เทคนิครักษาใจ : การพูดบวกกับตัวเอง Positive Affirmation



การพูดบวกกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสิวมาก ๆ ไม่แพ้การดูแลร่างกาย หรือสำคัญกว่าด้วยซ้ำค่ะ แต่บีมสังเกตเห็นหลาย ๆ คน หรือแม้แต่ตัวบีมเองเมื่อช่วงรักษาสิวแนวทางนี้ใหม่ ๆ เราจะชอบว่าตัวเอง และว่าทุกครั้งที่มีโอกาส ซ้ำเติมตัวเองนอกเหนือไปจากที่คนอื่นว่าเราไปแล้ว และกลับมาแทงตัวเองซ้ำ ๆ อีกทีหลัง

ไม่นานมานี้ บีมได้ทดลองเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีการสั่งจิตใต้สำนึกโดย อาจารย์ทยิดา แห่งบ้านชีวีสุขค่ะ และพบว่า การพูดคุยและปรับเปลี่ยนระดับจิตใต้สำนึกนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริง ไม่ใช่ศาสตร์มืด ซึ่งตอนแรกบีมก็กลัว แต่พอได้ลองเข้ารับการบำบัดดูแล้วบีมก็ไม่กลัวเลยค่ะ และเข้าใจกลไกการทำงานของจิตมากขึ้น

งงใช่ไหมคะว่าบีมจะไปบำบัดอะไรอีก ^^ คนเราทุกคนมีปมบางอย่างที่แก้ด้วยตัวเองไม่ออกค่ะ บีมก็ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วยและทดลองดูว่ามันเป็นอย่างไรด้วยค่ะ และรู้ว่าตัวเองต้องการแก้ปมอะไรด้วยค่ะ ซึ่งพยายามทำมาด้วยตัวเองนานแล้วแต่ไม่ได้เสียที เราก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยค่ะ

ประกอบกับที่บีมจะได้ยินคนที่พึ่งรักษาตัวเอง มักจะมีคำพูดต่อไปนี้ค่ะ

  • คุณบีม รูปมันน่ากลัวหน่อยนะคะ
  • คุณบีม มันน่าเกลียดมากเลยค่ะ จะทำยังไงดี
  • หนูไม่สวยเลยค่ะ น่าเกลียดมาก ๆ 
  • สิวของหนูใหญ่มากเลยค่ะ รอยก็แย่ หนูจะทำยังไงดีคะ
อ่านแล้วเราก็รู้สึกเลยว่า เขาไม่รู้สึกรักตัวเอง ไม่เคารพตัวเองในส่วนลึกเลยค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่บีมเคยเป็นมาก่อน และมันจะสะกดจิตเราให้เป็นสิวอยู่เรื่อยไปด้วยสิ่งที่เราฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก

บางคน ดูแลตัวเองดีมากๆๆๆ ตามแนวทางเลย แต่ในที่สุดสิวก็ขึ้นซ้ำ เพราะไม่อนุญาตให้ตัวเองหายจากการเป็นสิว และสะกดจิตตัวเองว่า ร่างกายของชั้นอ่อนแอ บอบบาง

ซึ่งบีมยอมรับว่าส่วนหนึ่งเหมือนบีมไปสะกดจิตทุกคนว่า เราต้องกินอาหารแบบนี้นะ ถ้าไม่กินแบบนี้แล้วสิวจะขึ้น

ซึ่งหลังจากที่บีมได้อ่านบทความ "มุมเตรียมตัว"​ ก่อนเข้ารับการบำบัดของ อจ.ทยิดา ประกอบกับหลาย ๆ อย่างที่บีมประมวล และหลังจากรับการบำบัดแล้ว และได้พูดคุยกับน้องพิม พนักงาน MaCLEAR ซึ่งน้องก็ไปเรียนกับอาจารย์อีกแห่งหนึ่ง เป็นศาสตร์ทางเลือกเหมือนกัน เราก็เห็นพ้องกันว่า เราต้องสั่งจิตใหม่ โดยตอนนี้บีมกับน้องพิม ทานอาหารได้ทุกอย่าง โดยที่สิวไม่ค่อยขึ้นเหมือนก่อนแล้ว

บีมจะมาแชร์นะคะว่าเราควรพูดคุยสั่งจิตใต้สำนึกช่วงหลังตื่นนอนและก่อนนอน ซึ่งเป็นช่วงที่เราจะเข้าสู่จิตใต้สำนึกได้ดีที่สุด (ตอนเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคท หรือท่องศัพท์ภาษาอังกฤษเมื่อก่อน บีมก็ใช้วิธีนี้ค่ะ และพบว่ามันใช่เลย จิตใต้สำนึกจะทำงานได้ดี รับข้อมูลได้ดีตอนเราง่วง ๆ นี่แหละ)

