและ Apple Cider ทุกเช้า 1 แก้วโต เพื่อฆ่าเชื้อโรคและเพิ่มน้ำให้กับเซลล์ผนังลำไส้ เมื่อผนังลำไส้อิ่มน้ำ จะหล่อลื่นได้ดี อุจจาระที่ติดค้างหลุดออกดีขึ้นเมื่อทานผลิตภัณฑ์ช่วยการดีท็อกซ์
5) กิน probiotics (แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์เรา เป็นอวัยวะที่
33 – จากหนังสือ microbiota อวัยวะที่ถูกลืมโดย พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล) แบบอาหารเสริมเพื่อเพิ่มปริมาณ probiotics ให้กับลำไส้ในปริมาณมาก ๆ
33 – จากหนังสือ microbiota อวัยวะที่ถูกลืมโดย พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล) แบบอาหารเสริมเพื่อเพิ่มปริมาณ probiotics ให้กับลำไส้ในปริมาณมาก ๆ
6) ฝึกนั่งสมาธิ เพื่อปล่อยวางและลดความเครียด ซึ่งความเครียดจะไปลดจำนวน probiotics ให้ลดลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในลำไส้ลดลง เป็นสิวอักเสบง่ายขึ้น
7) ดื่มน้ำวันละไม่ต่ำกว่า 2.5 ลิตร ต้องเป็นน้ำไม่เย็น ไม่เป็นเครื่องดื่มอื่นๆ นอกจากน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น ห้ามมีกลิ่นต่าง ๆ และคลอรีนปนเปื้อน โดยให้ดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระหว่างวันให้จิบตลอดเวลา ก่อนนอนดื่ม 1 แก้ว ออกกำลังกายดื่มมาก ๆ แต่ไม่ให้จุก แต่ว่าก่อนและหลังอาหารห้ามดื่มน้ำ เพื่อไม่ให้ไปลดไฟย่อยอาหาร ที่จะทำให้การเผาผลาญอาหารไม่สมบูรณ์ เป็นของเสียตกค้าง และร่างกายนำไปใช้ไม่ได้ กินไปก็สูญเปล่า
8) ออกกำลังกายอะไรก็ได้ ที่ทำให้ได้ขยับหน้าท้องทุก ๆ วัน หรือทำท่าอุทธิยานพัทธะ เพื่อช่วยไล่ของเสียในลำไส้ออกมาได้มากขึ้น
9) กินคลีน คลีน คลีน ให้ได้มากที่สุด และดื่มน้ำปั่นผักผลไม้ที่ไม่เติมน้ำตาลอย่างน้อยวันละ 1 แก้วเป็นมื้อแรกของวัน โดยอ้างอิงสูตรตาม Dr.Tom Wu
——————————————
ให้คะแนนตัวเองจากเต็ม 10 ทุกวัน
และคุณจะพบว่า เมื่อได้ทำครบทุกข้อ
หรือทำให้ได้มากที่สุด
จะเห็นผิวหน้าผากที่ใส เรียบเนียนขึ้นจริง ๆ
โดยใช้ธรรมชาติบำบัดเท่านั้น
และลาขาดจากยารักษาสิว
และตัดวงจรเข้าออกคลินิกได้ตลอดไป
และคุณจะพบว่า เมื่อได้ทำครบทุกข้อ
หรือทำให้ได้มากที่สุด
จะเห็นผิวหน้าผากที่ใส เรียบเนียนขึ้นจริง ๆ
โดยใช้ธรรมชาติบำบัดเท่านั้น
และลาขาดจากยารักษาสิว
และตัดวงจรเข้าออกคลินิกได้ตลอดไป
ขอให้ทุกคนมีผิวพรรณที่สดใส เรียบเนียน มีออร่า ในเร็ววันนะคะ
#บีมสิวซีเคร็ต
ความคิดเห็น