ประวัติการเป็นสิวและการรักษาสิวด้วยตัวเอง

4 คลิปนี้เป็น 4 คลิปที่พึ่งอัดไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน (ต้นเดือนมีนาคม 2554) นี้เองค่ะ สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านแต่ชอบดูและฟังโดยเฉพาะค่ะ เป็นเรื่องราวของบีมทั้งหมดเลย...

รับชมได้เลยค่ะ...










ประมวลรูป Before-After ทั้งหมด คลิกดูที่นี่ ค่ะ

ส่วนด้านล่างนี้ภาคตัวหนังสือค่ะ

ในหน้านี้บีมขอใช้เป็นพื้นที่เขียนเรื่องเล่าของตัวเองพร้อมตอบคำถามที่ลูกค้าหรือผู้สนใจสอบถามเข้ามาบ่อยค่ะ 

เรื่องสิวของบีมเริ่มต้นเมื่ออายุได้ 11 ปี น่าจะประมาณชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ ตอนนั้นจำได้ว่า
เริ่มเป็นสิวที่หน้าผากและเป็นสิวเสี้ยนที่จมูก แต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนๆ เป็นกัน ประจำเดือนก็มาแล้ว
ณ ตอนนั้น สรุปว่าเป็นผู้ใหญ่เร็ว ว่าอย่างนั้นค่ะ

ตอนนั้นข้อมูลรักษาสิว หรือนวัตกรรมอะไรต่างๆ เกี่ยวกับผิวหนังมันไม่เยอะขนาดนี้ (ไม่มีเลยก็ว่าได้ค่ะ)
และจังหวัดที่บีมอยู่ก็ไม่ใช่เมืองใหญ่ด้วย เป็นจังหวัดสงบ ๆ เล็ก ๆ ที่คนส่วนใหญ่เค้าไม่มีปัญหาสิวกัน
คุณแม่ของบีมเห็นว่ามีสิว ด้วยความเป็นห่วง ท่านก็หาผลิตภัณฑ์มาให้ใช้ โพลาบ้าง สบู่น้ำผึ้งบ้าง
แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลยนะคะ ก็กลุ้มใจทั้งแม่ทั้งลูกล่ะค่ะ พอชั้น ป.6 สิวก็เยอะขึ้น ที่หน้าผากจะเป็น
สิวข้าวสารเต็มเลย และมันก็จะขึ้นมาอักเสบบ้างอะไรบ้าง พี่ที่ร้านเสริมสวยที่คุณแม่ชอบไปทำผม
เห็นหน้าบีมทีไรก็บอกว่า "ว่างๆ แวะมานะ น้าจะบีบออกให้ เห็นแล้วมันเขี้ยว" T_T

พอสอบติดที่โรงเรียนดังที่เชียงใหม่ ก็เห็นเพื่อนไปหาหมอแล้วหน้าใส ก็ถามเค้าว่าไปที่ไหนน่ะ
เราก็ไปบ้างค่ะ เป็นคลินิกมีชื่อล่ะค่ะ ก็แหม...เชีียงใหม่นี่คะ ย่อมมีอะไรเยอะกว่าบ้านเดิมอยู่แล้ว ^^
ไปหาครั้งแรกคุณแม่ก็ไปส่งค่ะ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเสียเงินเรื่องสิวตลอดมา

2 สัปดาห์เท่านั้นค่ะ เกลี้ยง...จำได้ว่ามี ยาแก้อักเสบเม็ดสีแดง ๆ ยาฆ่าเชื้อยีสต์ ยาละลายอุดตัน
เนื้อเขียว ๆ เหม็น ๆ มอยเจอร์ กันแดด แต้มสิว โดยที่ไม่ต้องใช้เจลล้างหน้าอะไรเลย

ก็นัดไปทุกสัปดาห์ จนเราคิดว่าหายดีแล้ว ก็เลิกไปหา แล้วมันก็กลับมา จากที่ไม่เคยเป็นที่แก้ม
มันก็เริ่มขึ้น ตกใจมาก ก็กลัว...ก็กลับไปหาอีก

พอหาย ก็หยุดยา หยุดหาหมอ ประมาณ 2-3 เดือนพอยาเริ่มหมด มันก็ขึ้นอีกเรื่อย ๆ ใ้ช้ผลิตภัณฑ์อื่น
เหมือนเพื่อน ๆ ที่หอพักก็ไม่ได้

