สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการล้างพิษตับครั้งที่ 5 ในชีวิต (อย่าอ่านโพสต์นี้ก่อนทานข้าวนะ เตือนแล้ว)
การล้างตับครั้งที่ 5 ของบีมนี้ บีมเลือกใช้ชุด EasyPazz ซึ่งเป็นชุดอาหารสำเร็จรูปจัดไว้สำหรับการล้างพิษตับ 1 วัน 1 คืน เพราะเป็นชุดที่สะดวกสำหรับบีมและเห็นผลชัดเจน ไม่เกิดอาการโหยอาหารมากเกินไป แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่า บีมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับแบรนด์นี้ ไม่ได้ขาย ไม่ได้คอมมิชชั่น เป็นเพียงแค่ผู้ใช้คนหนึ่งที่ซื้อสินค้าในราคาปกติทั่วไป แต่บังเอิญว่าทางผู้จำหน่ายได้นำคลิปที่บีมเคยอัดไว้ไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ผู้ใช้ ถ้าคลิกไปที่นี่จะเจอ คือ ต้องบอกก่อนเลยว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรจริง ๆ แค่ใช้และอัดคลิปเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ติดตามงานเขียนของบีมเท่านั้นเองค่ะ
หน้าเว็บที่มีบีมอยู่และเป็นเว็บที่บีมรู้จักสินค้าตัวนี้นะคะ (แต่ชุดล่าสุดนี้บีมซื้อที่เชียงรายเลย ที่ ม.แม่ฟ้าหลวงก็มีขายค่ะ และมีอีกร้านที่เป็นเจ้าของเดียวกันนี่แหละ เลยมั่นใจว่าปลอดภัยนะคะ เพราะระดับมหาวิทยาลัยให้นำเข้าไปจำหน่ายได้ ตอนแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนกันล่ะค่ะ บีมเป็นคนเลือกมากนะ บอกแล้วๆ ถ้าเรื่องกินนี่คือ ยิ่งเลือกมากเลยค่ะ กลัวอันตราย ไม่อยากให้ตายเพราะกินของผิด) http://www.gowilllife.com/youtube.php
สำหรับวิธีใช้บีมจะไม่พูดถึง ณ ทีนี้แล้วนะคะ เพราะบีมทำตามวิธีที่เขาบอกในหน้านี้เลย http://www.gowilllife.com/How_to_detoxification_program.php และเขาจะมีเอกสารแนบมาให้ในกล่องอยู่แล้วด้วยค่ะ เป็นเอกสารอันเดียวกันนี้แหละ
แต่บีมจะมาบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่แม้จะเป็นการล้างตับเหมือนกับ 4 ครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้บีมทำเป๊ะมาก (และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ใช้ชุด EasyPazz นะคะ คือครั้งแรกทำแบบไม่ค่อยเป๊ะ คือ กินอะไรตามที่เขาบอกไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ยังได้ผลดีมากจริง ๆ ก็ยอมรับเลยว่า ของดีจริงนะ ชุดนึงมันแพง ชุดละ 3,900 บาท แต่ถ้าซื้อ 3 ชุดมาไว้เลยก็จะได้ราคาถูกลงมา อันนี้ไม่รู้เหมือนกันทั่วประเทศไหม ลองเช็คราคาดูเองค่ะ อ้อ...ส่วนอีกครั้งที่เห็นว่าได้ผลดีจริง ๆ คือ น้องสาวของบีมเอง ก็ใช้ชุดนี้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาเห็นจะได้ ทำเป๊ะเหมือนกันค่ะ ก็เห็นผลดีมาก สิวอุดตันและรอยแดง ๆ ลงเร็วมากจริง ๆ แต่เดี๋ยวอย่าพึ่งรีบเร่งไปหาซื้อกันนะคะ บีมจะให้ข้อมูลจำนวนหนึ่งจากประสบการณ์ตรงและความรู้ที่บีมวิเคราะห์ให้เพิ่มเติมค่ะ ก่อนจะทำอะไรต้องเข้าใจทั้งหมดก่อนนะคะ อย่าผลีผลาม) และประกอบกับเราเชื่อมโยงข้อมูลได้มากขึ้นจากประสบการณ์และความรู้ที่ศึกษาเพิ่มขึ้น (ศึกษาเองนะคะ) ก็ทำให้ได้คำตอบหลายอย่างที่คาใจมานาน และอยากแชร์ดังนี้
