ไดอารี่ : หลังคลอดลูกคนที่ 2 ได้ 9 วัน

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 3 ปีกว่า บีมตัดสินใจกลับมาใช้บล็อกนี้ในการอัพเดทเรื่องราวของตัวเองอีกครั้งเพราะคิดว่าไปทำหลายบล็อกหลายเว็บแล้วปวดหัวเองด้วยค่ะ คนที่ติดตามก็ปวดหัวไม่รู้จะไปอ่านอันไหนดี

แต่กลับมาคราวนี้ คงจะเป็นการเขียนเรื่องราวและบันทึกต่าง ๆ ในชีวิตที่เชื่อมโยงกับการดูแลสุขภาพและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่บีมใช้อยู่ด้วย เพราะจากที่บีมได้ประมวลข้อมูลที่ผ่านมาของ Fanpage พบว่า หลาย ๆ คนต้องการทราบว่าตอนนี้บีมทำอะไรอยู่ ใช้อะไรบ้าง ฯลฯ ก็เลยคิดว่าเขียนเป็นไดอารี่ให้อ่านกันหนุก ๆ ดีกว่านะคะ

รอบนี้ตั้งใจมาเขียนเกี่ยวกับอะไรหลาย ๆ อย่างหลังคลอดลูกคนที่ 2 ค่ะ หลังจากท้องครั้งนี้ก็ทำให้บีมได้มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายมากขึ้น และทำให้หลังคลอดครั้งนี้บีมดูแลตัวเองได้ดีขึ้นและลูกคนนี้ก็เลี้ยงง่ายขึ้นมากค่ะ

เรามาเริ่มจากวันแรกกันเลยนะคะ

ดูความอืดกันไปก่อนนะคะ หุหุ

เย็นวันที่ 10 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ขณะบีมกำลังนั่งทำงานหน้าคอมอยู่และก็มีแขกมาบ้านพอดี แล้วก็กำลังปวดฉี่ เลยจะลุกไปห้องน้ำและเอาน้ำมาให้แขก ไปห้องน้ำ ก็เห็นว่ามีของเหลวสีออกส้ม ๆ ออกมาละ ปกติไม่มี เลยบอกทุกคนว่าจะไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ คือ น้ำไม่ได้อาบ ของเขิงอะไรไม่ได้เตรียมสักอย่างเลยค่ะ ไปแบบชุดทำงานเลยนั่นแหละ แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารอเช็ค รอคลอดกันที่โรงพยาบาลค่ะ มีกำลังจากครอบครัวไปด้วยค่ะ


การคลอดจบไปเวลา 10.26 น. ค่ะ เป็นการคลอดธรรมชาติเลย น้องน้ำหนักตัวไม่มากเพราะคลอดก่อนกำหนดไปหน่อย คือ 2,350 กรัมค่ะ กำหนดคลอดจริง ๆ วันที่ 5 ก.พ. 56 แต่ก็คิดอยู่แล้วว่า กะประมาณจะต้องคลอดไม่เกิน 15 ม.ค. แน่ ๆ รู้สึกแบบนั้น เพราะถ้าน้องโตกว่านี้บีมคงคลอดเองไม่ได้ละ แบบว่าตัวเล็ก คงต้องผ่าคลอดกันไป

ออกมาแล้วค่าา...แข็งแรงมากมาย ถึงจะตัวเล็กแต่ร้องเสียงดังแถมถีบแรงอีกต่างหาก
และแล้วความเพลียก็เกิดขึ้น บีมก็อยู่โรงพยาบาล 2 คืน ออกวันเสาร์ 11 โมงค่ะ

