สวัสดีปีใหม่ 2556 : แรงบันดาลใจแห่งการเปลี่ยนแปลง


สวัสดีปีใหม่ 2556 : แรงบันดาลใจแห่งการเปลี่ยนแปลง

สวัสดีปีใหม่ 2556 ค่ะ

ขอสวัสดีปีใหม่ด้วยรูปแห่งการเปลี่ยนแปลงของบีมนะคะ 

ทุก ๆ ครั้งที่บีมได้กลับมาดูรูปเก่า ๆ ของตัวเอง (ซึ่งตัวบีมเองเป็นคนชอบดูรูปภาพเก่า ๆ ทั้งของตัวเองและทุกสิ่งค่ะ) และเรามาคิดถึงสิ่งที่เราเป็นในวันนี้ สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ
  • ภาพตัวเองในวันเก่า ๆ ที่เคยเป็นคนเก็บสารพัด "ขี้" ไว้กับใจตัวเอง 
  • ภาพตัวเองในวันเก่า ๆ ที่เคยใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขในจิตใจแท้จริงเลย
  • ขอบคุณอะไรก็ตามที่มาดลใจให้ตัวเองได้กลับบ้านและเริ่มการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต
  • ขอบคุณอะไรก็ตามที่มาช่วยดลใจให้เข้าใกล้ธรรมะและความดีมากขึ้น
  • ขอบคุณทุกสิ่งที่เลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น แม้กระทั่ง "การเป็นสิว" ที่ผ่านมา เพราะมันทำให้ตัวบีมสามารถทำอะไรให้เพื่อนๆ ที่เป็นสิวได้มากมายอย่างนี้ทุกวันนี้
เพราะถ้าหากบีมไม่เคยเป็นสิวมาก่อน บีมไม่เคยเป็นคนที่ไม่มีความสุขแท้จริงมาก่อน แล้วบีมไม่เคยแก้ปัญหาและก้าวข้ามมันผ่านมา 

บีมคงไม่มีความเข้าใจคนเป็นสิวจริง ๆ และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้เพื่อน ๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรนี้หลุดออกมาจากวงจรชีวิตแบบเดิม ๆ 

ดังนั้น บีมจึงขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ทั้งดีและร้าย 

เพราะมันล้วนเป็นส่วนประกอบให้ชีวิตเรามาถึงตรงนี้

อย่าปิดกั้นตัวเองในโลกเดิม ๆ ค่ะ ไม่มีใครทำเหตุเดิม ๆ แล้วได้ผลใหม่ค่ะ

เราอยากเปลี่ยนโลก เราต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน

พระพุทธองค์กล่าวว่า โลกทั้งใบนี้เป็นผลมาจาก "จิต" แค่ตัวเดียวค่ะ

ท่านพุทธทาสกล่าวว่า ดูแลรักษาใจของตัวเองให้ดีก่อน เหมือนขับรถบนถนน ดูแลการขับรถของตัวเองให้ดี คนอื่นจะเป็นอย่างไร เราคงไปทำอะไรเขาไม่ได้ 

และมีสิ่งที่บีมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองเปิดใจอ่าน เปิดใจรับฟังเพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่ชีวิต

บีมมี Idol หลายคน แต่ที่สำคัญและเป็นพื้นฐานของความคิดมาจนถึงทุกวันนี้คือ

คุณตา - Idol แห่งการทำธุรกิจส่วนตัว ใช้ชีวิตเรียบง่าย รู้จักคุณค่าของเงินและสิ่งของ รองเท้าคู่หนึ่ง เสื้อชุดหนึ่ง ใช้จนพังถึงจะซื้อใหม่ และ Idol ของคุณตาอีกทีคือ ในหลวงค่ะ บีมจึงนับถือทั้ง 2 ท่านเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต


หนังสือ The Alchemist โดย Paulo Coelho ซึ่งหนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของบีมในช่วงชีวิตที่เหนื่อยยากที่ผ่านมาค่ะ หนังสือเป็นสิ่งเดียวที่บีมพึ่งพิง การอ่านหนังสือเล่มนี้ แม้บีมจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันเท่าไหร่ในตอนนั้น แต่บีมรู้สึกได้ว่า ได้พลังแห่งการทำตามเสียงหัวใจของตัวเองจากเล่มนี้ ทลายความคาดหวังจากสังคมและสิ่งอื่น ๆ (นั่นทำให้ดูแรงและรั้นมากในตอนนั้นด้วย) ประโยคเด็ดที่บีมชอบ คืออันนี้ค่ะ เมื่อเราต้องการบางสิ่ง, สรรพสิ่งในจักรวาลจะโน้มเข้ามาช่วยคุณเอง (ซึ่งหมายถึงว่า เราต้องการสิ่งนั้นและลงมือทำนะคะ ไม่ใช่ต้องการ แล้วขอ แล้วงอมืองอเท้า)



