การปรับพื้นฐานสุขภาพ 11 ข้อเพื่อรักษาสิวและฟื้นฟูสุขภาพ
บีมจะพามารู้จักกับหลักการปรับสุขภาพอย่างง่ายด้วยตัวเอง
ที่หลายคนอ่านแล้วก็จะบอกว่า เคยรู้มาหมดแล้วว่าดีต่อร่างกาย แต่ปัญหาคือ
ไม่ลงมือทำเพราะ “ไม่เชื่อ” ว่ามันจะช่วยรักษาสิวและทำให้เราดูดีขึ้นได้จริง ๆ
นั่นเอง เหตุเพราะคุณยังไม่เคยมี “คน” ที่ทำให้เห็น ทำให้ดู
ให้รู้ผลลัพธ์ชัดเจนมาก่อน
แต่วันนี้คุณมีโอกาสโคจรมาเจอกับบีมและแนวทางที่บีมใช้ดูแลตัวเองและลูกค้าเสมอมาและมันก็ได้ผลจริง
ๆ ไม่มีการกล่าวเกินจริงในทุก ๆ เคส จึงขอให้คุณมั่นใจว่า ข้อปฏิบัติเพียงง่าย ๆ
ไม่กี่ข้อนี้แหละที่เมื่อทำเป็นประจำทุกวันจะเป็นพลังให้ร่างกายของคุณปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทุกวันโดยที่คุณเองก็อาจไม่ทันได้สังเกตการเปลี่ยนแปลง
การปรับพื้นฐานสุขภาพ มีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะในทางธรรมชาติบำบัด
ถือว่ามนุษย์ประกอบด้วยร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ การบำบัดจึงต้องครบทุกข้อ
ด้านร่างกาย
หมายถึง
สังขารอันประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ซึ่งจะมีธาตุเจ้าเรือนที่จะอยู่เป็นธาตุพื้นฐานของเราไปตลอดชีวิตประมาณหนึ่ง
ส่วนอีก 80% จะเกี่ยวกับเรื่องการกระทบจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ จากสภาพแวดล้อม
ซึ่งเราต้องเรียนรู้เรื่องการปรับธาตุให้สมดุลอยู่เสมอ
สามารถศึกษาได้จากข้อมูลในส่วนถัดไปและจากสื่อต่าง ๆ ของหมอเขียว ใจเพชร กล้าจน
การเข้านอนเป็นข้อแรกที่สำคัญที่สุด
เพราะเป็นจุดที่จะปรับพื้นฐานของร่างกายทั้งระบบ คือการรีเซ็ตนาฬิกาชีวิตและระบบพลังงานของร่างกายใหม่ เมื่อนอนหลับได้ไม่เกิน 4-5
ทุ่มแล้วและหลับมีคุณภาพจริง
ๆ ข้ออื่น ๆ จะตามมาเองโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เป็นการช่วยทุ่นแรงไปในตัว
จะได้มีกำลังใจทำต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทุกข้อสำคัญต่อร่างกายเท่า ๆ กัน
1. พยายามเข้านอนก่อน 4 ทุ่มทุกคืน หากนอนไม่หลับแนะนำให้ลองปฏิบัติดังนี้
·
ถ้านอนไม่หลับก็ไม่ต้องเครียด นี่คือข้อแรกที่ต้องจำ เพราะเครียดไม่ช่วยอะไร