ทำไมคนเป็นสิวต้องล้างพิษตับ
- บีมขอตอบเฉพาะในคนเป็นสิวก็พอนะคะ เพราะมีข้อมูลเรื่องนี้เยอะสุดในชีวิตแล้ว บีมบอกเลยว่า การล้างพิษตับจำเป็นมากที่คุณจะต้องทำถ้าอยากจะสิวหายคือ การล้างพิษตับครั้งนี้ อย่างที่บอกคือ บีมทำทุกอย่างเป๊ะมาก ๆในวันที่เข้าโปรแกรมวันแรกที่ล้างท้องทั้งวันและดื่มน้ำแอปเปิ้ลตลอดวัน (คืนก่อนทำก็ทานสมุนไพรล้างลำไส้ MarryBeam ไว้แล้วด้วยค่ะ และทานมาตลอดอยู่แล้ว ลำไส้เลยค่อนข้างสะอาด ไม่ค่อยมีอะไรตกค้างอยู่แล้ว) ซึ่งบีมสังเกตของเสียตัวเองตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก็รู้เลยว่า ลำไส้หมดจดมาก ๆ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่มีกลิ่นของเสียและของเสียออกมายังมีเนื้อ มีความเข้ม พอตกเย็น การถ่ายครั้งสุดท้ายคือ ไม่ได้กลิ่นของเสียเลย สิ่งที่ออกมาไม่มีสีเข้มเลย มีแต่สีอ่อน ๆ ของสิ่งที่กินเข้าไปคือน้ำแอปเปิ้ลเท่านั้น และกลิ่นแอปเปิ้ลลอยออกมาจากปากเลย
มันคือความจริงนะคะ เพราะท่อทางเดินอาหารนี้ ลำไส้กับปากมันคือท่อเดียวกัน แต่อยู่ปลายคนละข้าง ถ้าท่อล่างสะอาด ท่อบนก็สะอาด ได้กลิ่นท่อล่างด้วย ดังนั้น ใครมีกลิ่นปาก โปรดทราบว่า ท่อล่างแย่มาก แม้จะถ่ายทุกวัน แต่ไม่เคยล้างลำไส้ บีมท้าให้ล้างเลย ล้างแบบจริงจังด้วยนะคะ ถ้าได้ไปเข้าคอร์สล้างตับจะยิ่งดีเลยค่ะ จะเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ค้างอยู่นานแล้วออกมาและมีวิทยากรสอนด้วยว่า ที่ออกมาคืออะไร ๆ บ้าง บางคนลอกมาเป็นท่อเลย...
คราวนี้ บีมมั่นใจละ ลำไส้ฉันสะอาดมาก ๆ แล้ว ตอนกลางคืน 4 ทุ่มก็ดื่มน้ำมันกับผงอะมิโนอะไรของเขาที่มันคล้าย ๆ กับขั้นตอนการใช้น้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวนะคะ แต่สูตรอาจจะต่างกัน รสชาติของชุดแรกที่บีมเคยกินจะเปรี้ยวมาก แต่ชุดนี้...จืดมากกก พอมันไม่เปรี้ยว พาลให้อยากอาเจียน แต่บีมก็กลั้นใจกินหมดนะ เสียดายเงิน บังคับตัวเองว่าห้ามอาเจียนเด็ดขาด 555 (ดังนั้น ใครไม่เคยก็ต้องหามะขามเปียกมาเตรียม หรือสูตรนี้เขาให้เอามะนาวเพิ่มลงไปได้นะคะ ถ้ามันเปรี้ยว มันจะไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยน ๆ เขียนไปก็อยากอาเจียนไป .... คือ บีมต้องบอกไว้ก่อนว่ารสมันแบบนี้นะ คือ ชุดนี้มันแพง ถ้าอ้วกก็เสียดาย แต่ถ้าอ้วกแล้วจะกินใหม่ ก็คงต้องใช้น้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวค่ะ คือ อาจต้องหาสำรองไว้เลย ไม่รู้จะได้ไหม เพราะไม่เคยทำ ยังไงก็ลองสอบถามทางผู้จำหน่ายดูนะคะ)
จุดเป๊ะอีกจุดรอบนี้คือ บีมมานอนตะแคงขวาอย่างเร็ว ไม่ปล่อยให้เกิน 10 นาที พร้อมเอาแก้วใส่น้ำร้อนมาด้วย (จริง ๆ เขาให้ใช้ถุงร้อน แต่บีมหาไม่เจอ 55 เอานี่แทนก่อน พอใช้ได้ กลัวช้า เพราะช่วงนี้คือสำคัญมากในการทำ Liver Flush หรือล้างตับนั่นเองค่ะ) เพราะต้องใช้ประคบที่ตับ เพื่อให้ตับอ่อนตัว เซลล์ขยาย เหมือนเอาหน้าอังไอน้ำประมาณนั้นนะคะ ประคบ ๆ นวด ๆ จนแก้วหายร้อน ได้ยินเสียงโครก ๆ อยู่แถว ๆ ตับนั้นแหละ (ใต้กระดูกซี่โครงด้านขวาค่ะ กลางๆ ของลำตัว) คือ จริง ๆ แล้วเสียงนั้นมันคงมาจากลำไส้เล็กส่วนต้นก็ได้นะ คือ จะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่มีเสียง มีปฏิกิริยาแถว ๆ ลำไส้เล็กส่วนต้นแน่นอน ซึ่งครั้งก่อน ๆ บีมไม่ค่อยได้สังเกต แต่รอบนี้สังเกตละเอียดหน่อย และชัดเจนว่ามีเสียง มีปฏิกิริยาบางอย่าง ณ ลำไส้เล็กส่วนต้น แต่ก็ยังไม่อยากอาเจียนค่ะ