เริ่มรู้สึกแล้วว่า "ทำไมฟ้าต้องกลั่นแกล้งด้วย"

ก็เป็นวงจรแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นตลอดตั้งแต่อายุ 13 จนถึงประมาณ 23-24 ปี ก็คงจะวงจรเดียวกับทุกคน
ที่แวะเข้ามาที่เว็บนี้ใช่มั้ยคะ

หาหมอ >>>> เลิกหา หยุดยา >>>> ลองใ้ช้ผลิตภัณฑ์อื่น >>>> สิวขึ้น >>>> กลับมาหาเหมือนเดิม

ผิวหน้าอย่าได้พูดถึงค่ะ....หน้าแก่แต่ เด็กเชียว...T_T อิจฉาเพื่อนร่วมรุ่นมาก ๆ ยิ่งสาวเหนือ
เรื่องผิวนี่สุดยอดอยู่แล้ว (เราก็สาวเหนือ แต่ทำไมเป็นเยี่ยงนี้ น่าน้อยใจยิ่งนัก)

เป็นธรรมดาของเด็กสาวคนนึงที่จะแอบอิจฉาเพื่อน ๆ ที่หน้าไม่มีสิว & ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ไปไหนก็มีหนุ่มมารุมตอม

เวลาไปเข้าค่าย มีเรานี่แหละ จะต้องกังวลว่า สิวจะขึ้น ต้องพกยาทาสิวไปด้วยตลอด เล่นน้ำทะเลก็หน้าดำเร็วกว่าคนอื่นเค้า ทำกิจกรรมอะไรถ้าไม่ได้ซับหน้านี่จะโทรมสุดฤทธิ์เลยทีเดียว
ทั้งหน้ามัน รูขุมขนกว้าง หน้าเหม็นยา ทาแป้งไม่เนียน

รู้สึกเลยว่า อย่าให้ชายใดได้เข้าใกล้เลย...อายเค้า อะอะ (ตอนนั้นขำไม่ออกหรอกค่ะ เนอะ)
นั่นล่ะค่ะ ก็เป็นแบบนั้นเสมอมา

ยิ่งตอน ม.ปลายนี่ เครียดมาก ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสอบ ฯลฯ นอนตี 2-3 ทุกวันตั้งแต่ประมาณเทอม 2 ของ ม.4

อ่านหนังสือตั้งแต่ 6 โมงกว่า ๆ ถึงเที่ยงคืนหรือดึกกว่านั้นเพราะเราไม่เก่งเท่าคนอื่น
ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว

แล้ว ม.ปลายนี้เองที่หมอคลินิกที่ว่าั้นั้นเริ่มจ่าย โรแอคคิวเทน
บอกแล้วค่ะว่า ตอนนั้นข้อมูลเรื่องสิวไม่ได้เยอะขนาดนี้ อินเตอร์เน็ตก็ไม่บูมและหา่ง่ายขนาดนี้
ก็กินมันเข้าไปค่ะ หมอจ่ายแล้วนี่ แต่งงว่าทำไมต้องให้เซ็นต์อะไรว่าจะต้องไม่ท้องด้วย ??

แม่เจ้า...สิวยุบเร็วจริง หน้าใส้ใส...แต่ทานได้สัก 2 เดือนกว่า รู้สึกผมน้อยลงนะ ผมร่วงเยอะขึ้น
ตาแห้ง ๆ ทำให้อาการภูมิแพ้และคันรอบดวงตาเกิดขึ้นด้วย ปัญหาสุขภาพเยอะมากค่ะ
แต่ตอนนั้นไม่รู้อะไรหรอกค่ะว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรบ้าง รู้แต่ว่าอะไรที่เป็นโรคประจำตัวเลย คือ
ปวดท้อและเหมือนท้องเสียทุกวัน ซึ่งพึ่งมารู้ปีก่อนนี้เองค่ะว่า นั่นเป็นอาการข้างเีคียงจากการทานยาแก้อักเสบ

