อด 24 ชั่วโมง วิทยาศาสตร์การล้างพิษ บำบัดสารพัดโรค

การแพทย์พื้นถิ่นหลายชนชาติ มีทรรศนะตรงกันที่ว่าตัวตนของเราประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ
และจัดสัดส่วนกันอย่างได้สมดุล มีพลังขับเคลื่อนอาจเรียกว่า ซี่ หรือ ปราณโดยมีดุลยภาพระหว่างพลังร้อนและพลังเย็น หรือหยินหยางที่ได้สมดุลกัน
โรคเกิดขึ้นเมื่อธาตุต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้สมดุล ความเป็นกรดด่างแปรเปลี่ยนไป เกิดการขัดขวางของพลังปราณ โคจรไม่สะดวก ผลก็คือเกิดการคั่งของสารเสีย หรือสารพิษ ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดโรคขึ้น อายุรเวทเรียกสารนี้ว่า อามะ อามะนี้จะไปอุดช่องว่างๆ ของร่างกายทำให้เจ็บป่วย การแพทย์แผนจีนเรียกว่า "ตั๊กซี่" หรือ "ตุ๊ชี่" ฮิปโปเครติส ปรมาจารย์แพทย์ยุคกรีก เรียกว่า "toxin" สารพิษเหล่านี้ต้องล้างออก จึงจะหายจากโรคได้
สำหรับการแพทย์แบบแผน เดิมทีเดียวอาจรู้สึกงงมากกับเรื่องราวของสมดุลธาตุสมดุลกรดด่าง สมดุลพลังหยินหยาง ยิ่งเข้าใจไม่ได้กับเรื่องการสะสมสารพิษ และการล้างพิษ สุดท้ายมาถึง ยุคสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งก็คือ การผสมผสานเอาหลักสุขภาพที่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ สมเหตุสมผล และพิสูจน์ผลได้ รวมเข้าไปร่วมใช้ ร่วมบำบัด สำหรับคนไข้ในโรงพยาบาลต่างๆ
ตรงนี้เองมีการทำความเข้าใจเกิดขึ้นว่า อะไรคือสารพิษที่การแพทย์พื้นถิ่นพูดถึงกันอยู่ ถ้าจะเข้าใจง่าย ๆ ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ไขมันนั้นก็เป็นพิษกับร่างกาย ไปอุดหลอดเลือดต่างๆ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง น้ำตาลที่เกิน ก็เป็นพิษไปขัดขวางการทำงานของเซลล์ และกระแสประสาททำงานไม่สะดวก ทางด้านจิตใจ ภาวะเคร่งเครียดเกินไป ประสาทเร่งรัดทำงานมาก ก็เกิดฮอร์โมนแอดรีนาลิน และฮอร์โมนคอร์ติโซน เป็นสารพิษ
ต่อมาเมื่อความรู้เรื่องสารอนุมูลอิสระเป็นที่รับรู้กันมากขึ้น คำอธิบายเรื่องสารพิษก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะอนุมูลอิสระ ก็คือสารพิษตัวฉกาจ ที่ไปทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ไขมันอุดตันหลอดเลือด บั่นทอนภูมิต้านทาน เป็นพิษถึงขั้นก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งในที่ต่างๆ
ถ้าอย่างนั้น กระบวนการล้างพิษ ก็คือการทำอย่างไรให้เราขจัดสารเสียต่างๆ เหล่านี้ให้ลดน้อยหรือหมดไป เปิดโอกาสให้ร่างกายสมานคืนตนเองเพื่อจะได้หายจากโรค วิธีการของการแพทย์พื้นถิ่นแต่ละชนชาติ ทำเหมือนกันหมดอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ใช้วิธี "อดเพื่อสุขภาพ"