แต่จุดไม่เป๊ะจุดนึงคือ บีมนอนดึกมาก เพราะหลังจากทำแล้ว ดันมานั่งทำงานต่อ หลับตี 3 นู่น ทั้งที่จริงเขาให้พักเยอะ ๆ สรุปได้นอน 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ตื่นมาก็อยากอาเจียน ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ทุกครั้งที่บีมล้างตับ จะอยากอาเจียนตอนเช้า และต้องอาเจียนออกด้วย ถึงจะสบายขึ้น
ครั้งนี้ บีมอาเจียนมากกว่าครั้งก่อน ๆ อาเจียนอยู่ 2 รอบใหญ่ รอบแรกมีแต่น้ำดีเขียวข้นออกมาพร้อมกับตะกอนเขียว ๆ เล็ก ๆ ดังรูป
รอบสองไม่ทันได้ถ่ายรูปเพราะแบตหมด แต่รู้สึกเลยว่ามันมีกลิ่นน้ำมันและเนื้อของน้ำมันร่วมออกมากับน้ำดี ผสานกันเป็นอะไรที่ดู Smoothie มาก แต่ไม่ไหวค่ะ ออกมาเยอะมาก ก็ให้ออกเลย ออกหมดแล้วบีมจะสบายเร็ว (ทั้งที่ปกติเป็นคนที่เกลียดการอาเจียนมาก เพราะมันทรมานสำหรับบีม แต่เรียนรู้จากการล้างตับที่ผ่าน ๆ มาว่า อาเจียนแล้วสบายขึ้น เพราะการอาเจียนคือการขับส่วนเกินหรือพิษอย่างหนึ่ง เราก็ยอมรับแต่โดยดีละ) แต่รอบนี้ไม่มีตะกอนเขียวเข้มที่บอกแล้วนะคะ คือ เห็นน้อยมากถ้าเทียบกับครั้งแรก
ตอนเช้าบีมก็ไม่ถ่าย ไม่มีอะไรถ่ายออกมา มีแต่อาเจียน 2 รอบที่บอก แล้วก็เพลีย ๆ นิดหน่อย และก็รู้สึกว่าอยากจะถ่ายเอาของเสียออก แต่มันยังไม่ออก ยังไม่ถึงเวลา คือ ก็จะต้องกินอะไรตามเวลาที่เขาบอกในคู่มือนะคะ เราก็ทำตามนั้น ครั้งแรกที่บีมถ่าย จำได้เลยว่า....เป็นเวลาประมาณ 11 โมงกว่า ๆ หรือเที่ยง ๆ ละ มันมีก้อน ๆ เขียว ๆ ออกมาเหมือนครั้งแรกที่ใช้ชุดนี้ คือ ไฟในห้องน้ำที่บ้านไม่ค่อยชัด แต่เห็นเท่านั้น และถ่ายรูปดูเองแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย กลัวจะรับไม่ได้ ณ จุดสาธารณะนี้ค่ะ แต่ถ้าไปเข้าคอร์สล้างตับ เขาจะเอามาเปิดให้ดูของกันและกันเลย เอามาเรียน ๆๆๆ ควรหาโอกาสไปกันสักครั้งนะคะ ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้ประสบการณ์ดีมาก (อยู่ที่ว่าจะเลือกไปที่ไหนด้วยค่ะ วิทยากรคือใคร แต่ละที่จะมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญและวิชาไม่เหมือนกัน บางคนทำได้แค่เบสิค บางคนวิชาเยอะมากกก เขาจะสอนอะไรมากกว่าทำล้างตับ)
อ่ะ ถึงจุดนี้คือ ไคลแม็กซ์ที่จะบอก คือ .... ของเสียที่ออกมารอบนี้ "เหม็นมาก" เหม็นแบบปลาเน่า ๆ เรื่องจริงเลย กลิ่นกับภาพติดในหัวนี่เลยค่ะ คือ ตรัสรู้ ถึงบางอ้อเลยว่า...นี่ล่ะมั้ง ตัวการที่ทำให้เราเป็นหวัดและสิวง่ายมากในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา คือ จำได้ไหมคะที่บอกว่าเย็นวันแรก ทั้งตัวหอมแอปเปิ้ลไปแล้ว มันสะอาดและเบาตัวมาก ๆ และน้ำมันกับผงที่กินก่อนนอนก็ไม่มีกลิ่นอะไรเลย คือ จืด ๆ จาง ๆ แล้วที่ออกมานี้...คืออะไร!!!
บีมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะไม่ได้ผ่าท้องตอนมันเกิดเหตุ...
แต่บีมรู้สึกได้ด้วยสัญชาตญานว่า สิ่งนี้แหละที่เป็นตัวที่ทำให้บีมมี กลิ่นตัวตกค้าง, เป็นสิวง่ายกว่าที่เคย, เป็นหวัดง่ายกว่าที่เคย และขี้หงุดหงิดเร็วมากมายกว่าที่เคยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ก็เกิดภาพย้อนไปว่า แล้วมันมาจากไหนล่ะ?
บีมบอกเลยว่า ก่อนหน้าที่บีมจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ในตัวเมืองจังหวัดเชียงราย บีมอยู่บ้านแม่ที่อำเภอพาน ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนน้องแคนดี้และออฟฟิตเชียงราย 1 ชั่วโมง บีมต้องไปกลับทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ ซึ่งชีวิตเรารีบทุกวันเลย ทั้งเช้าและเย็น
ชีวิตประจำวันถ้าแคนดี้ (ลูกสาวคนโต)ไปโรงเรียน สิ่งที่ร่างกายบีมต้องเผชิญคือ
- อาหารผัด ทอด อาหารที่เร่ง ๆ ทำ และบีมก็เลยถือโอกาสทดลองซะเลยว่าถ้ากินแบบนี้จะเป็นยังไงบ้าง กินแบบไหนสิวขึ้น สิวไม่ขึ้น
- อาหารกลางวันที่ซ้ำ ๆ กัน ก๋วยเตี๋ยวเป็นส่วนใหญ่
- อาหารเย็น ก็ทานที่ที่บ้านทำไว้แล้ว บางครั้งก็เมนูสุขภาพ บางครั้งก็ผัด ๆ ทอด ๆ
- ไม่ได้ออกกำลังกายเลย
- ถึงออฟฟิต ส่วนใหญ่นั่งทำงาน ด้วยชั่วโมงจำกัดเพราะมีไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปรับลูกกลับบ้านแล้ว ข้าวเที่ยงเลยได้กินบ้างไม่ได้กินบ้าง
- หลังขดหลังแข็งจากการนั่งรถ
- ถ้าง่วงก็ไม่ได้นอน เพราะอยู่บนรถต้องดูแลลูกไปด้วยทั้ง 2 คนเลย ป้อนข้าวบ้าง เล่นกับเขาบ้าง คือไม่ได้นอนพัก
แล้วชีวิตคุณล่ะ เป็นแบบนี้ไหม?
ถ้าใช่...ล้างตับเสียเถอะค่ะ เพราะทุกอย่างที่เราเผชิญ และอาหารผัด ๆ ทอด ๆ ด้วยน้ำมันผ่านกรรมวิธี ล้วนแล้วแต่ทำให้ตับมีปัญหา และปัญหาเรื่องน้ำมันนี่แหละ คือสาเหตุอันดับ 1 ของสิวเลย (ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้ว)
บีมพูดยาว ๆ มาทั้งหมดนี้ เพื่อจะให้คุณเห็นว่า... ขนาดตัวบีมเองที่พยายามดูแลสุขภาพในแบบที่ตัวเองพอทำได้ ล้างลำไส้เป็นประจำ งดนอนดึก ทำงานดึกมากขึ้น นอนเร็วขึ้นมาก และทำงานตอนกลางวัน ไม่ทำกลางคืน (แต่คืนนี้ขอแหกกฎสุขภาพ เพราะ ถ้าไม่เขียนตอนนี้ จะลืมและจะไม่มีเวลาเขียนอีก เพราะงานกลางวันยุ่งมาก ซึ่งคิดว่าข้อมูลสำคัญมาก เพราะเป็นการค้นพบคำตอบชิ้นใหม่ อยากให้อ่านกันจริง ๆ เลยนั่งเขียนดึก ๆ นี่ล่ะค่ะ) บีมก็ยังมีไอ่เจ้าของเสียเหม็น ๆ ที่ล้างออกมาจากตับและถุงน้ำดีรอบนี้ ซึ่งถ่ายอยู่ 4 รอบกว่ากลิ่นจะจาง รอบแรกกับรอบที่สองนี่คือกลิ่นสุด ๆ มาก