สรุปว่า มีปัญหาทั้งปัญหาสุขภาพ ผิวพรรณ เซลลูไลท์และสิว หมดความมั่นใจนะ

ตอนเข้าปี 1 เพื่อนที่โต๊ะบอกว่าลองสมัครเชียร์หลีดคณะดูสิ แต่เราไม่มีความมั่นใจใด ๆ เลย
ไม่รู้มันมาจากไหน แต่ก็ไม่สมัคร ไม่ลองดูเพราะไม่มั่นใจ (แหม ก็เรารู้ตัวว่าผิวไม่สวยอย่างคนอื่น
จะสมัครทำไมให้เสียเวลา) แต่ตอนปี 1 นั้นหน้ายังใสจากยาหมออยู่ค่ะ 
ก็แหม...อุตส่าห์ได้เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ ก็ต้องสวยก่อนไปซะหน่อยใช่มั้ยคะ
พอเทอม 2 ก็จะมีฟุตบอลประเพณีระหว่าง 2 สถาบัน ส่งใบสมัครเข้าร่วมกิจกรรมไปแล้วค่ะ
แต่ที่ชีวิตผิดพลาดเพราะดันไปศูนย์ความงามใต้ตึกชาญอิสสระ 2 เพราะเห็นโฆษณาในนิตยสารมีชื่อค่ะว่า 

ที่นี่รักษาผิวโดยสร้างผิวใหม่ ไม่ต้องกินยาเลย เราหาแบบนี้มานานละ และฝันหวานว่า
เดี๋ยวเราก็จะมีผิวดีแบบไม่ต้องทาแป้งกลบผิวจริงก่อนจะมีการสัมภาษณ์และคัด ตัวผู้ร่วมกิจกรรมสินะ
หาไป 1 เดือน บอกคำเดียวค่ะว่า "เยิน" อย่างถึงที่สุด อาจจะเพราะเรางบน้อยด้วย
คนอื่น ๆ เค้ามีตังค์เป็นหมื่น ๆ มาล้างพิษจากภายในด้วย แต่เราเ็ป็นแค่นักศึกษาแอบคุณแม่มาหาเค้านี่....

จะไปเอาเงินหมื่นมาจากไหน ก็ได้เฉพาะชุดที่ใช้กับผิวหน้าทั้งหมดประมาณ 3 พันกว่า ๆ ค่ะ
สำหรับเราััมันเยอะมากนะ

คนรอบตัวเราเห็นสิวเราแล้ว....ทำหน้าข้องใจ สงสัย สังเวช สงสาร ฯลฯ สารพัดจะอ่านได้จากแววตาค่ะ
ไม่อยากไปเรียนเลย...แต่ก็ต้องไป

แต่เรียนเสร็จก็กลับ ไม่ทำกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่เราน่าจะได้ทำเพราะอยู่แค่ปี 1 เอง
ควรเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวอะไรดี ๆ มากมาย พลาดค่ะ เสียทั้งเงิน เีสียโอกาส เสียเวลา
เสียกำลังใจ อยากฆ่าตัวตายทุกครั้งที่อยู่ห้องคนเดียว แต่ก็รักแม่น่ะค่ะ ไม่ทำละกัน...แต่เจ็บปวดใจ
และเจ็บปวดผิวมาก ๆ ทั้งบวม แดง นอนทับสิวตัวเองไม่ได้เลย ร้องไห้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว

เพราะเ็ก็บตัวอ่านแต่หนังสือนี่แหละ เทอมนั้นเลยได้ 4.00 ซะเลย สะใจมากค่ะ พอทุกข์ปั๊บ
จะเลิกมองกระจกค่ะ และจับหนังสือแทน เพราะ copy แนวคิดของรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่ามาค่ะ
เค้าเรียนหรือได้รางวัลอะไรนี่ล่ะ คุณครูสัมภาษณ์ถามเคล็ดลับ เค้าบอกว่า เวลาอกหักให้หยิบ
หนังสือมาอ่านเลย ยิ่งคิดถึงคนนั้น ยิ่งจะอ่านให้มันลืม ๆ บีมก็เลยเอามาใช้บ้างค่ะ
อย่างน้อยก็ยังมีอะไรทดแทนกันล่ะน่า สิวขึ้นแต่ได้เกรดสี่เต็มขั้น ก็ยังดี...ชีวิตไม่ได้แย่ขนาดนั้น
จากนั้นก็กลับไปซบอกคลินิกเดิมที่เคยซบสมัยอยู่เชียงใหม่ แต่เค้ามีสาขาอยู่ทั่วประเทศล่ะค่ะ
กลับไปใช้ยาชุดเดิม แววตาคุณหมอและคนกดสิวมองด้วยความฉงนว่าเธอไปทำอะไรมา ทำไมเบินขนาดนี้