สิ่งที่บีมเจอเมื่อหลังคลอดคือ

  1. ความเพลียและอยากนอนตลอดเวลาอย่างแรง แต่คืนแรกบีมนอนไม่ค่อยหลับหรอกค่ะ เพราะมันเจ็บไปหมด มาหลับอีกทีก็อีกวันเลย
  2. ยังไม่มีน้ำนม อันนี้แอบเครียดเล็ก ๆ เพราะจริง ๆ ท้องนี้ดูเหมือนจะมีน้ำนมออกมาก่อนคลอด แต่พอคลอดจริง ๆ ก็ยังไม่มีออกมาค่ะ มื้อแรกของน้องเลยเป็นนมชงไปเลย ที่โรงพยาบาลเขาให้ S-26 มาค่ะ แต่หลังจากนั้นบีมก็ไม่ได้เอามาชงให้น้องกินอีก และน้องไม่กินด้วย บีมลองให้เขาดูดดู แบบว่ากระตุ้นบ่อย ๆ จะได้ออก คือ เขาก็ดูดมั่งไม่ดูดมั่ง แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยังดีกว่าไม่ทำ
  3. กินยาแก้อักเสบและฆ่าเชื้อตั้งแต่หลังคลอด และต้องกินไปอีก 1 สัปดาห์ เพราะกันการติดเชื้อที่แผลฝีเย็บนั่นเองค่ะ (ซึ่งตั้งแต่รักษาสิวด้วยตัวเองแนวธรรมชาติมา บีมไม่แตะเลยยาแก้อักเสบและฆ่าเชื้อเนี่ยค่ะ อย่างมากก็คือยาลดไข้ตอนเป็นหวัดและธรรมชาติบำบัดเอาไม่อยู่แล้ว คือ บีมทนไม่ได้แล้วนั่นเองค่ะ ก็ใช้ลดไข้เสียหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะช็อคเอา)
เรื่องผิวหน้าไม่ต้องพูดถึงค่ะ จะเดินไปเข้าห้องน้ำยังขี้เกียจเลย 

ตั้งแต่คืนที่คลอดถึงเย็นของอีกวัน รู้สึกว่าบีมจะไม่ได้ล้างหน้า อาบน้ำ สระผมค่ะ เพราะยังไม่อยากให้ตัวเองโดนความเย็น (หลักอยู่ไฟคือหลังคลอดห้ามโดนของเย็นน่ะค่ะ) ก็ช่างมันเถิด หน้าช่างมัน เอาร่างกายไว้ก่อน เพราะบีมเชื่อว่าถ้าเราเอาเย็นเข้าใส่เลยหลังคลอด จะทำให้การขับของเสียและน้ำคาวปลาชะลอลงค่ะ ซึ่งมันจะทำให้เราเพลียและปวดกว่าเดิม เพราะเลือดที่ควรจะไหลออกมันจะกลายเป็นลิ่ม ๆ เสีย ประมาณนั้น พอเป็นลิ่มเป็นก้อนก็ขับออกมายากกว่า มดลูกจะบีบแรงกว่า ทำให้เจ็บกว่าค่ะ

แต่แม่เขาก็ฝากเจลล้างหน้ามังคุดมากับญาติ และบีมมียาน้ำว่านชักมดลูกติดรถมาอยู่แล้วค่ะ คือ ตอนอยู่โรงพยาบาลใช้แค่ 2 อย่างคือ ยาน้ำที่ว่านี้ (เป็นตัวเดียวกับที่บีมกินเมื่อหลังคลอดเมื่อท้องก่อนค่ะ ก็รู้ว่ากินได้ ไม่มีอันตรายอะไรค่ะ) กับเจลล้างหน้ามังคุดค่ะ และไม่ได้อาบน้ำสระผม รอไปอาบที่บ้าน

ตอนแรกพี่พยาบาลเห็นว่าบีมมียานี้ตั้งอยู่ตั้งแต่หลังออกจากห้องคลอดและเห็นเทใส่แก้ว เขาก็ถามว่านี่อะไรคะ เขากลัวบีมจะกินยาดองเหล้าค่ะ บีมบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ตัวนั้น สำหรับบีมแล้ว กินแล้วมันจะหลับดีค่ะ ขับเลือดดี ส่วนตัวบีมเชื่อว่าเขาช่วยให้พลังไฟในร่างกายฟื้นฟูได้เร็วและช่วยขับเลือดค่ะ อยากให้น้ำคาวปลาหมดเร็ว ๆ มดลูกเข้าอู่เร็ว ๆ และความอุ่นความร้อนจะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมมาได้เร็วขึ้น นี่เป็นสิ่งที่บีมเชื่อและใช้หลักนี้ดูแลตัวเองหลังคลอดนะคะ คือ ประยุกต์มาจากหลักสมดุลร้อนเย็นที่ได้เรียนรู้ตอนรักษาสิวตัวเองและช่วยเหลือคนอื่น ๆ นี่ล่ะค่ะ ก็เอามาใช้ดูแลร่างกายได้ตลอดรวมไปถึงตอนตั้งครรภ์และหลังคลอดค่ะ

