ประมวลภาพและการรักษาสิวด้วยตัวเองของบีมตั้งแต่ พ.ศ. 2552 - 2558



หากมีผู้ถามบีมว่า ตอนนี้บีมเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ช่วยอัพเดทหน่อย สิ่งที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2552 มันเวิร์คไหม ยั่งยืนไหม 

คำตอบของบีมคือ บีมพอใจมากที่สุดกับสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติมาตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีค่ะ เพราะบีมไม่เคยเครียดอีกเลยว่า เป็นสิวเพราะอะไรแล้วจะแก้อย่างไร บีมมีเวลาและพลังงานเหลือเฟือที่จะนำไปทำสิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญในชีวิตต่อไป นั่นคือ เป้าหมายที่บีมบรรลุแล้วเกี่ยวกับเรื่องสิวและผิวของบีม

แต่ละคนมีความพอใจไม่เหมือนกัน บางคนอยากได้ผิวเรียบเนียนแบบไข่ปอก
แต่กรรมพันธุ์มันสูงสุดก็ไม่ถึงไข่ปอกได้ แต่มันดีที่สุดในแบบที่มันเป็นได้

ผิวบีมก็เช่นกันค่ะ
ตอนนี้มันดีที่สุดในแบบที่มันจะเป็นได้แล้ว
จากการศึกษาเรื่องธาตุเจ้าเรือน 
จุดอ่อนสุขภาพของบีมคือ ตับ ถุงน้ำดี และความร้อนในตัว
เพราะฉะนั้น หากมีของเสียสะสมในลำไส้ ทานอาหารมัน นอนดึก เครียด สิวก็จะขึ้นแถว ๆ แนวกราม ขมับ โหนกแก้ม ใต้คาง ก็จะอยู่ประมาณนี้ ถ้าบีมปรับสมดุลได้แล้ว มันก็หายเอง ถ้าลำไส้สะอาดแล้ว ทานอาหารย่อยง่าย มันก็หายเองค่ะ ไม่มีอะไรที่บีมเครียดเลย...คือ บีมพอใจแล้ว ไม่ต้องเป็นไข่ปอกก็ได้ แค่หน้าสดแล้วมั่นใจมาก เดินออกจากบ้านได้เลยโดยไม่ต้องทาแป้ง ก็พอแล้ว

โอเคค่ะ บีมจะไล่เรียงให้ดูค่ะว่า ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการรักษาตัวเอง จนถึงปัจจุบัน มันแบ่งเป็นกี่ช่วง และหลังจากนั้นจะนำรูปภาพที่แทนแต่ละช่วงมาอธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจนะคะ

ช่วงที่ 1 ส.ค. 2552 - พ.ย. 2552 


เป็นช่วงที่เริ่มต้นและถือว่า "สุดโต่ง" มาก ๆ สำหรับการใช้ธรรมชาติบำบัดรักษาสิว เพราะบีมไม่ใช้อะไรเลย ใช้แค่สบู่ก้อนเดียวล้างหน้า เพราะกลัวสารเคมีเข้าผิวหน้า คือรู้สึกว่าตัวเองรับมาเยอะแล้ว อยากพักบ้างค่ะ ไม่กล้าใช้อะไรเลย และในการรักษาภายใน ก็ทานแต่ผักผลไม้ อย่างอื่นไม่กิน กินไม่ได้ สิวพาลจะขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงที่คุณยายป่วยหนักขึ้น บีมจะไม่ค่อยได้นอนแล้วค่ะ ต้องตื่นและหลับตามรูปแบบการตื่นหลับที่ไม่ปกติของคุณยายค่ะ จนคุณยายเสียเมื่อเดือนตุลาคมปี 2552 ค่ะ บีมก็เริ่มกลับมานอนแบบปกติ

แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ สิวสัมพันธ์กับอาหาร และความสะอาดของลำไส้ และเริ่มศึกษาและปฏิบัติเรื่องรักษาภาวะสมดุลร้อนเย็นของหมอเขียวค่ะ

