งานเขียนสาธารณะของบีม





เนื่องจากบีมเริ่มสนุกกับการเขียนมากขึ้น และรู้สึกว่าการเขียนให้ผู้คนในวงกว้างอ่านนั้นสามารถเป็นไปได้ บีมจึงมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนเล่มต่อ ๆ ไปค่ะ

จริง ๆ แล้วบีมมีอะไรอยากจะเขียนเยอะแยะเลยค่ะ แต่เขียนนวนิยายไม่รอด (เคยลองแล้ว) ไม่ค่อยชอบแบบนั้น ถ้าได้เขียน รับรองว่าต้องสนุกค่ะ แต่เสียดายที่ไม่ได้เขียน...

บีมชอบเขียนตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วค่ะ คุณแม่บอกว่า ตอนยังอ่านหนังสือไม่ออกก็ชอบเปิดหนังสือพิมพ์ เปิดนิตยสารอ่าน แล้วพอแม่เผลอ ก็ฉีกมากิน (ซะงั้น)

พอโตอีกหน่อย เริ่มเขียน ก.ไก่ เป็นแล้ว ที่บ้านจะซื้อโต๊ะ ก.ไก่ น่ะค่ะ เราก็กางทุกวัน

คุณแม่บอกว่า ถ้าโยนกระดาษกับดินสอให้ ก็จะอยู่ได้ทั้งวัน ไม่เบื่อ ไม่ต้องออกไปเล่นก็ได้ค่ะ

พอโตมาอีกหน่อย เข้าชั้นประถม คุณครูก็เมตตาเอามาฝึกคัดลายมือทุกเย็นค่ะ และเวลามีประกวดอะไร ก็จะผลักดันให้เราลงแข่ง เขียนเรียงความ คัดลายมือ วาดรูป เล่นกีฬา เล่นขิม เด็กนี่ทำได้ค่ะ ^^ สนุกนะคะ และบีมคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ทำให้เราภูมิใจตัวเองตั้งแต่เล็ก ๆ

พอเข้าชั้นประถมปลายก็เหลือแต่เรียงความกับคัดลายมือค่ะ

พอชั้นมัธยม ช่วงนี้ห่างจากอกแม่ละ และทำตัวไม่ค่อยน่ารัก งานเลยไม่ค่อยเข้าค่ะ อะอะ

แต่อันที่ภูมิใจสุด ๆ คือ เขียนเรียงความชนะเลิศระดับภาคตอน ม.6 ค่ะ ตอนนั้นได้เงินรางวัลมา 3000 บาท โอ้ย ดีใจสุด ๆ

ส่วนโตมา เค้าไม่มีแล้วค่ะ ประกวดคัดลายมือ แถมตอนนั้นลายมือไก่เขี่ยแล้วแหละ เพราะจดเลคเชอร์กระจาย

ชีวิตก็ยังคงวนเวียนกับการขีด ๆ เขียน ๆ ค่ะ จำได้ว่า ตั้งแต่อยู่ห่างบ้านมา บีมมีไดอารี่ประมาณ 6 เล่มได้ เวลามีปัญหาก็จะเขียนลงไดอารี่ บางทีก็บ่น ๆ บางทีก็หาวิธีแก้ เหมือนคุยกับตัวเองน่ะค่ะ

ชอบมาก ชอบเขียน มันเหมือนโลกหยุดหมุนเลยนะคะ และส่วนใหญ่ เมื่อเขียนเสร็จจะสบายใจและมักจะพบวิธีแก้ปัญหาที่ดีด้วย

พอโตมาช่วงทำงาน เคยเขียนประกวดเรื่องสั้นของอมรินทร์ แต่ก็ไม่ได้ค่ะ

แต่ด้วยความชอบเขียนโดยธรรมชาติ มันก็หยุดไม่ได้ มันก็เขียนไปเรื่อย ๆ

จนได้มาเขียนบล็อกนี้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วนั่นล่ะค่ะ

เกริ่นมานานละ เดี๋ยวมาดูเลยดีกว่านะคะ ว่างานเขียนที่ออกสู่สาธารณชนมีอะไรไปแล้วบ้าง