แล้วแม่ก็ฝากน้ำงวงขนุนมาให้ คือ ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่นี่เขาใช้น้ำต้มงวงขนุนมากระตุ้นให้ผลิตน้ำนมน่ะค่ะ บีมไม่มีรูปมาให้ดูเพราะที่บ้านเขาตัดและเอามาทำให้และทิ้งไปแล้วค่ะ ต้องขออภัยจริง ๆ คือ ตัดแค่งวงมัน และเอามาล้างให้สะอาด ต้มจนน้ำเป็นสีออกดำคล้ำเลยค่ะ แล้วดื่มอุ่น ๆ จนกว่าเต้านมจะคัดตึง ช่วงแรก ๆ มันจะคัดจนร้อนค่ะ ระวังการอักเสบเพราะร้อน ให้เอาผ้าอุ่น สำลีชุบน้ำอุ่น ๆ ประคบแล้วค่อย ๆ บีบน้ำนมออกมาค่ะ ถ้าน้ำนมได้ออกมา อาการร้อนและตึงจะหายไปค่ะ ก็อดทนนิดนึง

แต่มันยังไม่ได้น้ำนมในทันทีนะคะ บีมอยู่โรงพยาบาลไม่มีหรอกค่ะ แต่เต้ามันเริ่มตึง ๆ แค่นั้นเอง 

กลับมาบ้านก็ยังดื่มน้ำยวงขนุนอยู่อีกสัก 2 ลิตรนี่แหละ แล้วก็เริ่มทนไม่ไหวกับอาการร้อนตึงเต้านมละ เป็นเยอะมากจนอยากร้องไห้ค่ะ คือ แตะไม่ได้เลยนะ เจ็บมาก แล้วน้ำนมก็ยังไม่ค่อยไหลออกมาด้วย คือ บีมแนะนำว่าให้ซื้อที่ปั๊มนมเตรียมไว้ค่ะ ใช้บีบน้ำนมออกตอนคัด ๆ ตึง ๆ ค่ะ 

เกือบจะไปโรงพยาบาลละ นึกว่าเต้านมอักเสบ แต่วันถัดมามันก็หายไปเยอะค่ะ เพราะน้ำนมเริ่มออก ประกอบกับบีมเริ่มปั๊มนมออกมาละ

นอกจากนั้นยังไม่พอค่ะ มีคุณยายที่มาช่วยงานบ้านได้ช่วยทำสมุนไพรสำหรับอาบน้ำตอนอยู่ไฟมาให้ค่ะ อาบวันละครั้ง ไม่ต้องใช้สระผมค่ะ บีมไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างในนั้น แต่มีกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อน ๆ ค่ะ 2-3 วันแรกหลังอาบน้ำด้วยสมุนไพรนี้ บีมเพลียมาก เหมือนไข้ขึ้น สลบหลับหลังอาบน้ำเลยค่ะ หลับไปพร้อมลูกเลย แต่พอวันนี้วันที่ 9 แล้ว อาการไม่สบายเนื้อตัวเริ่มหายไปแล้วค่ะ ไม่ค่อยเพลียหลังอาบน้ำแล้ว บีมคิดว่ามันเป็นอาการขับพิษ ระบายความร้อน ของเสีย และอะไรต่าง ๆ ที่มันคั่งอยู่ตอนท้อง 9 เดือนให้ออกไปน่ะค่ะ คือ การอยู่ไฟมีคุณประโยชน์มากในมุมมองของบีมนะคะ ใครที่ไม่ได้อยู่ไฟ คนโบราณเขาถึงว่าจะมีปัญหาสุขภาพมากค่ะ เพราะตอนที่เราท้องนั้น ทางระบายของเสียแทบไม่มีเลยค่ะ บางคนก็ท้องผูกอีกต่างหาก ลูกโตในท้องเรา เขาก็ไปเบียดอวัยวะภายในในช่วงเวลาที่เราตั้งครรภ์ด้วยค่ะ นี่แหละ บีมว่า ตอนอยู่ไฟเป็นอะไรที่ผู้หญิงทุกคนควรฉวยโอกาสยกเครื่องสภาพภายในและล้างพิษออกมากับเลือดไปเลยค่ะ พักผ่อนมาก ๆ และอยู่ไฟให้เต็มสตีมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