และไม่ช่วยให้นอนได้เร็วขึ้น แต่พยายามจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้ตัวเองเข้านอนเวลาประมาณนี้ทุกวันให้ได้
ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวไปเอง
·
การจัดสภาพแวดล้อมคือ
การอยู่ห่างจากหรือปิดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ทุกชนิดตั้งแต่ประมาณ 1
ทุ่มเป็นต้นไป
หรี่ไฟทุกดวงในบ้านหรือห้องนอนของตัวเอง
เพื่อให้ฮอร์โมนเมลาโตนินที่ช่วยให้เราหลับดีออกมามากขึ้น
ทำให้เราหลับง่ายและลึกขึ้น และทำสิ่งที่ผ่อนคลายในช่วงเวลา 1
ทุ่ม -
3 ทุ่มหรือจนกว่าจะนอน
บางท่านอาจมีอโรมา (กลิ่นบำบัด) มาช่วย ทำโยคะ ยืดเหยียดก่อนนอนให้ผ่อนคลาย
ให้เส้นหายตึง[1] อย่าฟังเพลงเหงา เศร้า เพลงตื่นเต้น หนังผี
หนังสยองขวัญ ข่าวใด ๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว แนะนำเป็นการเขียนบันทึกประจำวัน
ทำรายรับรายจ่าย อ่านหนังสือเนื้อหาเบา ๆ ผ่อนคลาย คุยกับคนในครอบครัว คุยกับเพื่อนรูมเมท
คุยกับคนรัก โอบกอดให้ความรักกัน ให้เสียงหัวเราะแก่กันในช่วงเวลาดังกล่าว สวดมนต์
นั่งสมาธิ เป็นต้น คือ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เลย
พยายามหาอะไรแบบ Hand-Made หรือ Human-Made มาไว้ในห้องนอน
ไม่นำทีวีหรือคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องนอน
·
ดื่มชาคาโมมายล์ นมอุ่น ๆ น้ำอุ่น ๆ ก่อนนอน 1 แก้วให้เลือดลมผ่อนคลาย
(คนเป็นสิวหรืออยู่ระหว่างรักษาสิวแนะนำนมถั่วเหลืองหรือนมข้าว อย่าดื่มนมวัว)
·
นาฬิกาปลุกก็ใช้แบบใส่ถ่าน ไม่ต้องใช้มือถือ
·
หากลองปฏิบัติตามสิ่งที่แนะนำข้างต้นไปแล้วครบ 7 วันแล้วยังนอนเร็วไม่ได้ หรือยังหลับไม่ลึกพอ
ยังเพลียตอนตื่นนอน จำเป็นจะต้องล้างพิษลำไส้และลดพิษร้อนในระบบภายใน ง่ายที่สุดคือ
ทานสมุนไพรดีท็อกซ์และถอนพิษร้อนด้วยน้ำย่านาง หรือใบเตย
รวมถึงออกกำลังกายและขูดกัวซาอย่างจริงจังและสม่ำเสมอจนกว่าร่างกายจะเข้านอนช่วงเวลาดังกล่าวได้
2.
ทานยาถ่ายพยาธิ “ทุกประเภท” เป็นประจำทุกเดือน
เพราะคนไทยมีโอกาสได้รับไข่พยาธิและตัวพยาธิสูงเนื่องจากอยู่ในเขตร้อนชื้น
เป็นสภาวะที่เชื้อจุลชีวะเติบโตได้ง่ายและเร็ว และเป็นบ่อเกิดของโรคที่คนมองข้ามมากที่สุด
แต่อยู่ในตัวคนทุกคนมากที่สุด (อ้างอิงจาก อจ.สุทธิวัสส์ คำภา เว็บ www.pendulumthai.com)
3.