และพอมาได้อ่านหนังสือที่พึ่งซื้อมาก เหมือนโชคชะตาดลใจให้ซื้อมา... "ปฏิวัติน้ำมันพืช" โดยคุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ (ถึงตรงนี้ บางคนที่รู้เรื่องการเมืองอาจจะคิดว่า เอ๊ะ บีมเป็นกลุ่มเดียวกับเสื้อเหลืองไหม บอกเลยว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคะ จุดนี้ยกไปไว้ดีกว่า เพราะบีมขอแค่เรื่องสุขภาพอย่างเดียว) บีมขอบอกเลยว่า...การบริโภคน้ำมันด้วยความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี่แหละที่เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของโรคเรื้อรังทั้งหลายแหล่ที่คนในยุคนี้เป็นมาก และรวมถึง "สิว" ที่พวกเราเผชิญอยู่ด้วย!!! อาหารอื่น ๆ เป็นแค่ส่วนรองลงมานะคะ เรื่องน้ำมันนี้เรื่องใหญ่ที่ต้องเข้าใจกันใหม่เลย น่าจะบรรจุไปในบทเรียนสุขศึกษาบ้างนะหนังสือเล่มนี้...มันเป็นวาระแห่งชาติที่คนทั้งชาติจะต้องเข้าใจกันใหม่...และอีกเรื่องคือ น้ำตาล ที่จะต้องเข้าใจ เพราะถ้านำ้ตาลหรือความหวานในตัวมีมาก ในที่สุดมันก็จะถูกเก็บไปเป็นไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน (พุง ขา ต้นแขน ใต้ตา แก้มล่าง เป็นต้น) มันก็หนีไม่พ้นไขมันอยู่ดี...
ดังนั้น ความรู้ชิ้นใหม่ที่บีมเรียนรู้ครั้งนี้และอยากบอกต่อคือ
- คุณเป็นสิวเพราะอาหารประเภทน้ำมันเป็นหลัก และควรต้องอ่านหนังสือ "ปฏิวัติน้ำมันพืช" เล่มนี้ให้เข้าใจ และปรับการทานน้ำมันให้ถูกต้องได้แล้วค่ะ
- อย่ากินน้ำตาลหรือของหวาน ๆ เยอะ เพราะในที่สุดมันจะกลายเป็นไขมันกับเขาด้วย
- ไขมัน ๆ ๆ ๆ เหล่านี้จะไปเกาะผนังลำไส้ คั่งในตับและถุงน้ำดี
- คนเป็นสิวทุกคนมีภาวะไขมันเกาะผนังลำไส้และไขมันคั่งในตับและถุงน้ำดี (อันนี้กล้าคอนเฟิร์ม ไปตรวจค่าไขมันอาจปกติ แต่ลองไปล้างตับ ล้างลำไส้จริง ๆ จัง ๆ ดูสักครั้งในชีวิตนะคะ แล้วจะรู้ว่าผลที่ตรวจออกมานั้นไม่ถูกต้อง แต่ถ้าถูกต้องก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ แต่จากที่ดูแลคนเป็นสิวมาเยอะมาก ๆๆๆๆ ก็เห็นว่าเป็นทุกคนจริง และไม่ใช่แค่คนเป็นสิว คนไม่เป็นสิว คนทั่วไปบางคนก็มีพิษมีอะไรมากกว่าคนเป็นสิวเสียอีก แต่ของพวกเรามันสะท้อนออกมารูปแบบนี้ให้เรารู้ตัวก่อนสาย ยังมีโอกาสกลับตัวกลับใจได้หันมาดูแลตัวเองนะ)
- คือ พอน้ำมันมันไปอุดตามที่ต่าง ๆ และน้ำตาลในเลือดสูง ๆ เลือดจะข้นเหนียว ไหลยาก .... เลือดลมก็จะติดขัดไปด้วย ของเสียก็ตกค้าง สารอาหารและออกซิเจนก็ไปไม่ถึงเซลล์ผิวและเซลล์อวัยวะต่าง ๆ ที่มันควรจะไป ร่างกายกลายเป็นคลองเน่า ๆ .... แสดงออกมาเป็นสิว กลิ่นตัว กลิ่นปาก อาการปวดลักษณะต่าง ๆ
- น้ำมันไปคั่งในตับและถุงน้ำดีก็ไปทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาทุกด้านเสื่อมลง หน้าที่หลักของเขาคือ ล้างพิษ กำจัดพิษ ย่อยอาหาร และสังเคราะห์สารมีประโยชน์ให้กับร่างกาย คราวนี้ถ้าตับมีปัญหา ทุกระบบก็รวนหมด พิษก็กระจายเต็มตัว เพราะตับกรองไม่ได้แล้ว ไปเป็นภาระไต ไตก็เสื่อมอีก ทุกระบบพากันแย่ ภูมิคุ้มกันก็ต่ำและ Alert ตลอดเวลา เม็ดเลือดขาวก็เหนื่อย เพลีย เพราะต้องสู้กับเชื้อโรคตลอดเวลาเลย เพราะเลือดและน้ำเหลืองสกปรกมาก มีเชื้อทุกที่ ทำให้เกิดภาวะ ผิวแพ้ง่าย ภูมิแพ้ทั้งแพ้อะไรข้างนอก และแพ้ตัวเอง และการอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflamation)