ก็ดีขึ้นค่ะ แต่ผิวแลดูจะเสียถาวร คิดว่าเป็นหลุมแน่นอน แถมที่แนวกรามและคางก็จะเป็นไขมันขาว ๆ
อยู่ใต้ผิวเต็มเลยและกดไม่ออกด้วยค่ะ
ก็ทำใจตั้งแต่นั้นมา ....

และก็ดั้นไปเปลี่ยนคลินิกอีก เพราะไม่อยากให้ผิวติดยาของคลินิกนั้น เปลี่ยนเองโดยกะทันหัน
คลินิกอีกเจ้าเชียร์ให้ขัดหน้าสิคะ เราจะไปรู้อะไร อ่ะ ขัดก็ขัด
ผลคือ เยินระลอกสอง คราวนี้เจ็บปวดกว่าเดิม...
ก็ต้องกลับมาซบที่เดิมและโดนหมอตำหนิอีก...T_T
ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะทีนี้...จำใจหาเรื่อยไป

จนหน้าค่อย ๆ ดีขึ้น และเริ่มได้ใช้เครื่องสำอาง Artistry และอาหารเสริมนี่แหละ ก็เริ่มเชื่อว่า
สิวมันหายได้โดยไม่ต้องใช้ยาและกินยานะ เชื่อว่าอาหารเสริมช่วยให้สิวและผิวดีขึ้นได้จริง
เครื่องสำอางช่วยได้จริง แต่มันแพงน่ะค่ะ ซื้อตลอดไม่ไหว จนวันที่เราเลิกทำ Amway
ก็ต้องไปหาทางเลือกอื่นอีก

ตอนนั้นเริ่มได้เข้าดูข้อมูลในเน็ตแล้ว ล่ะ และดูในเว็บ AcneThai ด้วย สรุปว่าดิฉันต้องใช้ BP ใช่มั้ยนี่
ก็ใ้ช้ค่ะ ก็โอเค แต่ทำไมรูขุมขนกว้างอยู่ล่ะ แล้วตัวล้างหน้าจะใช้อะไรดี

พอจะสมัครงานใหม่ทีก็ต้องหาหมอที เพราะผิวต้องดีใช่มั้ยคะ
พอทำงานไปสักพักก็เลิกหาหมอและไปใช้อย่างอื่นอีกละ

ตอนทำงานอยู่กรุงเทพ ก็ตระเวนหาล่ะค่ะ อะไรที่มีชื่อก็ไปหา...
สรุปไม่มียาไหนดีเท่าคลินิกแรกในชีวิตเราอีกแล้ว แต่ทำไมมันต้องหาตลอดเนี่ย...กรรมอะไรของชั้น
จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสไปทำงานที่กรุง กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย แต่ดีที่งานที่นั่นไม่ต้องเจอคนเยอะ
เจอแต่เพื่อนร่วมงานค่ะ และที่สำคัญสังคมที่ันั่นเค้าไม่เหมือนบ้านเราค่ะ ขนาดหน้าเราเป็นสิว
ผิวก็ไม่ได้ดีอะไร เค้ายังบอกว่าเราน่ารักเลย แถมมีีคนมาจีบอีก เราก็คิดว่า แบบนี้ก็ดีละ
แสดงว่าหน้าเราคงไม่เป็นอะไรมาก ก็เลยมีโอกาสได้ปล่อยผิวอย่างนั้นล่ะ ไม่ได้ไปหาหมอที่ไหนค่ะ
เพราะที่นั่นได้ยินว่าคลินิกมันแพงมาก ไม่เอาดีกว่า บางทีถ้ามันขึ้นเยอะไปก็จิ๊กเอายา
ที่พี่ซื้อจากคลินิกดั้งเดิมของเราั้นั้น ไปใช้ด้วย

