สิวปิตตะที่อักเสบ : สิวกำลังบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเรา? (แปล)
ภาพและบทความจาก
http://www.holisticvanity.ca/inflamed-pitta-pimples-what-is-your-acne-saying-about-your-health
|
ในฐานะที่ดิฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม แผนที่ผิวหน้าแบบอายุรเวชได้ช่วยทำให้ฉันเข้าใจรากของปัญหาสิวอย่างมาก แผนที่ผิวหน้า คือ แนวคิดที่ว่า แต่ละส่วนของใบหน้าบ่งชี้ถึงสิ่งที่แตกต่างเกี่ยวกับสุขภาพภายในของเรา ในทางการแพทย์แผนตะวันออก นี่เป็นแนวคิดพื้นฐานทั่วไปที่สถาบันและสำนักที่เกี่ยวกับการรักษาเยียวยาต่าง ๆ ใช้ภายนอกของร่างกายในการวินิจฉัยว่ามีอะไรที่กำลังเกิดขึ้นภายในร่างกาย และได้ทำการบำบัดรักษาผ่านส่วนและจุดต่าง ๆ ที่อยู่บนผิวหนังของเรานั่นเอง แพทย์แผนจีนและอายุรเวช กระตุ้น นวด และฝังเข็มเพื่อทำการรักษาอวัยวะภายใน ในด้านความงาม สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแนวคิดนี้คือ แผนที่ผิวหน้า (face mapping) หมายถึง ส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังมีความสัมพันธ์กับโทษะและอวัยวะที่แตกต่าง (วาตะ ปิตตะ คัพพะ อ่านเพิ่มเติมภาษาไทยที่ http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/61/การดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก-ตอนที่1/) ดังนั้น เมื่อเราเป็นสิวในบริเวณเหล่านี้ มันก็บ่งชี้ว่าอะไรที่กำลังเสียสมดุลอยู่นั่นเอง
สิว "ปิตตะ"
ตอนนี้ ดิฉันได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับ การเป็นสิวที่หน้าผาก และ สิวที่คางและแนวกรามไปแล้ว แล้วสิวที่ขึ้นตรงส่วนกลางของใบหน้าเราล่ะ บ่งบอกอะไร? ส่วนกลางของใบหน้า คือ แก้มและจมูกได้รับอิทธิพลและถูกกำกับด้วยโทษะปิตตะ ซึ่งในทางอายุรเวชเปรียบได้กับธาตุไฟ โทษะนี้เป็นต้นเหตุของการอักเสบทั้งหมดภายในร่างกายของเรา ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ในทางการแพทย์อายุรเวช การเป็นสิวในบริเวณปิตตะของใบหน้านี้แสดงถึง การอักเสบภายในร่างกาย
ประเภทของการเป็นสิวในบริเวณนี้มักจะมีแนวโน้ม แดง ดูร้อนแรง และ อักเสบ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณจะต้องเข้าใจเพราะ คนมากมายพยายามที่จะรักษาสิวบริเวณนี้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง (ลดมัน - บีม) แต่ข่าวร้ายคือ วิธีนี้มักจะทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้ผิวอ่อนแอลง ยิ่งทำให้การอักเสบเพิ่มมากขึ้น และ ทำให้สิวแย่ลงด้วย! ในทางตรงข้าม เราจะต้องเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวผ่อนคลาย ฟื้นฟู และปกป้องผิวของเราต่างหาก เมื่อเราสามารถบรรเทาอาการอักเสบด้วยสกินแคร์ที่เย็นที่จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้เป็นหนักขึ้น สิวของเราจะเริ่มแดงน้อยลง และป้องกันไม่ให้สิวใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การใช้ส่วนผสมที่ต้านการอักเสบในการรักษา เช่น ว่านหางจระเข้ ดาวเรือง คาโมไมล์ และโจโจ้บาออยล์ จะทำให้ได้ผลมากกว่าการใช้เพอร็อกไซด์ (BP - Benzoyl Peroxide - บีม) การลอกผิวและการใช้แอลกอฮอล์
