คุณถาม-บีมตอบ: การล้างพิษคืออะไร





สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่บีมมักจะพูดถึงเสมอเวลาที่มีผู้สนใจรายใหม่ ๆ สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับวิธีการรักษาสิวตามแบบฉบับของเรา คือ การล้างพิษที่สะสมคั่งค้างอยู่ในร่างกายของเรามาเป็นเวลาแสนนาน ซึ่งพิษก็คือ อะไรก็ตามที่เป็นส่วนเกิน เป็นสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการแล้วและต้องการขับออกไป แต่ด้วยวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันของเราได้ทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายบกพร่องและเสียสมดุลจนไม่สามารถจัดการกับของเสียในแต่ละวันได้และเกิดการหมักหมมคั่งค้าง เมื่อทิ้งเอาไว้นานก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา รวมไปถึงสิวด้วยนั่นเองค่ะ

เมื่อเราพูดถึงการล้างพิษ บีมมั่นใจว่าแต่ละคนจะมีความเข้าใจต่อคำว่า “ล้างพิษ” หรือ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Detoxification” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Detox ไม่เหมือนกัน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า หลายคนเข้าใจว่า การล้างพิษ คือ การสวนลำไส้ นั่นเองใช่ไหมล่ะคะ
         
          แต่ในวิธีการรักษาสิวของเรานั้น บีมอยากทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนว่า เวลาที่บีมพูดคำว่า “ล้างพิษ” แท้จริงหมายถึงอะไร จะได้นำไปปรับใช้ให้ถูกวิธีค่ะ

          การล้างพิษในทัศนคติและวิธีปฏิบัติของบีม ประกอบไปด้วยองค์ประกอบดังนี้

1.    การล้างของที่ร่างกายไม่ต้องการทั้งที่ตกค้างมานานแล้วและของที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ออกไป
2.    การไม่รับของที่ร่างกายไม่ต้องการเข้ามาใหม่
3.    การบำรุงดูแลร่างกายให้มีภาวะสมดุลอยู่เสมอเพื่อป้องกันการการสะสมของของเสียใหม่ ๆ

บีมมานิยามคำบางคำต่อนะคะเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้น

1.    การล้าง หมายถึง การใช้วิธีการใด ๆ ก็ตามในการกัดเซาะ ขัดและล้างของเสียทั้งเก่าและใหม่ออกจากร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น

·         ไขมันที่เคลือบลำไส้มักจะต้องใช้การสวนลำไส้เพื่อกำจัดไขมันเหล่านี้ออกมา หากไม่ออกก็จำเป็นต้องทานสิ่งที่มีฤทธิ์ในการกัดเซาะหรือทำให้ไขมันแตกตัวเช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล (apple cider) ที่อุ่นเป็นประจำทุกวันพร้อมทำการสวนลำไส้และทานอาหารมีใยอาหารสูง ๆ เช่น น้ำปั่นผักผลไม้ที่มีกาก (แต่ปั่นละเอียด) ในการช่วยล้างของเสียลักษณะนี้ออกมา
·         ของเสียตกค้างประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ อาจทานน้ำปั่นสับปะรดหรือมะละกอเพื่อช่วยในการย่อยของเสียประเภทนี้ก่อนเพื่อให้ถูกกำจัดด้วยการสวนลำไส้หรือการทานอาหารเสริมประเภทเส้นใยอาหาร (ไฟเบอร์หรือไซเลียมฮัสก์) ไปได้ง่ายมากขึ้น
·         นิ่วในตับและถุงน้ำดีก็จะมีวิธีการล้างแบบพิเศษอื่น ๆ ไปอีก ซึ่งก็จะมีทั้งกระบวนการทำให้ร่างกายชุ่มน้ำ ล้างของเสียในลำไส้เพื่อให้ทางสะดวกสำหรับการกำจัดนิ่วที่ถูกขับออกมาไปทางลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
·         อารมณ์ลบที่เกิดขึ้นจากการถูกกระทบโดยโลกธรรมและความทุกข์ (การเปลี่ยนแปลง) ในชีวิตประจำวันต้องสะสางและล้างด้วยการหายใจเข้าออกยาว ๆ ลึก ๆ ช้า ๆ ใช้จินตนาการปลดปล่อยอารมณ์ลบ ใช้สมาธิและการสวดมนต์ในการกำจัดอารมณ์ลบที่ฝังในจิตใจทั้งที่เป็นความจำระยะสั้นและฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกหรือไร้สำนึก ในบางคนอาจต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ช่วย เช่น จิตวิทยาปรึกษาหรือการสะกดจิตบำบัด