ก็พยายามหาเวชสำอางและเครื่องสำอางแบรนด์ที่เป็้นเซ็ตสิว
ก็ทดลองใช้ไปเรื่อย ๆ มันก็พยุงได้ แต่ก็ไม่ดีขึ้น

จนในที่สุดก็เจอข้อมูลที่เว็บ www.acne.org ที่บอกว่าใช้ BP
ทาทิ้งไว้แล้วลงมอยเจอร์ตามเยอะ ๆ ผิวจะใสหายสิวเอง
เราก็เอาเลยค่ะ หาซื้อ BP มาทำมั่ง

ตอนแรกใสมาก กิ๊งเลย ใ้้ช้วิธีนี้ไปสักเดือน...โอ้โห...ผิวหยาบเลย แต่ถ้าไม่จับจะดูใสมากนะคะ
แต่จริง ๆ แล้วเรารู้สึกเลยว่าผิวหน้ากับผิวคอด้านล่างแทบจะคนละเรื่องเลย สากมาก ๆ เหมือนไม่ใช่ผิวคน 

พอเลยค่ะเลิก

พอผิวเริ่มกลับมาเป็นปกติ คราวนี้มากันตรึม....สิวอุดตันขึ้นแทบทุกรูขุมขน แล้วขึ้นมาอักเสบ
รูขุมขนกว้าง ปัญหาผิวทุกอย่างมาทั้งหมด โชคดีที่ยังไม่เ็ป็นหัวช้าง

นั่นคือสภาพผิวเดือน เม.ย. 2552 ค่ะ และเป็นจุดเริ่มต้นที่บีมเริ่มรักษาตัวเอง
โดยตัดขาดจากยารักษาสิวขนานปกติ ที่เค้าใช้กันอย่างสิ้นเิชิง ไม่ว่าจะเป็น BP, Differin, Retin-A,
ยาแก้อักเสบหรือโรแอค

ก็พยายามค้นหาผลิตภัณฑ์ผ่านอินเตอร์ เน็ตทุกวัน ก็ใช้มาเหมือนจะไม่ได้ผล...
จนมาเจอข้อมูลด้านธรรมชาติบำบัดช่วงกรกฎาคมปี ก่อน และได้ทดลองทำบางส่วนเห็นว่าได้ผลดี
กับสุขภาพและสิว เลยเชื่อมั่นและลองทำจริง ๆ จัง ๆ ด้วยความอยากหายและ้ด้วยโอกาสอำนวย
ที่เราได้อยู่บ้านด้วย ทุกสิ่งอย่างก็เขียนไว้ในบล็อก http://bye-bye2acne.blogspot.com
ที่ทำไปด้วยพลังบ้าคลั่งอยากหายจากสิวจริง ๆ ^^ ที่มาคิดตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่า
โอ้โห...เคยมีช่วงเวลาที่ทำอะไร กินอะไรสุด ๆ แบบนั้นด้วยเหรอเนี่ยเรา ลองคิดดูค่ะ
สามารถกลั้นใจกินไข่แดงดิบได้ทั้งที่ตัวเองเกลียดของคาวและไข่ลวกมาก ๆ
สามารถกินน้ำปั่นผักใบเขียว 5 อย่างได้ทั้งที่น้ำมันเหม็นเขียวมาก ๆ

และบีมทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ แต่ก็ด้วยความที่พักผ่อนน้อย
เพราะต้องดูแลคุณยายที่เป็นอัลไซเมอร์สลับกับ คุณแม่ ทำให้เกิดวิกฤติสิวอีกรอบแต่เรารู้ว่าเดี๋ยวมันก็ดีค่ะ
เรารู้ว่าเป็นเพราะเรานอนไม่พอ และเจอปัญหาน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มากเลย ก็กลุ้มใจนะ
เพราะเหมือนกินกับข้าวปกติสิวก็จะขึ้นเลย ตัวผอมมาก ๆ ทุกคนเป็นห่วงอย่างแรง เราก็เริ่มกลุ้มใจ
ก็พยายามหาทางที่เป็นสายกลาง....จะอัพน้ำหนักยังไงไม่ให้สิวขึ้น ก็พยายามหาทางมาเรื่อย ๆ ค่อย ๆ
ปรับนู่นนิดนี่หน่อย หาข้อมูลเพิ่ม ศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการเพิ่ม
ว่าง่าย ๆ คือ มันไม่มีอะไรที่ตายตัวค่ะ มันจะมีโจทย์ใหม่ ๆ มาให้เราคิดแก้ได้เสมอ
ดังนั้น ถ้ามีใครมาถามสูตรสำเร็จจากบีม บีมเลยบอกว่า มันไม่มีค่ะ แต่มันมีหลักการพื้นฐาน