การทำให้ปิตตะสงบเพื่อรักษาสิว
ส่วนของระบบภายใน ปิตตะเกี่ยวข้องกับตับและระบบเลือด อายุรเวชอธิบายว่า เนื่องจากเลือดของเราไปหล่อเลี้ยงผิวหนัง ดังนั้น การเป็นสิวปิตตะจึงสะท้อนให้เห็นถึงความร้อนและพิษในเลือด การทำความสะอาดเลือดเป็นทางที่ยอดเยี่ยมที่จะรักษาสิวลักษณะนี้ นอกจากนี้ ตับที่ทำงานหนักเกินไป และอยู่ในสภาวะติดขัด เป็นอีกเหตุผลสำหรับสิวปิตตะ และสำหรับการแพทย์แผนตะวันออก เป็นที่รู้กันว่าอวัยวะนี้ (ตับ) จะทำหน้าที่ "เก็บรักษาความร้อน" นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ผู้ที่มีภาวะตับทำงานผิดปกติ มีแนวโน้มที่จะก้าวร้าวรุนแรงและมีอารมณ์ไม่ปกติ บ่อยครั้งที่ถ้าเลือดมีความร้อนสะสม ตับก็จะได้รับพลังงานปิตตะที่มากเกินไป (ความร้อน / ไฟ) สมุนไพรที่จะช่วยทำความสะอาดเลือดและตับมักจะเป็นตัวเดียวกัน คือ แดนดิเลียน (dandelion) มิลค์ทิสเทิ้ล (milk thistle) สะเดา (neem) และ ขมิ้นชัน (turmeric) สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ลดการเป็นสิวอักเสบได้นั่นเอง
- จบการแปล -
โดย พีรญา สุขพิมลกุล (บีม)
แปลจากเว็บ http://www.holisticvanity.ca/inflamed-pitta-pimples-what-is-your-acne-saying-about-your-health
----------------------------------------------------
ข้อมูลจากประสบการณ์ตรงโดยบีม
สิ่งที่บีมเป็นห่วงหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้จบก็คือ
คุณจะไปหาสมุนไพรเหล่านี้มากินทันทีใช่ไหมคะ?
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่สามารถทำได้เช่นนั้นเลยทันที
เพราะอะไร?
ตัวบีมเอง เคยกินอาหารเสริม Blackmores มิลค์ทิสเทิ้ล และ อีกแบรนด์เป็น Neem ซึ่งซื้อที่มาเลเซีย เพราะเขาจะมีแบรนด์อายุรเวชที่ดังมากที่นั่น ขายบน Shelf ค่ะ ส่วนขมิ้นชัน เคยซื้อของไทยกิน ซึ่งบีมกินตอนที่บีมมีความรู้ด้านธรรมชาติบำบัดรักษาสิวแล้วนะคะ ซึ่งหมายถึงว่า ร่างกายของบีมได้ผลจากการรักษาตามแนวทางของตัวเองมาได้ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งสภาพร่างกายจะแตกต่างกับคนที่พึ่งเริ่มต้นใหม่ที่พึ่งมาเจอแนวทางของบีม
ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว หากคุณกินแค่สมุนไพรตามบทความ แต่ไม่นอนเร็ว ไม่ปรับอาหาร ไม่ออกกำลังกาย บีมบอกได้เลยว่า ไม่เห็นผลแน่นอน การรักษาสิวแนวทางนี้ต้องทำแบบองค์รวม แล้วเรากินสิ่งเหล่านี้ประกอบใช้อาหารหรือสมุนไพรเป็นยานั่นเองค่ะ