ช่วงที่ 2 ธ.ค. 2552 - มี.ค. 2553 


เป็นช่วงที่เริ่มทดลองทานอาหารปกตินอกเหนือไปจากผักผลไม้ล้วน ๆ ค่ะ เพราะน้ำหนักเมื่อเดือน พ.ย. 2552 เหลือเพียง 38.5 กิโลกรัม จนนั่งชักโครกแล้วรู้สึกว่าก้นกบติดกับฝาด้านหลังแล้วรู้สึกเจ็บมาก เพราะเราไม่มีเนื้อเลย บีมรู้สึกว่ามันเกินไป ตึงเกินไปแล้ว สุดโต่งไป จนทดลองทานอาหารปกติ แต่สิวก็ยังขึ้นอยู่ค่ะ เราก็รู้สึกว่า อาหารที่ร้อนเกินไป อาหารพวกแป้ง ข้าว ก็ทำให้สิวขึ้น อาหารมัน ๆ และแปรรูปไม่ต้องพูดถึง คือ ขึ้นเยอะมากค่ะ เนื้อสัตว์ก็ทานไม่ได้ ย่อยยากอีก งานเขียนและการให้คำปรึกษาช่วงนั้นก็จะเป็นคำแนะนำที่ดูยากและเยอะ สำหรับคนทั่ว ๆ ไปค่ะ แต่ในคนที่ทดลองทำดูก็ได้ผลดีค่ะ เพราะมีการเขียนเล่าสู่กันฟังค่ะ และลูกค้าของบีม (ตอนนั้นเริ่มขายของในแบรนด์ MarryBeam แล้วค่ะ เป็นแบรนด์ตัวเอง) ก็บอกว่าได้ผลดีค่ะกับแนวทางที่เราแนะนำไป แม้จะทำยาก แต่ลูกค้าก็พยายามและทำได้ค่ะ

ช่วงที่ 3 เม.ย. 2553 - พ.ย. 2553


บีมท้องน้องแคนดี้ (ลูกสาวคนแรก) และได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายอีกมากเลยในตอนท้อง ผิวตอนท้องดีมากค่ะ แต่ช่วง 3 เดือนแรกนั้นสิวขึ้นเยอะมาก มาพร้อมกับอาการแพ้ท้อง แต่พอเข้าเดือนที่ 4 อาการแพ้ท้องหายไปพร้อมกับหน้าที่ใสขึ้น บีมเลยเรียนรู้ว่า อ๋อ สิวฮอร์โมนเป็นแบบนี้เอง และฮอร์โมนมันทำงานแบบนี้ และได้รู้ว่าอาหารส่งผลต่อผิวของลูกมาก ๆ ด้วยค่ะ แคนดี้ บีมดื่มนมถั่วเหลืองและโปรตีนของยี่ห้อดัง ค่อนข้างมาก เขาผิวสวยมากตอนคลอดค่ะ ไม่มีไขติดตัวเลย และก็ได้เรียนรู้วิธีการทานอาหารอย่างไรให้ได้ครบหมู่โดยที่สิวไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยที่สุดค่ะ

ช่วงที่ 4 ธ.ค. 2553 - กลางปี 2557


เป็นช่วงที่ธุรกิจไปได้ดีมาก จึงทำให้บีมต้องมาทำงานบริหารธุรกิจและดูแลลูกค้าค่อนข้างมาก จึงไม่มีเวลาที่จะค้นคว้าทดลองอะไรเพิ่มเติมอีก แต่เก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ จากลูกค้า จากตัวเอง แต่ตอนช่วงท้องน้องแพรี่เมื่อปี 2555 และคลอด ม.ค. 2556 ก็ได้องค์ความรู้อีกชุดหนึ่งค่ะ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาค่อนข้างมากเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์เรา กลไกการทำงานของร่างกาย ของจิตใจ ฯลฯ และการคลอดน้องแพรี่และมีลูกอีกคนหนึ่งก็ทำให้เรารู้เลยว่า ทำไมคนเราถึงแตกต่างกันแม้จะมีพ่อแม่คนเดียวกัน ซึ่งการดูแลตัวเองของแม่ตอนท้องสำคัญมากที่จะกำหนดได้มากว่าลูกจะออกมาเป็นอย่างไร มีผิวพรรณอย่างไร มีนิสัยใจคออย่างไรค่ะ และตอบคำถามลูกค้าหลายคนด้วยว่า "ทำไมเป็นพี่น้องกันแล้วคนนึงมีสิว อีกคนหนึ่งไม่มี" ก็เพราะเหตุนี้ล่ะค่ะ ว่าแม่ตอนท้องมีปัจจัยที่เข้ามาไม่เหมือนกัน ก็ส่งผลต่อลูกในท้องอย่างแตกต่างกันไปด้วยค่ะ