ซึ่งบีมก็สรุปเอาไว้ให้แล้วที่นี่ค่ะ
ซึ่งเป็นหลักที่บีมได้ค้นพบและปฏิบัติ มาถึงทุกวันนี้ ก็ต้องบอกว่าไม่สามารถทำได้ 100% เหมือนกัน
แต่เอาไว้เป็นบรรทัดฐานว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นนะ พยายามทำให้มันเต็ม 10 ในแต่ละข้อ
ได้นิดได้หน่อยก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย
แล้วถามว่าสิวมันหายถาวรไปเลยมั้ย บีมขอตอบว่า
ผิวของคุณจะเป็นผิวเหมือนคนปกติทั่วไปมากขึ้นค่ะ แต่โอกาสที่สิวจะกลับมานั้นมี
แต่คุณจะรู้ว่าจะป้องกันหรือทำให้มันหายไปได้อย่างไร แต่ถ้าในบางคนที่ฟื้นฟูร่างกาย
จนระบบภายในสมดุล ระบบกำจัดของเสียประสิทธิภาพดีเยี่ยมแล้ว
บีมเชื่อแน่ว่าสิวจะไม่มาเยือนอีกเลย

ถ้าถามว่าทุกวันนี้สิวบีมหายรึยัง บีมขอตอบว่า บีมพอใจมาก ๆ กับสภาพผิวทุกวันนี้
ชาวบ้านแถวนี้ที่เห็นหน้าเยิน ๆ ของบีมตั้งแต่วันแรกที่บีมกลับมาอยู่บ้านจนเห็นพัฒนาการทุกขั้น
ของสิวบีม ตอนนี้ไม่มีใครทักแล้วค่ะ และก็ยังบอกว่าดูดีขึ้นนะ หายจริงๆ นะเนี่ย
แม้ค้าน้ำเต้าหู้เจ้าที่ซื้อประจำก็บอกว่า สวยขึ้นมาก ๆ สิวอะไรก็หายไปหมดแล้ว แต่ก่อนนี้เต็มเลย
บีมก็มีชีวิตในอดีตไม่ต่างจากเพื่อน ๆ ที่เป็นสิวนะคะ

ดังนั้น บีมเข้าใจดีถึงเรื่องราวของทุกคนที่ได้เล่าให้บีมฟัง
เข้าใจไปถึงก้นบึ้งของจิตใจว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน

แต่บีมอยากจะบอกว่า ลืมความทุกข์นั้นเถอะค่ะ คิดบวกเข้าไว้
เพราะในวันหนึ่งถ้าเราทำอย่างถูกวิธี ผิวมันจะดีขึ้น
สิวจะไม่ได้แอ้มง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมาแน่นอนค่ะ บีมกล้ารับประกัน
ความทุกข์ไม่ทำให้หายเป็นสิวค่ะ ความสุขและความหวังต่างหากล่ะคะ....
ทิ้งได้ทิ้งไปค่ะความทุกข์

ใครที่แฟนจะเลิกเพราะเป็นสิว ปล่อยเค้าไปเถอะ คิดซะว่า
ถ้าเค้ายังอยู่กับเราในช่วงขี้เหร่ได้ เรื่องนอกใจในอนาคตก็ไม่ต้องห่วงแล้วค่ะ
ใครที่จะไป ก็ปล่อยไปเลย คิดซะว่า เดี๋ยววันนึงเธอจะเสียดายชั้น
คิดง่ายๆ ค่ะ อย่าไปคิดอะไรยาก เพราะเดี๋ยวมันก็หายไปจริงๆ นั่นแหละ ^^ เชื่อเถอะค่ะ
บีมทำได้ คุณเองก็ทำได้ค่ะ สู้ ๆ

ความคิดเห็น