- พอเป็นอย่างนี้ เป็นสิวก็หายยาก เป็นรอยก็หายยาก เกิดภาวะที่บางคนเรียกว่าน้ำเหลืองเสียนั่นแหละ มันก็มาจากเหตุนี้
- นี่ยังไม่นับรวมของเสียตกค้างในลำไส้เพราะทานอาหารไม่เลือกนะคะ .... ซึ่งของเสียในลำไส้นี่แหละ ถ้าไม่เคยล้างเลย ประมาทมาก ๆๆๆ เพราะของเสียเหล่านี้จะก่อแก๊สพิษซึมเข้ากระแสลมปราณ (ถ้าใครเคยไปนวดแล้วเรอออกมาก ๆ นั่นแหละ ลมเยอะ ทำให้ปวดนั่นปวดนี่ ก็แก๊สนี้แหละ) และพวกเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ดีจะกินของเสียเป็นอาหาร ปล่อยพิษออกมา ทำให้ผนังลำไส้เสียหาย เป็นแผล อักเสบ ติดเชื้อ มันก็แสดงเป็นสิวอักเสบ ติดเชื้อบนหน้าเรา (บริเวณที่สะท้อนลำไส้นั่นเอง) แล้วถ้าผนังลำไส้มีรูรั่วเล็ก ๆ อันเกิดจากพิษเหล่านี้ไชชอน ก็จะทำให้พิษซึมออกจากลำไส้สู่ร่างกายได้ง่ายและเร็วขึ้น ทำให้ไม่สบายบ่อยขึ้น ภูมิคุ้มกันตกต่ำ มีภาวะอักเสบเรื้อรัง เขาเรียกว่าอาการของ Leaky Gut Syndrome หรือภาวะลำไส้รั่วซึมนั่นเองค่ะ และ...ยังไม่รวมน้ำเน่าในลำไส้ของเราที่เกิดจากการตกค้าง ไม่ล้างออกไปเหล่านี้ที่ถูกดูดซึมกลับเข้ากระแสเลือดและน้ำเหลืองด้วยนะคะ
ถึงตรงนี้ ต่อให้กินอาหารเสริมดี ๆ มันก็ช่วยไม่ได้มากนะคะ...ถ้าภายในย่ำแย่ พิษตกค้างเยอะขนาดนี้ กินไปก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักค่ะ หรือกินไป 100 ได้ไม่ถึง 100 เพราะร่างกายดูดซึมไปใช้ไม่หมด หรืออีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเป็นกลุ่มต้านอนุมูลอิสระก็จะต้านแบบต้านพิษในระบบเลือดมาก ๆ ไม่สามารถเข้ามาซ่อมแซมถึงตับถึงอวัยวะภายในได้แน่ ๆ เลยค่ะ อันนี้บีมคิดเองนะ เพราะบีมไม่ได้ตระเวนกินอาหารเสริมมาทั้งหมดทั่วโลก ของบางที่เขาอาจทำได้เจ๋งจริง ๆ ก็ได้นะคะ และบางอย่างก็อาจจะมีว่า ออกแบบมาให้ดูดซึมเร็วมาก ง่ายมาก และมุ่งตรงไปซ่อมแซมส่วนที่เราต้องการได้จริง ๆ เลย ก็อาจมีนะคะ แต่คงแพงมาก เพราะเดี๋ยวนี้ก็ยอมรับ เทคโนโลยีไปไกล แต่บีมมองว่า การดูแลพื้นฐานสุขภาพให้ดี มันคือดีที่สุดแล้ว ถ้าจะทานเสริม เราก็เสริมในส่วนขาดจริง ๆ ไม่ต้องกินอะไรแพง ๆ หรือครอบจักรวาล เพราะถ้าดูแลตัวเองให้ร่างกายทำงานตามปกติได้ดีแล้ว เขาก็ล้างพิษของเขาได้ทุกคืนตามธรรมชาติเองค่ะ แต่เดี๋ยวนี้พิษเยอะจริง มาทุกทางเลย คนที่อยู่กับพิษเยอะ ๆ ก็คงต้องการอาหารต้านพิษมากกว่าคนที่อยู่กับธรรมชาติค่ะ อันนั้นก็สัจธรรมเนอะ ก็ดูตามความเหมาะสมกันไป กินอะไรก็ขอให้ปลอดภัย ศึกษาก่อนนะคะ
คำแนะนำจากบีมในการล้างพิษตับ
- ต้องเริ่มจากลำไส้ก่อนเสมอ ใครที่ยังไม่เคยล้างลำไส้เลย ขอแนะนำว่าให้ล้างลำไส้และปรับสุขภาพตามที่บีมแนะนำเอาไว้สัก 1 เดือนก่อนเริ่มล้างพิษตับนะคะ อย่าผลีผลาม เดี๋ยวสิวขับพิษจะขึ้นให้หมดกำลังใจ เตือนแล้วนะคะ....