ดื่มน้ำไม่เย็นหรือน้ำอุ่นวันละ 1.5-2 ลิตร และงดเครื่องดื่มอื่น ๆ ทั้งหมด แนะนำให้ดื่มน้ำตามรูปแบบนี้
·
หลังตื่นนอนทันที - ดื่มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยต้องให้ได้ 500
มิลลิลิตร
·
ระหว่างวันให้จิบดื่มไปเรื่อย ๆ วัดจากปาก ถ้าชุ่มชื้นเสมอไม่แตกแห้ง
แสดงว่าน้ำในตัวอยู่ในระดับดี
·
หากพบว่าช่วงใดที่มีการเสียน้ำมาก เช่น อยู่ในที่มีอากาศร้อน แห้ง ออกกำลังกาย
อบตัว ซาวน่า ให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 แก้วต่อ 1 ชั่วโมง ยิ่งร้อนมาก ยิ่งเสียเหงื่อมาก
ก็ให้เพิ่มปริมาณน้ำต่อ 1 ชั่วโมง
·
การดื่มน้ำช่วงรับประทานอาหาร - ดื่มก่อนอาหารได้ แต่ต้อง 15
นาทีขึ้นไป
ดื่มระหว่างอาหารได้เล็กน้อย แต่ถ้าซดน้ำซุปจะดีกว่า หลังอาหารดื่มได้เล็กน้อย
ไม่เกินครึ่งแก้วกาแฟ หรือไม่เกิน 150 มิลลิลิตร (1 ขวดนมเปรี้ยวเด็ก) หากเลือกเป็นน้ำมะนาวอุ่น
น้ำมะนาวน้ำผึ้งอุ่น ชาจีน ชาญี่ปุ่นที่ไม่เติมน้ำตาลปริมาณ 1
แก้วกาแฟหลังอาหารก็จะช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น
โดยค่อย ๆ จิบจนหมด ไม่ต้องรีบดื่มรวดเดียว
·
ห้ามดื่มน้ำเย็นและเครื่องดื่มเย็นทุกประเภทหลังอาหารทุกมื้อ
แม้จะเป็นปริมาณเล็กน้อยก็ตาม จะทำให้อาหารไม่ย่อย
ไม่เกิดการเอาไปใช้และตกค้างในลำไส้สูง หากต้องการดื่ม
ควรเว้นระยะจากอาหารมื้อนั้นไปแล้ว 45 นาที - 1 ชั่วโมง
4.
ในผู้มีภาวะร้อนเกินให้ทานดีท็อกซ์ของ MarryBeam ร่วมกับย่านางในรูปแบบใดก็ได้อย่างน้อย 1
เดือน
(หากเวียนหัวเพราะทานย่านางให้เปลี่ยนเป็นใบเตย ผักบุ้ง หรือใบบัวบกแทน
และคนที่มีความดันต่ำและเลือดจางไม่ต้องทานย่านาง ให้ศึกษาเรื่องภาวะร้อน-เย็นของหมอเขียว ใจเพชร กล้าจน เพิ่มเติม)
5.
ออกกำลังกายอะไรก็ได้ที่ชอบอย่างน้อย 3
ครั้งต่อสัปดาห์
ครั้งละ 1 ชั่วโมง ขอให้หน้าแดง หัวใจเต้น กระปรี้กระเปร่า เป็นใช้ได้ ถ้าสามารถเลือกเป็นโยคะและฝึกจนทำท่า
Advance ต่าง ๆ
ได้จะเป็นผลดีต่อร่างกายมาก และแนะนำการฝึกชี่กง ไทเก๊ก
เพื่อช่วยในการเดินพลังลมปราณ (พลังชีวิต) ส่วนการออกกำลังกายประเภทการเต้น
การวิ่ง จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น กล้ามเนื้อแข็งแรง ความคิดว่องไว
ควรออกกำลังกายสลับกันระหว่างการออกแบบผ่อนคลาย เช่น โยคะ ชี่กง
และการออกกำลังแบบเคลื่อนไหว จะดีที่สุด
6.
ฝึกตื่นช่วงตี 5-6 โมงเพื่อมาดื่มน้ำไม่เย็นหรือน้ำอุ่นที่สะอาด
500 มล.
เป็นอย่างน้อยให้ได้ทุกวันในตอนเช้า บริหารหน้าท้องด้วยท่าโยคะหรือเดินขึ้นลงบันได
(ทุกท่าที่ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้ขยับ) หรือเล่นฮูล่าฮูป
แล้วถ่ายเบาและหนักก่อน 7 โมง
7.
ทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์เท่านั้นช่วงบำบัดรักษา
พยายามฝึกจิตให้มองเห็นกิเลสและฝึกการข่มกิเลสด้วยความเข้าใจ
ผ่อนหนักผ่อนเบาตามจังหวะ แต่ไม่ใช่การเอาแต่ใจตัวเอง
กำหนดระดับที่ตัวเองต้องทำให้ได้ และพยายามเอาชนะใจตัวเองแล้วทำให้ถึง
ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ผ่อน “อยู่เส้นกลาง” และควรทานมื้อเช้ามากที่สุด
มื้อกลางวันรองลงมา และมื้อเย็นน้อยที่สุด มื้อเช้าควรทานช่วง 7-9
โมง มื้อกลางวัน 11.00
– 12.30 น. มื้อเย็น ไม่เกิน 1
ทุ่ม
งดเว้นอาหารดังนี้ (เรียงจากที่ควรงดมากที่สุดลงไปน้อยสุด)
·
อาหารผัดและทอดด้วยน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี จะได้ไม่เพิ่มไขมันเสียให้ตัวเอง
·
อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารรูปแบบต่าง ๆ ที่มีไขมันทรานส์ (Trans
Fat) เช่น
ขนมทอดกรอบบรรจุถุงบางยี่ห้อ (บางยี่ห้อก็ระบุ บางยี่ห้อก็ไม่มี
บางยี่ห้อก็ไม่ระบุว่ามีหรือไม่มี ดังนั้น ไม่กินเลยจะดีที่สุด)
จะได้ไม่เพิ่มไขมันเสียให้ตัวเอง
·
อาหารหวานทุกอย่าง แม้แต่ผลไม้หวาน ๆ เพราะทำให้น้ำตาลในเลือดแกว่ง หน้ามัน
และเกิดภาวะดื้ออินซูลินและเบาหวานระยะต้นได้
·
อาหารที่เป็นแป้งเชิงเดี่ยวทุกอย่าง และแป้งแปรรูป เช่น ขนมปังขาวขัดสี
(ข้าวขาวพออนุโลมได้แต่ถ้าจะให้ดีกินข้าวกล้องดีกว่า
เพราะข้าวขาวมีแต่แป้งไม่มีใยอาหารเลย กินมากก็อ้วนและไขมันเกินได้) ขนมอบกรอบ
เบเกอรี่ เค้ก ขนมหวานที่ทำมาจากแป้งประเภทต่าง ๆ
·
นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัวทุกประเภท รวมถึงโยเกิร์ต
·
เนื้อสัตว์ใหญ่ที่เก่า มีสารเร่งเนื้อแดง และปรุงแบบผัด ทอด หรือต้มไม่เปื่อย
·
อาหารทะเลที่อาจฉีดฟอร์มาลีน คนที่อยู่ใกล้ทะเลจะได้เปรียบเพราะได้ทานสด
แบบนั้นจะไม่เป็นไร ทานได้เลย ยกเว้นแพ้อาหารทะเล
·
น้ำดื่มที่มีกลิ่น สี เป็นน้ำไม่สะอาด ปนเปื้อนเชื้อ
·
การอัดอาหารเสริมและสมุนไพรมากเกินพอดีหรือทานในสิ่งที่ร่างกายไม่ได้ต้องการจนล้นเกิน
·
อย่าทานอาหารที่ตัวเองแพ้
สิ่งที่ควรทานมีดังต่อไปนี้
·
อาหารเมนูไทย ๆ ประเภทต้ม ต้มยำ น้ำพริก ผักนึ่ง ทานได้หมด
·
ข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี
·
ผักผลไม้สดตามฤดูกาลและตามท้องถิ่น (ปลูกและโตได้เองในท้องถิ่นนั้น ๆ
ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจที่มีตลอดปี)
ที่ล้างสารเคมีตกค้างออกหมดแล้วหรือไม่มีสารเคมีในกระบวนการเพาะปลูกตั้งแต่ต้น (ออร์แกนิค)
·