2.    ของที่ร่างกายไม่ต้องการ เช่น
·         ฮอร์โมนหรือสารอาหารบางอย่างที่เราได้รับมากเกินไปโดยเทียบจากน้ำหนักและมวลสารของร่างกายของเรา
·         มลพิษจากสภาพแวดล้อม เช่น ควันเสียต่าง ๆ น้ำเสีย น้ำมีสิ่งเจือปน
·         พยาธิ ปรสิต จุลินทรีย์ชนิดไม่ดีในลำไส้
·         อารมณ์และนิสัยด้านลบ เช่น โกรธ เกลียด อิจฉา ริษยา ปองร้าย พยาบาท เศร้าซึม ฯลฯ
·         ทุกสิ่งที่ร่างกายได้รับแล้วทำให้เกิดอาการต่อต้าน เจ็บป่วยทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง

3.    ตกค้างมานานแล้ว เช่น
·         ตะกรันที่ผนังลำไส้ที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่บริโภคเส้นใยอาหารจากผักผลไม้ ข้าวกล้องและธัญพืช
·         ทานอาหารย่อยยาก ทำให้มีของเสียจากกระบวนการย่อยมากและไม่ถูกขับออกทั้งหมดในแต่ละวัน
·         การนอนดึกอย่างต่อเนื่องที่ทำให้มีภาวะไขมันเสียล้นเกินสะสมที่ตับ ถุงน้ำดี และผนังลำไส้
·         การไม่ออกกำลังกาย และมีจิตใจที่แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ทำให้เลือดลมไม่หมุนเวียน ติดขัด การขนส่งสารอาหารทำได้ยากและการขนถ่ายของเสียจากเซลล์ไม่ดีนัก ทำให้ของเสียสะสมอยู่ตามผิวหนัง ทำให้ผิวหมองคล้ำ เป็นสิว ฝ้า เป็นต้น
·         ความผิดฝังใจ ความกลัวฝังใจบางอย่างที่เจ้าตัวอาจไม่ทราบสาเหตุ จำไม่ได้ แต่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจและจิตวิญญาณไปแล้ว

4.    ของที่พึ่งเกิดใหม่ หมายถึง ของเสียที่เกิดจากกระบวนการประจำวันของเซลล์ คนเรามีการกินอาหาร การดื่มน้ำ การออกกำลังกาย การใช้พลังงาน และการขับถ่ายของเสียฉันใด เซลล์ก็เป็นฉันนั้นค่ะ เขาจะเป็นเสมือนตัวเราแบบย่อส่วน ความคิดจิตใจก็จะเหมือนเราเป๊ะเช่นกัน ทุกส่วนของเราคือเซลล์ ดังนั้น ทุก ๆ เสี้ยวของเสี้ยววินาทีมีของเสียจากกระบวนการของเซลล์เกิดขึ้นตลอดเวลา

5.    การบำรุงดูแลร่างกาย หมายถึง การดูแลด้วยอาหารที่มีประโยชน์และร่างกายต้องการจริง ๆ ไม่เป็นภาระต่อร่างกาย รวมไปถึงการรักษาภาวะจิตใจ การออกกำลัง การนอนหลับ การพักผ่อน ให้อยู่ในจุดสมดุลเสมอตามหลักหยินหยางค่ะ

6.    ภาวะสมดุล หมายถึง ภาวะที่ร่างกายกำลังสบาย ไม่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลงภายในตลอดเวลา เมื่อมีสิ่งกระตุ้นใหม่ ๆ เช่น การทานอาหารมื้อใหม่ กระบวนการเคมีในตับระลอกใหม่ อากาศที่หนาวไป น้ำที่ร้อนไป ทุกปัจจัยล้วนทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง หน้าที่ของเราคือ รักษาสมดุลให้คงอยู่ค่ะ และยังรวมไปถึงอารมณ์ที่ต้องรักษาให้เป็นปกติ ไม่ดีใจ เสียใจ มากเกินไป ไม่ตื่นเต้นมากไป เข้าใจในความธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นปกติ