- การล้างพิษตับต้องเตรียมร่างกายก่อนอย่างน้อย 3 วัน หรือดีสุดก็ 7 วัน โดยต้องให้ตับได้มีพลังสะสมมาก ๆ คือ เลือกทานอาหารย่อยง่าย ๆ งดเนื้อสัตว์ งดอาหารผัด ทอด ของหวาน ของรสจัดทุกอย่าง กินจืด ๆ กินแต่ผักผลไม้ ข้าวกล้อง วุ้นเส้น งดก๋วยเตี๋ยวทุกชนิด และนอนก่อน 4 ทุ่มทุกวัน คิดบวกๆๆๆ นั้นคือดีที่สุดและจะเห็นผลชัดเจนที่สุด และช่วง 3-7 วันนี้ต้องล้างลำไส้ทุกวันด้วย ให้สะอาดที่สุด ๆๆๆ
- หลังล้างตับ ให้ฟื้นฟูตับและร่างกายด้วยสารอาหารดี ๆ อย่าไปกินของแย่ ๆ หลังล้างพิษเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ที่ดีขึ้นมาทดแทน เน้นอาหารหมู่โปรตีนย่อยง่ายเช่นน้ำเต้าหู้ไม่เติมน้ำตาล นมถั่วเหลืองไม่ตัดแต่งพันธุกรรม น้ำนมข้าวถั่วเขียวต้ม สารอาหารประเภทคอลลาเจนและวิตามินซี และน้ำปั่นผักผลไม้สูตร ดร.รสสุคนธ์ ในปริมาณสูง ๆ หลังล้างพิษตับทุกครั้ง ประมาณ 3-7 วัน เพราะตับและร่างกายต้องใช้พวกนี้ในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทนค่ะ เราจะได้มีเซลล์ที่แข็งแรงและสุขภาพดี จะทานข้าวก็แนะนำพวกข้าวกล้อง ช่วง 2-3 วันแรกแนะนำให้ทานแบบต้มอ่อน ๆ หลังจากนั้นก็ค่อยทานแบบหุงปกติ (ให้ตับค่อยๆ ปรับตัวกับระดับการย่อยอาหารอ่อนไปแข็ง ย่อยอาหารแข็ง ๆ นั้นต้องใช้พลังเยอะมาก ตับยังทำไม่ไหวหรอกค่ะ และห้ามเด็ดขาดคือกินอาหารผัด ทอด ไขมันทรานซ์ อาหารผ่านไมโครเวฟ คือ อะไรที่แย่ ๆ อย่ารับเข้าไป ไม่งั้นมันจะไปเป็นพิษสะสมในเซลล์ที่สร้างใหม่ได้อีก)
- ที่อยากแนะนำให้ทานเพิ่มคือ ถ้าลูกค้า MaCLEAR ให้ทานผงเสาวรสหลังเสร็จโปรแกรมนี้ได้เลยค่ะ หรือถ้าเพลียจากโปรแกรมล้างพิษและยังไม่ทันจะได้ทำน้ำปั่นผักผลไม้กิน ก็ให้ชงผงเสาวรสและคอลลาเจน Cute ทานได้เลย รับรองว่าปลอดภัย จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้เร็ว และ Super-antioxidant ในผงเสาวรสนี้มีสูงมาก จะทำให้จับพิษที่ยังกระจาย ๆ อยู่และทำให้เพลียให้ถูกขับออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะได้เร็วค่ะ
- ถ้าท่านใดไม่มีผงเสาวรสและ Cute Collagen ก็ไม่เป็นไรค่ะ ทานน้ำปั่นและเน้นอาหารโปรตีนย่อยง่ายตามที่บอกได้เลย กินเยอะ ๆ ค่ะ
- อีกอันที่แนะนำคือน้ำมะเขือเทศดอยคำ (เห็นฮิต ๆ กัน เอามาทดลองบ้าง) เพราะมีวิตามินเอสูงดีค่ะ มีไลโคปีน มีคอลลาเจนอยู่นิดหน่อย ก็สวยได้ในราคาสบายกระเป๋าสำหรับหลายคนค่ะ แต่ถ้าเทียบความเข้มข้นกับ Cute Collagen และผงเสาวรส ก็ต้องทานน้ำมะเขือเทศนี้หลายขวดค่ะเพื่อให้ได้ผลเทียบเท่ากัน อย่างไรก็ตาม ให้ดูตามความเหมาะสมค่ะ ให้ทานในปริมาณที่รู้สึกดี ร่างกายไม่หนัก ไม่เพลีย ไม่ Alert จนเกินไป