สำหรับอาหารเสริม Milk Thistle - สิวใหม่บีมไม่ได้ขึ้นเพิ่ม แต่ไม่ได้เห็นผลชัดเจนนัก แต่ก็รู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วเรามีสมุนไพรและของในครัวที่จะเพิ่มพลังให้เราได้ และการทานอาหารเสริม ก็ทำให้เลือดเราร้อนขึ้น เพราะเป็นของที่จัดว่ามีฤทธิ์ร้อนค่ะ ถ้าร่างกายเสียสมดุลเพราะร้อนเกินอยู่แล้ว การกินสมุนไพรในรูปแบบอาหารเสริมจึงไม่ได้ช่วยปรับสมดุล การรักษาจึงไม่ได้ผลเท่าที่ควร
สำหรับ Neem - บีมเข้าใจว่าเพราะสะเดามีรสขม (เหมือนกับมะระ) ซึ่งปกติแล้ว รสขมจะช่วยทำให้ความร้อนสงบลงได้ค่ะ ถ้าเรากินสะเดาไปเลย ไม่ต้องเป็นอาหารเสริม บีมคิดว่าช่วยให้สิวประเภทนี้สงบได้จริง เพราะเคยทดลองกินมะระขี้นก จำไม่ได้แล้วว่ากินแบบต้มก่อนหรือปั่นสดเลย แต่ทำให้สิวและผิวที่แดง ๆ อักเสบสงบลงได้จริง ๆ ค่ะ และรู้สึกระบบภายในเย็นลง อารมณ์เลยเย็นลงด้วยนั่นเองค่ะ หายใจคล่องขึ้น แต่...ถ้าเรื่องทำให้ร่างกายเย็นลง ของไทยเรามีสมุนไพรทดแทนได้ ไม่ต้องซื้ออาหารเสริม แนะนำกินสด ๆ ดีกว่าค่ะ เช่น ย่านาง บัวบก มะระ เป็นต้น ด้วยเหตุผลเดียวกัน ถ้าสิวอักเสบ แล้วกินอาหารเสริม ก็ไม่ได้ช่วยปรับสมดุลเท่าไหร่ค่ะ
สำหรับขมิ้นชัน - บีมเคยกินเป็นอาหารเสริมและแบบที่เอามาทำอาหารค่ะ ในแบบอาหารเสริมก็รู้สึกได้ผลเรื่องการฆ่าเชื้ออยู่เหมือนกัน แต่...ขมิ้นมีฤทธิ์ร้อน และ การทานขมิ้นชันในช่วงแรก ๆ จะมีสิวอุดตันขึ้นด้วย ถ้าใครไม่เคยล้างพิษ จะขึ้นเยอะมาก เพราะมันล้างไขมันเลวออกมาด้วยค่ะ ดังนั้น บีมจึงไม่แนะนำให้กินขมิ้นชันในช่วงแรกของการรักษาสิว เพราะคนส่วนใหญ่ที่เป็นสิวในยุคนี้ ผ่านการกินยา กินของมัน ของทอด กินน้ำตาลมาเยอะมาก นอนดึก เครียด ฯลฯ ส่งผลให้ตับแย่และมีไขมันอยู่ในตับและเลือดเยอะเป็นทุนเดิม ขมิ้นชันไม่ใช่ว่าไม่ดีค่ะ ดีแน่นอน แต่ต้องกินแบบเป็นอาหาร พวกแกงใต้ แบบนั้นกินได้ค่ะ แต่แค่ระวังเรื่องร้อนเกิน ถ้ากินแล้วสิวยิ่งขึ้น ก็อย่ากิน แค่นั้นเองค่ะ และไม่ได้แปลว่ากินไม่ได้ตลอดไป เพราะร่างกายเราปรับตัวตลอด เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น เราก็ต้องหัดสังเกตและรู้จักเลือกอาหารปรับสมดุลให้เป็นค่ะ
ซึ่งคุณ Kristen Ma ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามท่านนี้ อยู่แคนาดา อากาศและสรีระของผู้คนที่นั่นย่อมแตกต่างจากเมืองร้อนแบบเมืองไทยแน่นอน ซึ่งเอามาใช้ไม่ได้ทันทีค่ะ เราจะต้องมาเทียบเคียงและปรับให้เหมาะสมกับคนไทยและสภาพอากาศของเมืองไทยอีกที แต่เราใช้หลักการเดียวกันนี้ในการทำความเข้าใจได้ค่ะว่า ปิตตะ คือ การอักเสบ และทำให้สิวอักเสบบริเวณกลางหน้านั่นเอง หรือมีสิวอักเสบบนหน้า ก็ต้องลดปิตตะในเลือดลงค่ะ ปรับสมดุลให้เย็นลง แค่นั้นเอง รอยแดงและสิวอักเสบจะหายได้ คนที่ชอบเป็นสิวตรงแก้มก็แสดงว่าตับร้อนค่ะ ถ้าบริเวณที่เป็นลามไปขมับ ข้างหู หลังหู ลงไปหลังคอ (ท้ายทอย) แสดงว่าถุงน้ำดีร้อนไปด้วยค่ะ
สูตรในการลดภาวะร้อนเกินที่บีมใช้และสูตรการล้างพิษในเลือดที่ใช้กับคนไทยได้ผล บีมแนะนำให้ใช้สูตรนี้เลยค่ะ ซึ่งมันเวิร์คกับบีมมาก ๆ ไม่เย็นไป ไม่ร้อนไป ปรับสมดุลได้ดีมาก และดีท็อกซ์ได้ดีมาก ๆ ด้วย