นมถั่วเหลืองและนมจากธัญพืชที่หลากหลาย เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวหลากสี
เป็นต้น
ทำได้เองหรือซื้อแบบบรรจุกล่องแต่ต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมันพืชและไขมันทรานส์
·
นมแพะทานได้
·
ควรทาน probiotics พร้อมผักผลไม้สดเป็นประจำทุกเช้า ซึ่ง probiotics
คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ของเรามากมาย
เหมือนใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายอุจจาระในโถส้วม บ่อเกรอะ หรือเทียบกับลูกบอล EM
ที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเสียให้กลายเป็นน้ำดีนั่นเอง
จำเป็นมากที่จะต้องทานเข้าไปและทานทุกวันในช่วงบำบัดรักษาในเบื้องต้นสัก 1
เดือน เลี้ยงเขาด้วยผักผลไม้สด
เอามาปั่นกินอร่อย ๆ ก็ได้จนรู้สึกท้องสบาย โล่ง
เริ่มขับถ่ายเป็นระบบตามเวลานาฬิกาชีวิต
ซึ่งในช่วงแรกยังไม่แนะนำโยเกิร์ตที่มักทำมาจากนมวัว
ก็ให้ทานจุลินทรีย์แบบแคปซูลที่เป็นอาหารเสริมก็ได้
ที่รับรองมาตรฐานและความปลอดภัยแล้ว นมหมักบัวหิมะที่ใช้นมแพะหรือนมจากธัญพืช
(ถั่วและข้าวประเภทต่าง ๆ ) หรือทานน้ำหมักชีวภาพที่เหมาะสมกับธาตุของตัวเองก็ได้
(ทานแล้วร่างกายรู้สึกรับได้ดี ทานต่อเนื่องเกิน 7 วันก็ไม่พบปัญหาใด ๆ
อาการซ่านพิษที่เกิดขึ้นหลังทานควรหายไปใน 1 สัปดาห์ ถ้าเป็นนานกว่านั้นแสดงว่าไม่เหมาะกับธาตุของเรา
แต่ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยสุขภาพอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น นอนดึกหรือไม่ เครียดหรือไม่
ท้องผูกหรือไม่ รับพิษมากไปจากสภาวะแวดล้อมที่ทำงานหรือไม่
สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อร่างกายในขณะที่ทานอาหารเสริมหรืออาหารเกี่ยวกับการปรับภูมิคุ้มกันหรือการทำงานของเม็ดเลือดขาว)
ด้านจิตใจ
หมายถึง อารมณ์
ความรู้สึก สิ่งที่เกี่ยวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เข้ากระทบจิตใจ
การทำงานของสมอง เป็นต้น เป็นสิ่งที่อยู่ตื้นกว่าระดับจิตวิญญาณ
8.
ฝึกฝนให้ตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี จิตใจผ่องใส ไม่สะสม “ขี้” ทางอารมณ์เอาไว้
คนมองโลกในแง่ดีไม่ใช่คนมองโลกแบบสีชมพู
แต่คือการมองทุกอย่างด้วยความเข้าใจและเห็นโลกอย่างที่มันเป็น
เห็นความงามในความไม่งาม เป็นคนมองอะไรสองด้านอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ด้านชากับชีวิต
มันคือศิลปะที่ทุกคนต้องเรียนรู้ในการใช้ชีวิตให้มีความสุขและต้องเรียนรู้เอง
ใครก็สอนไม่ได้ ต้องทบทวนและสอนตัวเองหรืออยู่กับกัลญาณมิตรอยู่เสมอ
9.