ช่วงที่ 5 กลางปี 2557 - ปลายปี 2557

บีมได้อ่านหนังสือ "ปฏิวัติน้ำมันพืช" โดยอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แล้วก็ได้คำตอบเกี่ยวกับสิวอีกหลายอย่าง เป็นคำถามจากทั้งตัวเองและลูกค้าด้วยค่ะ เพราะในช่วงนี้ เราเริ่มได้รับคำถามจากลูกค้าว่า ทำไมสิวจึงไม่หายเสียที ทำไมเคยรักษาไปแล้วแล้วมันกลับมาอีก และตัวบีมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะแก้ปัญหาผิวอย่างไรดีที่มักจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวไขมันที่สะกิด ๆ แล้วหัวไขมันชอบหลุด คือ เม็ดใหญ่ ๆ บีมไม่มีแล้วค่ะในตอนนั้น แต่เรารู้สึกว่า เราก็อยากให้ผิวมันเรียบเนียนกว่านี้นะ หรือว่าต้องเลเซอร์ บีมก็ไปยิงเลเซอร์ 2 รอบในปี 2558 ซึ่งรอบแรก ยิงแล้วก็ดูแลไม่ดีค่ะ ไปโดนแดดแรงตอนขึ้นบ้านใหม่ รอบที่สองก็ไม่ได้ยิงกับคุณหมอ ทั้งที่เรานัดไว้ หลังจากนั้นมาก็รู้สึกว่าผิวส่วนที่เราไปยิงมาจะมีปัญหานะ....แต่ไม่รู้ว่าปัญหาอะไร...แต่เรารู้สึกว่าผิวมันไม่เรียบเนียนดี ยิ่งช่วงร้อน ๆ หรือใช้ตัวผลัดผิวมาก ๆ ก็จะมีผด ๆ ขึ้นมา

คือ เราก็พอใจแล้วนะ แต่มันน่าจะดีกว่านี้ได้อีกไหม และเราก็ไม่มีคำตอบให้ลูกค้าว่าจะทำอย่างไร เลยต้องหาคำตอบกันต่อไปค่ะ

อ้อ...เรื่องน้ำมัน พออ่านหนังสือเล่มนั้นจบ บีมก็ทดลองเลย เอาน้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหารมาทำอาหาร สรุปว่าสิวไม่ขึ้น ทั้งที่เป็นเมนูที่เคยใช้น้ำมันรำข้าวอย่างดีแล้วสิวขึ้น สามารถทานกะทิได้ คือ เราลองกินอาหารปกติเลยค่ะ บีมมักจะทดสอบความทนต่อการเกิดสิวด้วยการกินทุกอย่างดู คือ มันทนมากขึ้นนะ แต่ทุกครั้งที่ล้างลำไส้ ก็มีสิวขับพิษขึ้นทุกครั้ง เราก็มีคำถามว่า เอ...จะทำได้ไหมที่จะไม่ต้องมีเลยเวลาล้างพิษ เราก็พยายามหาคำตอบค่ะ...