ทาน 6 สิ่งนี้หลังตื่นนอน ช่วยดีท็อกซ์ แก้และป้องกันท้องผูก แก้อาการปวดประจำเดือน หรือประจำเดือนเป็นลิ่ม ซ่อมแซมสุขภาพลำไส้ และผิวพรรณสดใสได้ใน 30-60 วันแน่นอน (ทำร่วมกับการนอนเร็วและออกกำลังกาย ทานอาหารคลีน เพื่อผลลัพธ์สูงสุดค่ะ)
กล้วยน้ำว้า - ทานแบบสุก แต่ไม่ถึงกับงอม เปลือกเหลืองและไม่ดำ จะช่วยในการระบายอ่อน ๆ และมีใยอาหารแบบละลายน้ำ เพิ่มมวลอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น และเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดที่ดีในลำไส้ เมื่อทานเป็นประจำหลังตื่นนอนตอนเช้าวันละ 2-3 ลูก จะช่วยเลี้ยงแบคทีเรียให้เติบโตและเมื่อนั้นระบบย่อย ดูดซึม และระบบขับถ่ายจะดีขึ้นอีกมาก ในกล้วยยังมีสารอาหารดี ๆ อีกมากมาย กินช่วงลดความอ้วนก็ได้ ทำให้ไม่อ้วนเพราะน้ำตาลเป็นน้ำตาลธรรมชาติ ไม่ทำให้เลือดแกว่ง ดีต่อคนเป็นสิวด้วยนะคะ กินแทนขนมตอนท้องว่าง จะทำให้อาการติดน้ำตาลหายไป และได้ประโยชน์จากกล้วยเต็ม ๆ แทน สิวอักเสบจะลดลงค่ะ เมื่อเอามาทานแทนขนมและเค้กที่เคยกิน
มะนาว - ช่วยปรับสมดุลเลือด พอเข้าสู่ร่างกายแล้ว มะนาวจะเป็นด่าง ซึ่งเลือดของคนจะต้องอยู่ที่ประมาณ pH 7.4 เซลล์จึงจะทำงานได้ดี คนในยุคนี้กินอาหารที่ทำให้เลือดเป็นกรดมาก เช่น อาหารผัดทอด เค้ก เบเกอรี่ เนื้อสัตว์ บีมพบว่าการดื่มน้ำมะนาวทุกเช้า โดยบีบมะนาว 1/2 ผลใหญ่ ลงในน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง 500 มล. แล้วดื่มให้หมดรวดเดียว หรือพยายามให้หมดในคราวเดียว ถ้าทำน้ำหยินหยางได้ แล้วกินด้วยกัน ผสมเกลือหิมาลัยด้วย จะส่งผลต่อการดีท็อกซ์และปรับสมดุลในช่วงตี 5 - 7 โมงได้ดีมากค่ะ ดื่มเสร็จให้จับเก้าอี้ ย่อตัวลง แยกขาออกจากกันแล้วขึ้น ทำแบบเร็ว ๆ สัก 5 ครั้ง น้ำจะถูกกระทุ้งให้ลงไปยังลำไส้เล็กและใหญ่เร็วขึ้นและลงไปแบบรวดเร็ว ทำให้กระตุ้นการขับถ่ายได้ดีมาก ๆ ค่ะ และทำให้หายใจโล่งขึ้นด้วย เวลาที่เลือดเราเป็นด่างค่ะ
น้ำเปล่า - การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 500 มล. (จริง ๆ ควรฝึกดื่มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่อาเจียน) ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะดีมาก ในช่วงหลังตื่นนอนเป็นประจำ จะปลุกร่างกายให้ตื่นมาทำงาน และล้างของเสียในตอนเช้าออกไปมากที่สุด การเตรียมน้ำหยินหยาง http://www.liekr.com/post_136763.html เอาไว้ดื่มตอนเช้า โดยเอาผสมกับมะนาวและเกลือหิมาลัย จะให้ผลด้านการดีท็อกซ์และปรับสมดุลร่างกายในตอนเช้าดีมาก ๆ ร่างกายจะตื่นและพร้อมกับการทำงานอย่างสูง และตลอดทั้งวัน ควรตั้งน้ำเอาไว้จิบดื่มโดยตลอด ซึ่งให้ผลดีกว่าการดื่มเป็นแก้ว ๆ เพราะจะทำให้ร่างกายซึมซับน้ำเข้าไปได้ทั้งหมด ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นกว่าการดื่มแบบเป็นแก้ว ๆ ในครั้งเดียว รวมแล้วให้ได้ 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยปรับอาการท้องผูก และประจำเดือนเป็นลิ่มได้ในระยะยาว