การแพทย์แผนจีน มีวิธีให้คนไข้อดอาหาร แล้วให้มาดื่มยาต้ม ห่มผ้า เพื่ออบเอาเหงื่อออก สัก 2-3 วัน เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว จึงยอมให้กินข้าวต้มกับฟักเขียว แล้วนำไปบำรุงอีกทีตอนที่หายไข้ได้สักอาทิตย์หนึ่ง
อายุรเวทใช้ หลักปัญจกรรมะ ให้กินแต่ข้าวเปล่าๆ หุงด้วยขมิ้นมื้อเล็กๆ เพียงประทังความหิว กินสมุนไพรให้อาเจียน ทำให้ท้องเสีย สวนทวาร ล้างจมูกด้วยน้ำมันเนย ร่วมกับการทำสมาธิ
ฮิปโปเครติสให้อดอาหาร บ้างก็อดด้วยผลไม้ อดด้วยน้ำผลไม้ อดด้วยน้ำ หรืออดโดยไม่กินดื่มเลย พร้อมกับสวนทวาร
จะเห็นได้ว่า หัวใจหลักของการล้างพิษ ทุกแขนงความรู้ คือ "การอดเพื่อสุขภาพ" จนอาจถือเป็นหลักได้ว่า ถ้าจะล้างพิษ จะต้องมีการอด ถ้าไม่อดอาหาร การล้างพิษไม่อาจเกิดได้ ถ้าจะมีบ้างก็น้อยมาก
เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราอด---เรารู้ว่า สารพิษตัวร้าย ได้แก่ อนุมูลอิสระ ซึ่งนอกจากเรารับจากอาหารการกินและอากาศที่เราหายใจแล้ว กระบวนการกินอาหาร ย่อยอาหาร ดูดซึมอาหาร สลายอาหารเป็นพลังงาน ก็จะเกิดสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้นอยู่เสมอ ผู้คนในสังคมสมัยใหม่ ที่กินมาก ย่อยมาก แถมกินผิดๆ มีสารปนเปื้อน มีสารแต่งสีแต่งกลิ่นแถมเครียดด้วย สารพิษอนุมูลอิสระก็ก่อรูปในตัวมาก
ดังนั้นเมื่ออด ร่างกายก็เกิดสารพิษอนุมูลอิสระ ก็ก่อรูปในตัวมากสารพิษเก่าที่มีอยู่ในร่างกาย ก็ถูกกำจัดไปโดยเอนไซม์ภายในตัวเราเอง หรือโดยวิตามินกลุ่มแอนติออกซิแดนต์ จากผักผลไม้ที่เรารับเข้าไป
จึงเห็นได้ว่า กระบวนการอด เป็นหัวใจของการล้างพิษ
ในระหว่างล้างพิษ เราอาจปะทะปะทังตัวเองด้วยผลไม้ ด้วยน้ำผลไม้ ด้วยน้ำเปล่า ด้วยน้ำผัก ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะชอบอย่างไหน ความวิเศษวิโสไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครจะดื่มน้ำผัก หรือดื่มน้ำผลไม้อะไร แต่ความวิเศษอยู่ที่การอด ถ้าทำสมาธิด้วยยิ่งดีใหญ่ และการอดนี้ ถ้าคุณจะเก่งจริงโดยไม่กิน ไม่ดื่มอะไรเลย การล้างพิษก็เกิดขึ้น แถมเกิดได้เยี่ยมยอดด้วย
ตรงกันข้าม ถ้าใครมุ่งแต่ดื่มน้ำผลไม้ หรือดื่มน้ำผัก แต่ก็ยังคงกินอาหารอย่างปกติ หรือกินผิดๆ การล้างพิษย่อมจะเกิดขึ้นไม่ได้ น้ำผักหรือน้ำผลไม้ที่ดื่ม แท้ที่จริงเป็นเพียงเครื่องประกอบทำให้ร่างกายเป็นด่างมากขึ้น ช่วยให้ไม่ปวดเมื่อยตัว ผ่านการอดได้โดยราบรื่น นั่นต่างหาก
เอาล่ะ ถึงตรงนี้คุณคงอยากล้างพิษด้วยตัวคุณเองแล้ว วันนี้จะแนะนำการอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธี ที่ง่ายมากใช้เวลาน้อย เห็นผลเร็ว ขอแต่ให้มีความพยายาม
ก่อนอื่นเลือกวันอด ให้เลือกวันขึ้นและแรม 11 ค่ำ เพราะเป็นวันที่น้ำบนโลกได้สมดุลกับน้ำในร่างกาย ทำให้อดได้ราบรื่น ใครไม่สะดวกจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่ห้าม สัก 2 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง
ในวันอด มื้อเช้าให้กินผลไม้ 1 จาน และน้ำผลไม้ 1 แก้ว จะเป็นอะไรก็ได้ จากนั้น เริ่มอดไปตลอดทั้งวัน ถ้ากระหายก็ดื่มแต่น้ำ ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ให้อดโดยไม่กินไม่ดื่ม (dry fasting)
กิจกรรมในวันอด เป็นงานเบาๆ เช่นงานบ้านเล็กน้อย อ่านหนังสือ ฟังเพลง ในวันอด คุณจะมีเวลามากมาย สมองใส ความคิดปลอดโปร่ง เหมาะกับการทำงานศิลปะหรือที่ใช้ความประณีต ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ต้องออกแรง อย่าลืมทำสมาธิ หริอจะฝึกโยคะก็เชิญ จะพบว่าทำท่าต่างๆ ได้ดี จิตนิ่งดื่มด่ำกับกระแสลมปราณได้ดีนัก
วันเลิกอด เมื่อครบถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว ให้เลิกอดดังนี้ ดื่มน้ำผสมมะนาวและเกลือ 1.5-2ลิตร โดยผสมน้ำ 1 ลิตร กับมะนาว 2 ลูก และเกลือทะเล 1 ช้อนชา ค่อยๆ ดื่มไปเรื่อยๆ จนหมดจากนั้นจะรู้สึกอยากถ่าย การถ่ายช่วยขับสารพิษในทางเดินอาหารออกไป
อาหารมื้อแรก ถ่ายเสร็จแล้ว ให้เลิกการอดด้วยอาหารเช้าเบาๆ เริ่มจากกล้วยน้ำว้า 1-2 ใบ แล้วตามด้วยอาหารเช้าปกติ ซึ่งผู้รักสุขภาพย่อมรู้อยู่แล้วว่า ควรกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่นโจ๊กข้าวกล้อง หรือขนมปังโฮลวีท
ข้อบ่งชี้ อด 24 ชั่วโมงดีมากสำหรับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยตัวเอง ตั้งแต่สิว ภูมิแพ้ หอบหืด ข้ออักเสบ ไขมันเลือดสูง อ้วน ไมเกรน ปวดประจำเดือน ประจำเดือนผิดปกติ เป็นต้น ปฏิบัติเดือนละ 2 ครั้ง สัก 2-3 เดือน โรคต่างๆ จะถอยห่างไปมาก คนที่สุขภาพดีก็มีผลช่วยจรรโลงความอ่อนเยาว์ อยู่เสมอ
ข้อห้าม เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ คนไข้โรคมะเร็ง
ข้อพึงระวัง คนไข้โรคเบาหวาน โรคหัวใจที่รุนแรง คนสูงอายุสุดๆ คนอ่อนเพลียมากคนเป็นโรคมะเร็ง ถ้าใครอยู่ในข่ายนี้แต่คิดจะอด ให้ปรึกษาแพทย์ฝ่ายธรรมชาติบำบัดเสียก่อน เพราะกรณีเหล่านี้ต้องได้รับความดูแลโดยใกล้ชิด สุขภาพทางเลือกที่สมเหตุผล จะมีข้อบ่งชี้ และกำหนดขอบเขตขีดขั้นที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้ทางเลือกดังกล่าว นี่คือหลักการ
การอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์การล้างพิษที่สมเหตุผลนี้ผู้รู้ทางสุขภาพทำอยู่เสมอ ครับ เช่น พล.อ. สายหยุด เกิดผล ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล พ.ญ. ลลิตา ธีระสิริ และตัวผมเอง ประทับตราเป็นหลักประกันได้ครับ ฤดูกินเจหนนี้ ลองอด 24 ชั่วโมงสักวัน ใช้ได้ผลประการใด ก็เล่าสู่กันฟังบ้าง
จากหนังสือ วิถีสุขภาพแบบบูรณาการ. โดยนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล กรุงเทพฯ : วิถีทรรศน์, 2545 หน้า 13 - 23.

ความคิดเห็น