ก็เป็นปีที่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาก ๆ และได้รู้ว่า จริงๆ แล้วมีอาหารไม่กี่อย่างหรอกที่จะทำให้คนคนหนึ่งเป็นสิวค่ะ อย่างบีมเองก็แค่อาหารมัน ทอด ผัดด้วยน้ำมันที่ไม่ใช่น้ำมันมะพร้าว หรือพวกที่เป็นน้ำมันสกัดเย็น ถ้ากินมากไป ก็สิวขึ้นอีก (สำหรับตัวบีมเองนะคะ)อาหารหวานๆ และพวกอาหารขยะทั้งหลายที่กินแล้วเลือดจะเต็มไปด้วยไขมันและอนุมูลอิสระ เลือดจะสกปรก น้ำเหลืองจะสกปรก ก็จะทำให้เป็นสิวค่ะ ยิ่งร่างกายบีมจุดอ่อนอยู่ที่ว่า ถ้าไม่ขับถ่ายจะป่วยและเป็นสิวค่ะ ถ้าเดินทางไกล ๆ แล้วกลั้นไม่เข้าห้องน้ำก็เป็นเรื่องเลยทีเดียว เลยต้องพกตัวล้างลำไส้ไปตลอดค่ะเวลาเดินทาง

ส่วนนมวัว ทานได้แล้ว สิวไม่ขึ้น แต่ร่างกายไม่มีน้ำย่อยโปรตีนในนมวัวค่ะ เลยท้องเดินเวลาดื่มนมวัว ไม่สบายตัว ก็เลยไม่ดื่มเลยค่ะ

ปี 2558 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน (พ.ค. 2558)

บีมเรียนรู้ทั้งจากตัวเองและจากผู้เล่าสู่กันฟัง (หลังจากปฏิบัติดูแล้ว) ก็พบว่า การรักษาสิวไม่ยากเลยค่ะ มันจะมีของที่ต้องรู้ ต้องเลี่ยงไม่กี่อย่าง ไม่ยากเหมือนก่อนแล้ว และเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้าก็มีลำดับและขั้นตอนที่น้อยลงค่ะ และยิ่งเราได้เรียนรู้เรื่อง "สิวเทียม" (Acne Aestivalis) แล้ว บีมก็พยายามค้นหาวิธีการรักษาค่ะ เพราะเห็นคนในครอบครัวเราก็เป็นและลูกค้าเป็นเยอะเหมือนกัน ซึ่งผิวในกลุ่มนี้จะบอบบางเป็นพิเศษค่ะ แต่คุณหมอที่บีมไปพบบอกว่า รักษาไม่หายค่ะ 

แต่ไป ๆ มา ๆ บีมก็ได้มาเจอผลิตภัณฑ์แบรนด์นึงโดยการแนะนำของลูกค้า MACLEAR ค่ะ นั่นก็คือ แบรนด์ JEUNESSE ซึ่งตอนนั้นไม่ตั้งใจจะคุยเรื่องนี้เลย เราคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไปค่ะ แล้วมาเข้าเรื่องนี้อย่างไรไม่ทราบ ลูกค้าบอกว่า มันไม่ต้องไปเลเซอร์น่ะ เราก็สนใจมาก เพราะเราคิดว่าเลเซอร์จะช่วยให้ผิวเราเรียบเนียนได้กว่านี้ แต่เราคำนวณแล้วทั้งเวลาและงบประมาณ ถ้าตัวนี้เวิร์คจริง ๆ ก็ดีนะ ประหยัดกว่า เพราะใจก็ไม่อยากทำเลเซอร์แล้วค่ะ (เคยทำ Fraxel มาก่อน)

แล้วเมื่อลองใช้ก็ติดใจมาก และทำให้รู้ว่า MACLEAR นั้นดีมากเพียงใดยิ่งกว่าที่เคยรับรู้ คือ ทั้งสองแบรนด์ทำงานเป็นธรรมชาติ ไม่มีสารอันตรายอะไรเลย แต่ JEUNESSE นั้นตอบโจทย์เราในมุมที่ว่า มันรักษาหลุมสิวได้ด้วยตัวเองโดยที่เราไม่ต้องไปทำเลเซอร์เลยจริง ๆ ค่ะ และได้ผิวที่แข็งแรง เรียบเนียนกลับมา 