เกลือหิมาลัย - บีมได้ทดลองและค้นพบว่า ได้ผลดีต่อระบบร่างกายทั้งระบบค่ะ มีบทความมากมายเขียนเกี่ยวกับประโยชน์ของเกลือนี้ แต่ที่บีมสนใจและเอาทดลองทานก็เพราะ เกลือนี้ช่วยปรับสมดุลหลายระบบ และอีกอย่าง ร่างกายของเราต้องการเกลือแร่หรือแร่ธาตุ ซึ่งคนที่ทานผักผลไม้น้อย ๆ จะไม่ค่อยได้รับเกลือแร่เหล่านี้อยู่แล้วค่ะ ดังน้ัน เลือกทานเกลือหิมาลัย อย่างน้อยในตอนเช้าหลังตื่นนอน ผสมกับน้ำ มะนาว น้ำผึ้งป่า วันละ 1 ครั้ง ก็จะช่วยให้ระบบของร่างกายสมดุลมากและเซลล์ทำงานได้เป็นปกติ จะทำให้ผิวพรรณสดใส ระบบหมุนเวียนเลือดก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ ทุกครั้งที่ได้ดื่มน้ำผสมเกลือนี้ บีมจะรู้สึกสดชื่น สมองโปร่งทันที ยิ่งมาอยู่ในสูตรน้ำดีท็อกซ์ในตอนเช้าด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เช้านั้นรู้สึกดีกับร่างกายมาก ๆ และดีท็อกซ์ได้หมดจดค่ะ (ถ่ายได้หมด)
น้ำผึ้งป่า - บีมสนใจน้ำผึ้งป่า หลังจากที่ได้สอบถามพูดคุยกับแฟนของเพื่อนที่ได้นำน้ำผึ้งป่ามาจำหน่าย ซึ่งเขารู้จริงมาก ๆ และทำให้บีมเลือกกินน้ำผึ้งป่าเดือน 5 แทนน้ำผึ้งทั่วไป หรือผึ้งเลี้ยงค่ะ เพราะคุณค่าทางอาหารสูงกว่ามาก เรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะหรือออร์แกนิคได้เลย เพราะต้องไปเอาในป่าลึกพอสมควร และมีฤดูกาลที่จะต้องคำนึงด้วยค่ะ เก็บได้ปีละครั้งเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย ถ้าเรากินเดี่ยว ๆ คือ กินแล้วดื่มน้ำอุ่น ๆ ตาม สักพัก ถ้าใครที่มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้จะรู้สึกเจ็บค่ะ ซึ่งไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้เพราะน้ำผึ้งเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ เขาจะไปสมานแผลต่าง ๆ และฆ่าเชื้อโรคมากมาย ทานน้ำผึ้งป่าเป็นประจำจะทำให้อาการเจ็บที่เยื่อบุค่อย ๆ หายไปค่ะ และทำให้ลำไส้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ถ้าเป็นน้ำผึ้งหมักด้วย ก็จะมีแบคทีเรียที่ดีค่ะ จะช่วยเติมเชื้อแบคทีเรียที่ดีลงไปค่ะ
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น - บีมทดลองมาสักระยะค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปนาน เพราะเกรงเรื่องสิวขับพิษ เนื่องจากต้องออกงานมากในช่วงก่อน แต่รอบนี้ แทบไม่ค่อยมีสิวขับพิษ คือ น้อยมาก ๆ ค่ะ ตอนนี้เลยกินทุกวันตอนเช้า ถ้ากินน้ำมันเลว เช่นอาหารผัดทอดเมื่อวาน เช้านี้กินน้ำมันมะพร้าว มันล้างออกเลยค่ะ แล้วก็ยุบหายไปอย่างเร็วมาก น้ำมันมะพร้าว กินแล้วจะช่วยในการระบายค่ะ แล้วใครมีแผลในกระเพาะหรือลำไส้จะเจ็บเหมือนกันค่ะ เพราะเขาเข้าไปฆ่าเชื้อเช่นกัน ทานไปเรื่อย ๆ ทุกวัน จะทำให้ลำไส้มีสุขภาพดีขึ้นยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ.