เล่มแรก เป็นบทความค่ะ ที่บีมเขียนส่งไปที่ ซีเคร็ต เรื่อง "แด่คุณยายผู้เป็นอัลไซเมอร์" เป็นเรื่องราวจริงของบีมที่ถ่ายทอดความคิดความรู้สึกเมื่อได้กลับมาดูแลคุณยายที่เชียงราย เป็นมุมหนึ่งที่มีค่าในชีวิตบีมที่อยากจะถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ ... บทความนี้มีแค่ 2 หน้าค่ะ แต่บีมมีโปรเจ็คต่อไปที่จะเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวช่วงที่บีมเริ่มมาอยู่บ้าน ถ้าใครได้เคยอ่านบทความนี้แล้ว น้ำตาจะไหล หรือประทับใจ หนังสือทีบีมกำลังจะเขียนจะเข้มข้นกว่านั้นหลายเท่าค่ะ และรับรองว่าใครท้อ อ่านแล้วได้มีแรงฮึดแน่ ๆ เสร็จเมื่อไหร่ บีมจะมาอัพเดทนะคะ

เล่มที่ 1

เรื่องของบีมได้ลงฉบับเดือนพฤศจิกายน 2552 เล่มนี้ค่ะ



เล่มที่ 2

ส่วนด้านล่างนี้ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่เรื่องราวการบำบัดสิวด้วยตัวเองจากภายในของบีมได้รับคัดเลือกให้ลงตีพิมพ์ค่ะ คิดว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงได้เห็นไปแล้วที่ร้านหนังสือ Se-Ed และนายอินทร์ นะคะ

เล่มนี้เกิดจากโครงการที่ทางเว็บไซท์ AcneThai ได้ประกาศให้สมาชิกได้ส่งวิธีการดูแลสิวของตัวเองจนหายโดยไม่ได้พึ่งพาหมอ ก็มีคนส่งเข้าไปเยอะค่ะ ภูมิใจที่เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้รับคัดเลือกค่ะ ^^


ปกหลัง - นักเขียนแต่ละคนให้คำนิยาม "สิว" แตกต่างกันไปค่ะ ของบีมเสนอว่า สิวเกิดจากความเสื่อมของร่างกายค่ะ ^^



เล่มที่ 3



เล่มนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนไปอยู่มาเลเซียช่วงเดือนกุมภา 53 ค่ะ เพราะพอจะมีเวลาอยู่บ้าง และเรารู้สึกแล้วว่า เรากำลังมาถูกทาง เราเจอวิธีควบคุมสิวได้แล้ว และก็คิดว่า เป็นการรวบยอดความคิดที่เราเขียนบล็อกมาโดยตลอดครั้งแรก (คล้าย ๆ กับสังคายนา) กลั่นเอาแต่เนื้อ ๆ มาค่ะ ^^ ทุกอย่างที่บีมทำแล้วทำให้หน้าที่เคยโดนสิวรุมเร้าทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นใบหน้าคนปกติซะทีค่ะ ^^

เพราะเพื่อน ๆ หลายคน อ่านบล็อกแล้วก็ยังคงงง ๆ อยู่ว่า เอ...แล้วสรุปว่าชั้นต้องเริ่มยังไง

พอมีหลาย ๆ คนมาถามคำถามเดิมที่อีเมล บีมเลยคิดมานานแล้วว่า คงจะต้องเขียนหนังสือออกมาซะแล้วล่ะ เพราะมันมีข้อดีหลายอย่าง คือ มีการเรียบเรียงความคิดเป็นระบบ อ่านเข้าใจและลำดับความคิดง่ายกว่าบล็อก และสามารถพกไปไหนก็ได้ คือ ถ้าบ้านใครไม่มีเน็ต มีหนังสือก็ยังเอาไว้อ่านเมื่อลืมหรือต้องการรื้อฟื้นได้

ก็เป็นเล่มแรกค่ะที่บีมเขียนเอง ทำเองทั้งหมด โดยได้รับกำลังใจจากครอบครัว และด้วยบริการที่ดีจาก MisterKopy ที่รับพิมพ์งานในปริมาณน้อย ฝันของบีมก็เลยเป็นจริงขึ้นมาได้

ตอนนี้เหลือเพียงการจัดพิมพ์และส่งมาที่บ้านค่ะ ซึ่งมีเพื่อน ๆ จองไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังรับจองเรื่อย ๆ ค่ะ และจะจัดส่งตามคิวการโอนเงิน

.........................................................

ขอบคุณค่ะ ^^

ความคิดเห็น