- การล้างตับนั้นทำครั้งเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทุกเดือนจนกว่าที่ของที่ออกมาจะไม่มีอะไรแล้ว หลังจากนั้นก็ปีละ 2-3 ครั้ง ก็อยู่ที่การดำรงชีวิตแล้วว่าพบเจอกับพิษและสะสมพิษมากน้อยเพียงใด เราคงกำหนดจำนวนครั้งให้ไม่ได้ ต้องสังเกตร่างกายเอาเอง ถ้าช่วงไหนสิวขึ้นง่าย ไม่สบายบ่อย เพลียง่าย หงุดหงิดง่าย เราก็คงต้องการทำแล้วค่ะ และต้องเตรียมร่างกายอย่างที่บอก และไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้นะคะ ให้ดู คำเตือนจากหลักสูตรล้างพิษตับ ก่อนนะ
ถ้าสนใจการล้างพิษตับเพิ่มเติมก็แนะนำให้ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ
- หลักสูตรล้างพิษตับ อ.ขวัญดิน (แบบสั้น)
- กินดื่มด่างล้างพิษตับ
- กินดื่มด่างล้างพิษตับ (หนังสือ)
- คำเตือน! จากหลักสูตรล้างพิษตับ (ฉบับที่ 2) : พิษประทุจาก“นมวัว”รุนแรงกว่าที่หลายคนคิด
แหล่งข้อมูลแนะนำอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นสิวอีกโดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการบริโภคน้ำมัน
- ปฏิวัติน้ำมันพืช โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
- น้ำมันสี่สหาย โดย หมอดำรงค์
สำหรับผู้ที่ต้องการล้างลำไส้แต่ไม่อยากสวน แนะนำให้ทานสมุนไพรล้างลำไส้และไขมันในลำไส้ MarryBeam มีจำหน่ายที่เว็บกลางและตัวแทนทั่วประเทศ
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงสมความตั้งใจนะคะ
บีม
ป.ล. ขอเสริมเรื่องการทานตรีผลาล้างพิษตับ ถ้าคุณมีพิษสะสมในตับมาก การทานตรีผลาพร้อมสมุนไพรล้างลำไส้ จะทำให้สิวขับพิษขึ้นมาก ถ้ารู้ตัวว่าพิษเยอะมาก แนะนำให้เร่ิมด้วยการปรับพื้นฐานสุขภาพและการล้างลำไส้ก่อน แล้วค่อยล้างตับ หลังล้างตับค่อยมาทานตรีผลาควบคู่ไปกับการล้างลำไส้ไปเรื่อย ๆ และล้างตับไปเรื่อย ๆ ค่ะ
คนเป็นสิวที่พิษเยอะคือ
- กินยารักษาสิวมามาก ยาทำร้ายตับ เพิ่มไขมันในเลือด และทำลายทั้งระบบ
- มีประวัติชอบกินอาหารผัด ทอด ของหวาน ๆ ชานม โรตี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารไมโครเวฟ ขนมกรุบกรอบ เค้ก เบเกอรี่
- มีประวัติชอบนอนหลัง 4 ทุ่มหรือนอนเช้าติดต่อกัน ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบดื่มแอลกอฮอล์
- เป็นคนเครียดง่าย หงุดหงิดง่าย
- อาศัยหรือทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน ที่ชุมชนแออัดหรือติดถนนใหญ่ ๆ มลพิษเยอะ หรือเมืองหลวงนานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- ทำงานในห้องแอร์และเป็นห้องปิด ระบบระบายอากาศไม่ดี
ถ้าแบบนี้ เฉพาะตรีผลากับสมุนไพรล้างลำไส้ช่วยได้นิดหน่อยค่ะ แต่สิวขับพิษจะขึ้นเยอะมากเพราะมันค่อย ๆ ล้างออกมา แนะนำให้ทำตามที่บอกดีกว่าค่ะ คงต้องล้างตับดีกว่านะคะ ล้างต่อเนื่องและดูแลพื้นฐานสุขภาพและปรับอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำมันและการทานอาหารไร้ประโยชน์ค่ะ จะทำให้เป็นสิวยากขึ้น คือ มันกลับมาได้นะคะถ้าดูแลตัวเองไม่ดี ไม่ได้หายขาด
ความคิดเห็น