วิธีทาน
หลังจากตื่นแล้ว จะแปรงฟันหรือไม่แปรงก็ได้ ให้ทานตามลำดับดังนี้ .1. นำน้ำหยินหยางที่เตรียมไว้ หรือเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำเปล่าธรรมดาก็ได้ เอาตามที่สะดวกค่ะ แต่ถ้าล้างพิษ น้ำหยินหยางช่วยได้มากที่สุด รองมาก็คือน้ำอุ่น 1000 มล. มาเตรียมเอาไว้ จากนั้น บีบมะนาว 1/2-3/4 ของผลใหญ่ลงไปผสม แล้วเทน้ำผึ้งป่า 2 ช้อนโต๊ะลงไป แล้วตามด้วยเกลือหิมาลัย 1 ช้อนโต๊ะ จริง ๆ สัดส่วนไม่ซีเรียสค่ะ บีมเอาแบบว่า รสชาติอร่อยถูกใจ กลมกล่อมพอดี ซึ่งการใส่ประมาณนี้รสชาติโอเคสำหรับบีมค่ะ คนๆ ให้เข้ากันทั้งหมดจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วพยายามดื่มรวดเดียวให้หมด ถ้าไม่ได้จริง ๆ อยากอาเจียน พักได้ค่ะ หรือถ้าใครพึ่งเร่ิมดื่มน้ำตอนเช้า ให้เริ่มจาก 500 มล.ก่อน และสัดส่วนของตัวอื่น ๆ ก็ลดลงไปค่ะ.2. รอ 15 นาที ทานน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ และตามด้วยกล้วยน้ำว้า 2 ผล ดื่มนำ้อุ่นหรือน้ำธรรมดา หรือน้ำหยินหยางตาม 1 แก้ว (250 มล.) // แต่ถ้าปวดถ่ายตั้งแต่ดื่มน้ำรอบแรก ให้เข้าห้องน้ำให้เสร็จก่อนนะคะ แล้วค่อยมาทานชุดนี้.ทำแค่นี้ค่ะ ทุกวันใครมีทานธรรมก็กินทานธรรมก่อนนอนหลังจบคอร์สทานธรรมเมื่อเราทานแบบนี้ตอนเช้าต่อเนื่องกันทุกวันจะทำให้ลำไส้เราสะอาดและสมดุลจริงๆหยุดทานธรรมได้จริงค่ะและปัญหาท้องผูกจะหมดไปจนกว่าคุณจะปล่อยปละละเลยสุขภาพอีกครั้งนั่นเองค่ะสิ่งที่ต้องเตือนก่อน
- ในคนที่เป็นสิว จะมีสิวขับพิษขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 มากที่สุดนะคะ จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงเอง ใครที่ทำงานต้องใช้ผิวหน้า แต่งหน้า ต้องทำใจไว้ก่อนหรือถ้าไม่พร้อม ก็ไม่ต้องทำก่อนค่ะ เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่ามันจะขึ้นมามากหรือน้อย อยู่ที่พิษสะสมในลำไส้และตัวของคุณ
- อาการเจ็บ ปวด หรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในยามที่คุณล้างพิษ เป็นสัญญาณที่ดีของการที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น อย่ากินยาเด็ดขาด แนะนำให้ช่วยร่างกายกำจัดพิษที่ออกมาโดยการกัวซา อบตัว เล่นโยคะ ออกกำลังกายให้เลือดลมหมุนเวียน แค่ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอค่ะ ครั้งละ 30 นาที ห้ามหักโหม เพราะนั่นคือการเพิ่มพิษค่ะ แต่โยคะเล่นแบบเบา ๆ ได้ทุกวันนะคะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และนอนก่อน 4 ทุ่มจะดีที่สุดค่ะ ถ้านอนดึก 5 ทุ่มเป็นต้นไป ร่างกายจะกำจัดพิษไม่ได้ดีนัก จะทำให้ทั้งไขมันเสียที่ถูกล้างออกมา พิษต่างๆ ที่ถูกล้างออกมา กลับทำร้ายร่างกายซ้ำอีกค่ะ