เจ้าชายน้อย หนังสือเล่มนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และบีมก็ไม่ได้อ่านนานแล้วค่ะ เป็นหนังสือแนวปรัชญาอีกเล่มที่บีมรู้จักตอนเรียนมหาวิทยาลัยเพราะอาจารย์ท่านให้อ่านค่ะ อ่านแบบงง ๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะฝังรากลึกในหัวเราไปถึงก้นบึ้ง แต่จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้คือ การคิดต่าง เราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนใคร ไม่มีอะไรถูกผิด เราไม่จำเป็นต้องคิดในกรอบที่เขาให้มาค่ะ การคิดนอกกรอบเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าให้แก่สังคม อะไรที่นอกกรอบแล้วทำร้ายตัวเอง คนอื่น สังคม ไม่ถือว่าเป็นการคิดนอกกรอบค่ะ และวลีเด็ดที่ยังอยู่ในใจบีมมาตลอดคือ "สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยดวงใจเท่านั้น” ซึ่งอ่านแล้วจะงง ๆ ต้องใช้ใจสัมผัสคำพูดนี้ถึงจะรู้ค่ะว่าหมายถึงอะไร

Steve Jobs บีมไม่ได้มีเขาเป็นแรงบันดาลใจอะไรแต่แรกค่ะ เพราะเมื่อก่อนนี้กับ IT ไม่ถูกกันเลย ไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจ เลยไม่รู้จักว่าเขาดังขนาดไหน แต่เมื่อเขาเสียชีวิต ก็ได้มาอ่านบทความในนิตยสาร Secret เกี่ยวกับเขา และสนใจไปหาหนังสืออัตชีวประวัติของเขามาอ่านต่อ ก็รู้สึกเลยว่า ต้องเก็บเข้าทำเนียบ Idol อีกคน ที่ชอบเพราะบีมมีบางส่วนที่คล้ายกับชีวิตเขาเมื่อก่อน ลักษณะนิสัยหลายอย่าง แต่บีมคงไม่แรงเท่าเขาแน่ แต่เขาเป็น Soul Searcher ตัวยงเมื่อสมัยยังวัยรุ่น เป็นผู้ที่ได้พยายามหาคำตอบสำหรับคำถามสำคัญในชีวิตว่า "เราเกิดมาทำไม" และเขาเลือกแนว Zen ในการดำเนินชีวิตและการทำงานในเวลาต่อมา ทำให้ Apple ประสบความสำเร็จอย่างสูง บีมชอบหลาย Quote ของเขาค่ะ แต่อันนึงที่ชอบมากเหมือนกัน คือ ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ทำตามเสียงหัวใจตัวเอง



และยังมีอีกคู่หูคือ คุณตันกับคุณโน้ส อุดม ค่ะ สำหรับคุณโน้สคือ คนที่ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเอง อย่างมีเหตุผล และอยู่ในมุมที่พอดี 

สำหรับคุณตัน บีมยังไม่เคยอ่านหนังสือ แต่มีคำคมที่พึ่งเจอเมื่อวานนี้ค่ะ อ่านแล้วประทับใจและค่อนข้างตรงกับสิ่งที่บีมคิด

"ความเพ้อฝัน เป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยที่สุดของมนุษย์ ก่อนที่เราทำสำเร็จ คนส่วนใหญ่หาว่าเราบ้า แต่ถ้าเราทำสำเร็จแล้ว จะถูกเรียกว่าปาฎิหาริย์"

ที่ว่าตรงคือ ก่อนหน้านี้ที่บีมฝันถึงชีวิตที่ได้ทำธุรกิจของตัวเอง ได้เลี้ยงลูกเอง ได้กำหนดเวลาทำงานเอง และได้หายจากสิวด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งหมอพึ่งยาตลอดไป

ใครเขาฟัง เขาก็ทำหน้าไม่เชื่อว่า "อย่างเธอจะทำได้เหรอ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก"

เลยเป็นฝันที่เก็บเงียบ ๆ อยู่ในใจ 

แต่บีมรู้ว่า ทุกอย่างที่บีมคิด ทุกอย่างที่ฝัน มันจะเป็นจริงแน่ แค่ไม่รู้วันไหน แต่บีมเป็นคนที่ถ้าคิดจะทำแล้ว จะต้องหาทางทำให้ได้ ต้องทำสำเร็จ บีมรู้ว่าบีมมีพลังนั้น แต่แค่ต้องเก็บรักษาฝันนั้นไว้เสมอ เก็บเป้าหมายของเราเสมอ ตรวจสอบเสมอว่ามันยังใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่ไหม ซึ่งมันต้องใช้ "การฟังเสียงหัวใจตัวเอง" นำทางค่ะ ซึ่งต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน เมื่อใจบอกอย่างไร ต้องรีบฟัง ถ้าละเลย แล้วเราก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียงจากใจเรา (จาก The Alchemist) จนนาน ๆ ไป เราจะไม่ได้ยิน และใช้ชีวิตแบบตาบอดหูหนวก ไม่รู้จักตัวเอง ไปตามกระแส ซึ่งจะทำให้เราไม่รู้จักคุณค่าของตัวเองที่แท้จริง ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดหมาย ไม่สามารถสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเอง และทำสิ่งสร้างสรรค์ให้สังคมกับคนรอบตัวได้มากเลย
และในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นจริง...

ทุกอย่างเป็นไปได้ค่ะ

อยู่ที่ "ใจ" ของเรา :)

สุดท้ายนี้ บีมขออวยพรให้ปีหน้า เป็นปีที่ทุกคนจะได้รับอะไรใหม่ ๆ จากการทำเหตุใหม่ ๆ ให้ตัวเองนะคะ

และขอให้มีสุขภาพกายและใจสมบูรณ์แข็งแรงตลอดไปนะคะ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตที่มีพลังและสร้างสรรค์ต่อไปค่ะ

บีม
28-12-55 เวลา 8.51 น.

ความคิดเห็น