สมุนไพรใช้ต้มอาบน้ำช่วงอยู่ไฟ (หลังคลอด)
ล่าสุดนี้ได้ข้อมูลจากหมอเกดมาค่ะ เป็นที่ปรึกษาและแพทย์แผนไทยของ MarryBeam ค่ะ เวลาบีมมีอะไรที่อยากจะเช็คข้อมูลด้านแผนไทยก็จะปรึกษาเขาค่ะ ล่าสุดก็ได้ข้อมูลมาเพิ่มว่า น้ำแก่นฝางสามารถขับน้ำคาวปลาได้ดีค่ะ ที่บีมมีอยู่แล้วเพราะ MarryBeam ขายอยู่ แต่บีมไม่ได้กินตอนท้องค่ะ พอได้ข้อมูลมาแบบนี้เลยบอกคุณแม่ว่าตัวนี้ดื่มได้ค่ะ ไม่แสลงน้อง คุณแม่เลยทำมาให้ค่ะ


น้ำต้มไม้ฝาง ไม่มีรสชาติค่ะ สีน่ากิน ดื่มอุ่น ๆ 
สรุปว่า 9 วันที่ผ่านมา บีมสรุปการดูแลตัวเองหลังคลอดไว้แบบนี้นะคะ

วันที่ 1-3 พักผ่อนมาก ๆ ถ้านอนโรงพยาบาลก็ยังไม่ต้องรีบอาบน้ำสระผมค่ะ ทำร่างกายให้อุ่น ๆ ดื่มน้ำอุ่น ๆ คือ เติมไฟกลับให้ร่างกายตัวเองค่ะ ฟื้นฟูให้พลังกลับมาหลังคลอด ระวังอาการหน้ามืดเพราะเลือดน้อยค่ะ ใครตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ก็ให้ลูกดูดกระตุ้นบ่อย ๆ ค่ะ อย่างของบีมไม่มีน้ำนม เลยใช้ตัวช่วยหลายตัวที่อัพ Speed หน่อย คือ จะมี น้ำขิง บีมก็ให้เขาซื้อแบบขิงผงสำเร็จรูปแบบไม่เติมน้ำตาลมาให้ค่ะ ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตรของบีม น้ำต้มงวงขนุน น้ำอุ่นเยอะ ๆ หน่อย และอย่าลืมเตรียมที่ปั๊มนมไว้ด้วยค่ะ เพราะถ้านมมาแล้วไม่ได้ออกไป คือ จะด้วยรูน้ำนมยังเปิดไม่เยอะหรืออะไรก็ตาม เต้านมจะร้อนและอักเสบ ทำให้เจ็บปวดได้ค่ะ

วันที่ 4-6 ช่วงนี้จะเริ่มปวดเนื้อปวดตัวมากกว่า 1-3 วันแรก บีมเข้าใจว่าถ้าดูแลเรื่องการอยู่ไฟดี ๆ ช่วงนี้จะเป็นช่วงระบายพิษค่ะ ให้พักผ่อนมาก ๆ เข้าไว้ค่ะ ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่ากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระค่ะ แต่ก็อย่าเบ่งเยอะ เดี๋ยวแผลฉีก ช่วงวันที่ 4-6 นี้ ตัวบีมก็จะเหลือแต่ดื่มยาน้ำว่านชักมดลูกค่ะ ส่วนอาหารก็ทานตามที่คุณแม่ทำมาให้ค่ะ