- หากเป็นเลือดจาง ห้ามทานผลไม้ผักรสเปรี้ยวค่ะ ควรทราบสถานะสุขภาพตัวเองก่อนนะคะ จะได้หลีกเลี่ยงมะนาวและทานธรรมไปค่ะ เพราะเลือดจะยิ่งจาง กินแล้วจะอ่อนแรงในขณะที่คนอื่นเขากินแล้วแข็งแรงขึ้นค่ะ
- การทานน้ำมันมะพร้าวช่วง 1 เดือนแรก ไม่ควรเกิน 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน ในคนที่เป็นสิว จะมีสิวขึ้น ทั้งจากน้ำมันมะพร้าวและมะนาวไปล้างพิษในระบบอวัยวะของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตับและเลือด ไม่ต้องตกใจค่ะ ดูแลผิวหน้าตามอาการ ไม่ต้องใช้ยาใด ๆ (ต้องอดทนให้ได้ถ้าต้องการดีขึ้นแบบถาวร ไม่ต้องกลับไปวงจรเดิม ๆ อีกตลอดชีวิต ใจคุณจะอยากกลับไป เพราะวิธีเดิมมันเร็ว และคุณไม่คุ้นเคยกับวิธีการนี้ คุณยังไม่มั่นใจว่ามันจะได้ผลไหม แต่บีมกล้ายืนยันว่า จากประสบการณ์ของตัวเองและจากการให้คำปรึกษาผู้คนเป็นสิวมากว่า 100,000 เคสในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา พบว่า คนที่ตั้งใจตัดขาดและใช้ธรรมชาติ 100% หายแน่นอนและยังได้สุขภาพและความเด็ก หุ่นที่ดีกลับมาด้วยค่ะ)
- ที่ต้องแจ้งก่อนอีกอย่างคือ น้ำมันมะพร้าวช่วยดีท็อกซ์ ดังนั้น หากทานแล้วยังขับถ่ายออกไม่หมด จะรู้สึกเวียนหัวได้ค่ะ แต่ไม่น่าเป็นห่วง จึงแนะนำให้กินแค่ช้อนเดียวตอนเช้า และพยายามดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ขับถ่ายออกให้หมดก่อนออกไปทำงาน จะได้สดชื่น ไม่เวียนหัวค่ะ (ใครที่กินแล้วรู้สึกเวียนหัวและถ่ายไม่หมด ให้เปลี่ยนการกินหลังน้ำหยินหยาง มาเป็นก่อนกินน้ำหยินหยางค่ะ พอเข้าที่แล้ว กินแล้วไม่เวียนหัวแล้ว ก็มากินพร้อมกล้วยน้ำว้าได้เลย) ถ้ากินก่อนนอนจะนอนไม่หลับ เพราะมันไปเพิ่มพลังงานตับค่ะ
."เขียนโพสต์นี้ เพราะ...ไม่อยากให้คุณเสียเวลาลองผิดอีกต่อไปทางออกของสุขภาพ เหมือนเส้นผมบังภูเขา ง่าย ๆ แค่นี้แหละค่ะแต่ต้องต่อเนื่องและเข้าใจ คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอนใน 60 วันเพราะใส่เหตุที่ดีลงไป"
ด้วยความปรารถนาดี
#บีมสิวซีเคร็ต
นักเขียน & ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดฟื้นฟูภาวะสิวเรื้อรังด้วยแนวองค์รวม
FB : Beam Acne's Secret
บทความจาก Facebook Fanpage : @cleangitract
ความคิดเห็น