หลังจากนี้ ขอให้ทุกคนพูดกับตัวเองแบบนี้นะคะ ทุกเช้าและก่อนนอน ตอนง่วง ๆ ยิ่งง่วงมาก ๆ ยิ่งดี หรืออัดเทปให้ตัวเองฟังซ้ำไปซ้ำมาแม้จะหลับแล้วก็ไม่ต้องถอดออกค่ะ ให้มันฝังในจิตใต้สำนึกไปเลยเร็ว ๆ 
ร่างกายของฉันกำลังแข็งแรง และแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของฉันมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมทุก ๆ วัน พละกำลังภายในของฉันกำลังกลับมา ร่างกายของฉันสมดุลขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของฉันสามารถกำจัดพิษตกค้างในแต่ละวันได้อย่างดีและหมดจด ฉันมีจิตใจที่แจ่มใสและนอนหลับได้ดี ลำไส้ของฉันมีพลังเพิ่มขึ้น เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ตับของฉันมีพลังเพิ่มขึ้น กำจัดพิษได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผิวของฉันกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เซลล์ผิวของฉันกำลังจัดเรียงกันเป็นระเบียบจากภายในสู่ภายนอก เมื่อทาครีมแล้วก็ซึมลงสู่ผิวได้ดีมาก ผิวของฉันช่างมีความสุขจริง ๆ เซลล์ต้นกำเนิดของฉันมีความแข็งแรงและอ่อนเยาว์ ฉันกำลังแข็งแรง เบิกบาน แจ่มใส และมีพัฒนาการที่ดีในทุก ๆ ด้านในทุก ๆ วันและทุกเวลา ฉันได้รับความรักเพิ่มขึ้นทุกวัน ฉันรักตัวเองและให้อภัยตัวเองและพร้อมจะรักและให้อภัยคนอื่น ๆ
ประมาณนี้นะคะ  สามารถไปคิดของตัวเองได้ค่ะ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น จะเห็นว่าไม่มีคำว่า "สิว" เลย.... และห้ามมีด้วยค่ะ เราต้องให้ทุกภาพที่ปรากฎเป็นภาพบวกเท่านั้น และให้อารมณ์เชิงบวกเท่านั้น

และควรหารูปภาพดาราหรือคนที่คุณชื่นชอบ หากคุณไม่ทราบว่าผิวที่ดีเป็นอย่างไร ก็นำมาติดที่กระจกหรือตู้เสื้อผ้าด้วยค่ะ ดูอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนเข้านอน ยิ่งง่วงมากยิ่งดี

ตัวอย่างของรูปภาพที่ควรนำมาติดไว้ที่ผนังที่เห็นได้ชัดช่วง 2 เวลานั้นค่ะ



ผิวสุขภาพดี

จากข้อมูลที่บีมเคยได้รับทราบมา การสั่งจิตใต้สำนึกด้วยตัวเองจนจะเปลี่ยนความคิดได้นั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ดังนั้นบีมแนะนำให้ทุกคนที่จะลองใช้เทคนิคนี้ควรสั่งจิตตัวเองด้วยคำพูดบวกและภาพบวกเหล่านี้ทุกวันวันละอย่างน้อย 2 ครั้งตามเวลาที่บอกให้ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ

บีมว่ามันได้ผลจริง เพราะในช่วงที่บีมเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคท และได้ทำตามเทคนิคที่คุณครูสอนคือจะเน้นให้การใช้ภาษามันเข้าสู่จิตใต้สำนึก คือ อ่านนวนิยายภาษาอังกฤษที่เราชอบ 1 เล่มให้จบเร็วที่สุดโดยไม่เปิดดิกชั่นนารี และอีกวิธีคือจะต้องหาภาพยนตร์มาฟังและดู ถ้ามีช่องภาษาอังกฤษให้เปิดจนนอนหลับไปเลย ถ้าทำงานอื่นอยู่ก็ฟังเพลงคลอหรือเปิดรายการภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องตั้งใจฟัง คือเปิดเฉย ๆ แบบนั้นมันจะซึมได้ลึกมาก ๆ ค่ะ

คุณครูบอกต้องใช้เวลาทำแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 3 เดือน บีมก็ทำตามทุกอย่าง ผลลัพธ์คือ จากคนที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ฟังรู้เรื่องมากขึ้น ชินคำ ชินสำเนียง ดูข่าวแล้วเริ่มรู้เรื่อง ดีใจมากกกกก นวนิยายก็ฉลุยค่ะ ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้น แล้วฝันเป็นภาษาอังกฤษด้วย นั่นคือสุดยอดละค่ะ

แต่พอเราเริ่มห่างหาย มันก็ยังใช้ได้อยู่แต่ไม่ฮ็อตเท่าตอนนั้นค่ะ

ดังนั้น ความต่อเนื่องคือหัวใจนะคะ....บอกตัวเองว่าอย่างน้อยก็ต้อง 3 สัปดาห์ จะให้ดีก็ต้องฝังอะไรบวก ๆ ให้ตัวเอง  3 เดือนขึ้นไปค่ะ

ความคิดเห็น