วันที่ 6-9 เมื่อพิษระบายออก จะเริ่มสบายตัวขึ้นมาบ้างค่ะ แต่อาจจะยังเพลียเพราะยังต้องปรับเวลาให้นมลูก ซึ่งลูกคนที่ 2 นี้ เดือนนี้เขายังแลดูเลี้ยงง่ายค่ะ จะตื่นกลางคืนเวลาท้องอืดบ้างเท่านั้น แต่ถ้าน้องค่อนข้างมีปัญหาที่ท้อง คุณพ่อคุณแม่อาจจะยังมือใหม่ (เหมือนบีมกับลูกคนแรก ให้นมเยอะไป แล้วหาว่าลูกเป็นโคลิกซะงั้น) จะเหนื่อยนิดนึงค่ะกว่าจะอ่านสัญญาณที่ลูกส่งมาบอกออกได้ ก็ยังแนะนำให้พักผ่อนมาก ๆ และหลับไปพร้อมลูกค่ะ ใครที่โชคดีหัวนมไม่บอด ตื่นมาคัดเต้าก็พอดีลูกหิวค่ะ แต่อย่างบีมนี่ต้องเผื่อเวลาปั๊มนมค่ะ ลูกกินนมจากเต้าแล้วเขาหงุดหงิดค่ะ มันออกช้าค่ะ แถมคาบไม่พอดี บีมเลยบีบใส่ขวดแล้วป้อนเองค่ะ บางทีก็ให้คุณแม่และสามีป้อน เขาจะได้รู้สึกใกล้ชิดค่ะ

ส่วนที่ผิวหน้า ตอนนี้ใช้ชุดฟักข้าวเป็นแบรนด์ของสามีบีมเองค่ะ บีมอยากลองดูและก็อยากหน้าใสหลังคลอดบ้างอะไรบ้างค่ะ ก็โทรไปคอนเฟิร์มกับแล็ปมา เขาว่าใช้ได้ บีมเลยลองดูค่ะ เมื่อวานสาวแบงค์มาธุระที่บ้าน เขาก็ถามค่ะว่าใช้อะไรหน้าเด็กหน้าใสดีจัง คุณแม่ก็บอกค่ะ แต่บีมพึ่งใช้ไม่กี่วันเองค่ะ ก็รอดูให้ใช้ให้หมดก่อน ตอนนี้ก็ใช้แต่ตัวในเซ็ตเท่านั้นล่ะค่ะ


บีมให้ดูผิวหน้าก่อนคลอดกับหลังใช้ชุดนี้เทียบกันนะคะ 


ก่อนคลอด ประมาณ ธันวาคม 2555 รูปนี้อาจเห็นไม่ค่อยชัดค่ะ แต่ผิวจะหมอง ๆ นิดหน่อย มีอุดตันที่หน้าผาก สิวอักเสบและอุดตันเล็กน้อยแถมกรามคางค่ะ
หลังคลอด วันที่ 18 ม.ค. 56 อยู่ไฟเบื้องต้นและใช้ชุดฟักข้าว รู้สึกสิวยุบและหน้าใสขึ้นค่ะ คุณแม่ก็ทัก พนักงานแบงค์ก็ทักค่ะ ก็มั่นใจขึ้น แต่ทั้งนี้ก็คงเป็นผลมาจากหลายอย่างค่ะ จากภายในและภายนอกคู่กัน อีกอย่าง ตอนคลอดโดนอัดยาฆ่าเชื้อในน้ำเกลือด้วย และทานยาแก้อักเสบ (แต่ตอนนี้หมดแล้วนะคะ ไม่ได้ทานแล้ว) ก็อาจเป็นเหตุผลให้หน้าใสด้วยค่ะ ก็เหลือแค่รอดู แต่เบื้องต้นก็พอใจแล้วล่ะค่ะ หลังคลอดได้แบบนี้นะ

ไว้จะมาถ่ายรูปเต็มตัวให้ดูกันอีกทีและอัพเดทไดอารี่ครั้งหน้านะคะ ^^


ความคิดเห็น