7.    การสะสมของของเสียใหม่ ๆ หมายถึง ของเสียที่เกิดขึ้นทุก ๆ เสี้ยวของเสี้ยววินาทีที่กล่าวถึงไปแล้วนั้นไม่สามารถออกจากระบบร่างกายได้ทันเวลา หรือร่างกายไม่สามารถจัดการกับของเสียดังกล่าวได้ดี เราสามารถเรียกว่าระบบการกำจัดของเสียและรีไซเคิลของร่างกายบกพร่อง (Impaired Waste Management & Recycle System) เพราะโดยปกติแล้ว ร่างกายของเราเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาเป็นพิเศษ เช่น
·         สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ (มีบาดแผลแล้วสร้างกลไกทำให้เลือดหยุดไหลและปากแผลปิดสนิท)
·         สามารถล้างพิษด้วยตัวเองได้ (ยามค่ำคืน หากตับมีพลังงานและสารอาหารเพียงพอ เขาจะสามารถล้างพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักของเสียออกตามช่องทางต่าง ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะ(ของเสียที่ละลายในน้ำ) ลำไส้ใหญ่ (ของเสียที่ละลายในไขมัน) ผิวหนัง (หน้ามันตอนเช้า เป็นกันใช่มั้ยล่ะคะ) และตอนเช้าเราก็กระตุ้นด้วยการออกกำลังเบา ๆ การดื่มน้ำ 2 แก้วช่วยในการกระตุ้นการขับของเสียและล้างของเสียออกมาภายในเวลาตี 5-7 โมงเช้า

ถ้าหากตับและระบบต่าง ๆ เหล่านี้บกพร่องเสียแล้ว ของเสียก็จะสะสมทุกวันไปเรื่อย ๆ นาน ๆ เข้าก็ตกตะกอนกลายเป็นนิ่วบ้าง เป็นซีสต์ เป็นก้อนเนื้อ เป็นสิว ฯลฯ แล้วแต่ว่าของเสียประเภทไหนจะตกตะกอนเยอะกว่ากันนั่นเองค่ะ


จากสิ่งที่บีมอธิบายไป บีมขอสรุปรวบยอดอีกครั้งนะคะ เพื่อตอบคำถามว่า การล้างพิษคืออะไร

·         การล้างพิษ คือ วิธีการล้างของที่ร่างกายไม่ต้องการใช้แล้วหรือเป็นส่วนเกินออกไป

·         ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น
o   การขูดกัวซาเพื่อระบายพิษและความร้อนออกจากผิวหนัง
o   การอบซาวน่า/อบสตีม/อบแดด เพื่อให้ของเสียระบายไปกับเหงื่อและออกทางรูขุมขน
o   การสวนลำไส้ด้วยของเหลวต่าง ๆ เช่น ย่านาง (เพื่อลดความร้อน) กาแฟ (กระตุ้นให้ตับกำจัดของเสีย) หรือน้ำมะนาว (ล้างไขมัน) หรือแม้กระทั่งน้ำอุ่นธรรมดา
o   การดื่มชาสมุนไพรหรือของเหลวบางประเภทเพื่อเซาะหรือล้างของเสียจากเซลล์ให้มาอยู่ในเลือด เป็นต้น

·         ช่องทางการระบายพิษมีหลายช่องทาง คือ ลำไส้ใหญ่ ท่อปัสสาวะ รูขุมขน จมูก (หายใจออก) และผู้หญิงมีช่องทางพิเศษคือ ประจำเดือน

·         ดังนั้น การล้างพิษ ไม่ใช่การสวนไส้ แต่การสวนลำไส้เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่จะช่วยล้างพิษได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะของเสียปริมาณมากสุดจะอยู่ที่นี่นั่นเอง ถ้าล้างจุดนี้ไปได้ก็จะทำให้ร่างกายปลดพิษไปได้เร็วขึ้นค่ะ และจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้นด้วยเพราะถ้าพิษลดลง ตับก็ทำงานลดลง เพราะหน้าที่ของตับที่สำคัญอีกอย่างคือ การล้างพิษ กรองพิษให้ร่างกายค่ะ

·         การล้างพิษอาจมีอาการซ่านพิษเกิดขึ้นได้ซึ่งจะอธิบายต่อไปค่ะ

ความคิดเห็น