บีมเคยทดลองใช้อยู่หลาย ๆ ยี่ห้อในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพราะจะได้ทราบว่า MACLEAR ต้องพัฒนาสูตรไหม อย่างไรบ้าง แต่บีมแจ้งตรง ๆ ว่า ไม่มีอะไรตอบโจทย์บีมได้ดีกว่า MACLEAR เลยค่ะ แต่วันที่เจอ JEUNESSE ตอนแรกก็ระแวงว่าจะดีไหม แต่พอใช้แล้ว มันคือคำตอบของเราเลยค่ะที่เรามองหา แต่เราก็ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ ดีที่เรามีพื้นฐานทำ MACLEAR มาก่อน เราก็เลยรู้ว่าจะต้องใช้ครีมและอาหารเสริมอย่างไรให้ตอบโจทย์ผิวที่เราต้องการค่ะ และโชคดีที่มาเจอกลุ่มคนทำธุรกิจที่ดี เขาทำ How-to มาให้พร้อมเลยค่ะ บีมก็ใช้ตามนั้น และลองใช้ในแบบที่ตัวเองอยากทดลองดูด้วยค่ะ (เป็นธรรมชาติของบีมที่ชอบทดลองค่ะ) ผ่านไปเดือนกว่า ๆ พบเลยว่า มันใช่จริง ๆ ไม่ต้องเลเซอร์ก็ได้ผิวที่เราต้องการ

คนที่ผิวไม่เคยเสียหายมากมายจากปัญหาสิวเรื้อรังมาก่อน อาจไม่รู้สึกอะไรเท่ากับที่บีมรู้สึกก็ได้นะคะ แต่ตัวบีม บีมตื่นเต้นและดีใจที่ผิวย้อนกลับไปเป็นเหมือนก่อนเป็นสิวอีกครั้ง แม้จะมีสิวแนวกรามเพราะทดลองไม่ทานตัวดีท็อกซ์ลำไส้ดู เพื่อจะดูว่าครีมนี้จะช่วยได้ถึงเพียงไหนที่จะป้องกันไม่ให้สิวใหม่ขึ้น

แต่ข้อสรุปคือ สิวจากจุดอ่อนระบบภายในเรา มันจะขึ้นก็ขึ้นได้ค่ะถ้าเราไปกระแทกจุดอ่อนนั้น แต่สภาพผิวโดยรวมคือดีมาก ๆ ซึ่งเราไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มายาวนานเกิน 10 ปีค่ะ

ต่อไปนี้ คือ บีมจะไล่เรียงภาพให้ดูนะคะ และบรรยายสั้น ๆ ค่ะ พร้อมลงวันที่จริง ๆ 



23 เม.ย. 58
เช้าวันที่จะเริ่มใช้เซรั่มลูมิเนสส์ หน้าผากจะไม่เรียบ จะเป็นผดเวลาร้อน ๆ หรือใช้ตัวผลัดผิวมากไปค่ะ เรียกอาการนี้ว่า "สิวผด" หรือ Acne Aestivalis

23 เม.ย. 58

23 เม.ย. 58

30 เม.ย. 58
จำได้ว่านั่งในร้านกาแฟดังแห่งหนึ่ง แล้วคัน ๆ หน้ามาก คือมันแห้งมากค่ะ ทาแป้งแล้วเห็นแบบนี้เลย
มารู้ตอนหลังว่าทาตัว Night Cream มากไปและใช้ผิดวิธีด้วยค่ะ จึงทำให้ผิวมันแห้งผิดปกติ เพราะตัวนี้มันซ่อมผิวได้ลึกมาก ใช้ลูมิเนสส์ ตรงไหนต้องซ่อม ตรงนั้นจะแห้งค่ะ


7 พ.ค. 2558
เริ่มรู้สึกว่าพอใจกับ "หน้าสด" มากขึ้นค่ะ เริ่มรู้สึกได้ถึงความเรียบเนียนที่เกิดขึ้นหลังจากผิวที่แห้งๆ ผลัดออกไปแล้ว