ฝึกจินตนาการถึงตัวเองผิวสุขภาพดี ผิวใส หากยังทำไม่ได้
ให้หารูปดาราที่ชอบมาดูบ่อย ๆ ให้เป็นแรงบันดาลใจ หรือรูปของตัวเองเมื่อยังเด็ก
วัยก่อนเป็นสิว หรือก่อนที่เราจะมีปัญหาสิว หรือนำรูปของตัวเองที่ชอบโพสต์นั้นที่สุดแล้วเอามาทำให้หน้าใส
เลือกรูปที่เราดูแล้วมีความสุขกับตัวเองมากที่สุด
ด้านจิตวิญญาณ
หมายถึง
ความหยั่งรู้ถึงสภาวะของตัวเองและความเป็นไปของโลก
และมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับโลกรอบตัว หรือที่เรียกว่า ปัญญา และ
สันดาน ในคนแต่ละคน
10.
เขียนสิ่งที่บวกเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่ลบเกี่ยวกับตัวเอง
พยายามส่งเสริมด้านบวกของตัวเองและปรับปรุงด้านลบของตัวเอง อันไหนทำได้ให้ขีดฆ่าไป
ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองจะเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตโดยรวม
เป็นการยอมรับและเข้าใจตัวเองในแบบที่เป็นตัวเองจริง ๆ จะรักตัวเองที่เป็นตัวเองจริง
ๆ ซึ่งมีผลต่อการเยียวยารักษาจิตใจที่บอบช้ำ (แบบไม่รู้ตัว) ของคนที่เป็นสิว
มีปัญหาผิวหรือปัญหาสุขภาพและความงามต่าง ๆ เพราะตัวเองจะรู้สึกด้อยกว่าคนอื่นเสมอ
ๆ ทำให้มองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง ทั้งที่เรามีดีมากกว่าที่เราคิดและรู้สึกเกี่ยวกับตัวเอง
11.
หมั่นหาโอกาสอยู่สงบ ๆ กับตัวเองและกับธรรมชาติที่ไม่ได้ดัดแปลง เช่น ป่าเขา
ลำธาร แม่น้ำ ทะเล เริ่มจากเวลาสั้นๆ และอยู่ให้นานขึ้น ๆ
ซึ่งผลลัพธ์คือจะเริ่มเข้าใจตัวเอง เข้าใจธรรมชาติ และจะเข้าใจทุก ๆ อย่างด้วยปัญญาโดยที่เราไม่ได้บังคับให้สมองเราเรียนรู้
แต่เราจะรู้ด้วยปัญญาญาณ จิตใจจะสุขสงบขึ้น
ตรงนี้มีผลต่อปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกายและฮอร์โมน จะทำให้ทุกอย่างสงบ
สอดคล้องกันอย่างเป็นธรรมชาติ มีความภูมิใจและพอใจในตัวเองระดับสูง
ไม่เป็นเหยื่อของอารมณ์ของโลก ส่งผลดีต่อการบำบัดรักษาตัวเองลึกถึงระดับอนุภาคของเซลล์ร่างกาย
ทั้ง 11
ข้อนี้ขอให้ปฏิบัติเป็นประจำ
ไม่ต้องเรียงข้อ (ยกเว้นด้านร่างกาย) ทำอันไหนได้ให้ทำก่อน ไม่ต้องรอเวลา แต่ต้อง
“หา” เวลาไปทำมัน ไม่มีข้ออ้าง แล้วคุณจะได้รับชีวิตที่เป็นอิสระในทุก ๆ ด้าน
คุ้มค่าต่อความพยายาม
·
[1] คนนอนไม่หลับ ถ้าไปนวดหรือจับเส้น
จะถูกทักว่าเส้นตึงและแข็งทุกคน ถ้าคนนวดเก่ง นวดไม่เจ็บ ไม่ช้ำ นวดจนเส้นผ่อน
เส้นอ่อน หรือไปขูดกัวซา ไปอบตัวมาจะรู้สึกว่าเส้นคลาย ผ่อนคลาย และหลับง่ายขึ้น)
ความคิดเห็น