7 พ.ค. 58 ผิวด้านข้างยังไม่เรียบค่ะ ยังแห้งพอประมาณ และเห็นรอยสิว รอยหลุมชัดเจนอยู่

7 พ.ค. 58 ผิวด้านข้างยังไม่เรียบค่ะ ยังแห้งพอประมาณ และเห็นรอยสิว รอยหลุมชัดเจนอยู่
25 พ.ค. 58
หลังล้างหน้าก็รู้สึกว่า ผิวสด ๆ ดูดีจัง ก็เลยอยากถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์ค่ะ

25 พ.ค. 58
ลองถ่ายแสงพิฆาต คือ สาดเข้าด้านข้าง แล้วรู้เลยว่า ครีมมันช่วยเราเยอะจริง ๆ  ผิวด้านข้างที่เ่คยเป็นปัญหามันเรียบขึ้นมากค่ะ

25 พ.ค. 58
มีความแห้งอยู่บ้างค่ะ แต่สภาพผิวโดยรวมเหมือนยกระดับขึ้นมาก ๆ  หลังจากกิน VidaCell ไป 2 ซอง คือ ตอนกลางคืนก่อนนอนและตอนเช้าค่ะ (A4 กินมาก่อนแล้วประมาณ 7 วัน ซึ่งบีมจะทดลองกินเป็นตัว ๆ ไปค่ะ ไม่กินปนกันเพื่อให้ทราบว่าตัวไหนทำงานต่อร่างกายอย่างไร)

25 พ.ค. 58
นี่คือรูปตอนเย็น ๆ ค่ะ มีน้ำมันออกมาเอง ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นสุขภาพดีค่ะ บีมชอบแบบนี้ คือ หน้าสดมาก

25 พ.ค. 58
ผิวด้านข้าง หน้าเร่ิมเรียบขึ้นมาก ส่วนที่เสีย ๆ ที่เคยเลเซอร์มาก็ทยอยออกไปค่ะ เราก็ใจเย็นๆ แค่รอเวลาให้ผิวใหม่สร้างขึ้นมาแทนที่

25 พ.ค. 58
ผิวด้านข้าง หน้าเร่ิมเรียบขึ้นมาก ส่วนที่เสีย ๆ ที่เคยเลเซอร์มาก็ทยอยออกไปค่ะ เราก็ใจเย็นๆ แค่รอเวลาให้ผิวใหม่สร้างขึ้นมาแทนที่

28 พ.ค. 58
หน้าสดเหมือนกันค่ะ ชอบผิวมาก เลยถ่ายมาให้เพื่อน ๆที่ติดตามดูด้วย

3 มิ.ย. 58
หน้าสด ไม่ลงแป้งและปัดบลัชออนนะคะ ช่วงค่ำ ๆของวันเลย
ผิวตรงแก้มเรียบขึ้นเยอะมาก ตรงที่เคยเป็นหลุมกลายเป็นขุย ๆ และเรียบเนียนเสมอกันขึ้นมากค่ะ

3 มิ.ย. 58
หน้าสด ไม่ลงแป้งและปัดบลัชออนนะคะ ช่วงค่ำ ๆของวันเลย
ผิวตรงแก้มเรียบขึ้นเยอะมาก ตรงที่เคยเป็นหลุมกลายเป็นขุย ๆ และเรียบเนียนเสมอกันขึ้นมากค่ะ

3 มิ.ย. 58
หน้าสด ไม่ลงแป้งและปัดบลัชออนนะคะ ช่วงค่ำ ๆของวันเลย
ผิวตรงแก้มเรียบขึ้นเยอะมาก ตรงที่เคยเป็นหลุมกลายเป็นขุย ๆ และเรียบเนียนเสมอกันขึ้นมากค่ะ
31 พ.ค. 58
เป็นภาพถ่ายกลางแจ้งแบบไม่ใช้แอพค่ะ มีแสง แต่เรารู้สึกว่าถ่ายออกมารอบนี้แล้วหน้าใสมาก ^^ พอใจค่ะ

ความคิดเห็น