ประสบการณ์ดีท็อกซ์สวนลำไส้ด้วยกาแฟ วันที่ 4

เมื่อวานนี้บีม บีมทำดีท็อกซ์ 2 รอบ คือ เช้ากับก่อนนอน

ตอนเช้ากลั้นไม่ได้นานค่ะ ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเอง คิดว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา Dtox ที่ได้ทานเมื่อคืนยังคงมีอยู่

ที่บีมทาน Dtox เพราะอยากให้กลั้นได้นานขึ้นค่ะ เลยคิดว่า ให้ช่วงเช้้าถ่ายออกไปให้หมดก่อน เวลาของเสียมันเหลือน้อย ๆ เราจะไม่ค่อยปวดเข้าห้องน้ำค่ะ ทำให้น้ำกาแฟอยู่ในนั้นได้นานขึ้น โอกาสที่จะเข้าถึงตับมีมากขึ้น (เพราะการสวนลำไส้ วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ตับกำจัดสารพิษ แต่ผลพลอยได้คือ ทำให้ขจัดของเสียตกค้างในลำไส้ได้ด้วยค่ะ)

ที่ไหนได้ หลังจากถ่ายไปแล้วตอนเช้า สัก 1ชั่วโมงถัดมา ก็เริ่มสวนลำไส้ ก็ทำได้แป๊บเดียวเท่านั้น

แต่บีมคิดว่า น้ำกาแฟมันซึมเข้าเลือดบีมเร็วมากนะคะ เพราะพอปล่อยน้ำเข้าจนหมดแล้ว สักพักหัวใจจะเริ่มเต้นเร็วละ เหมือนกาแฟมันขึ้นมาถึงแล้วอย่างนั้นเลยค่ะ ทำุทุกครั้งก็เป็นทุกครั้ง แต่บีมก็นอนหลับดีนะคะ และตื่นเร็วด้วย (ตื่นเอง) แต่ช่วงนี้รู้สึกจะฝันบ่อย

และรู้สึกสดชื่นดีหลังจากทำดีท็อกซ์แล้ว จึงคิดว่า กาแฟมันน่าจะไปถึงตับมั่งล่ะ ไม่มากก็น้อย

ส่วน 2 วันที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้ทานอะไรค่ะ เพราะมีแผลร้อนในและเจ็บลิ้น

และตัวร้อน ๆ แต่ไ่ม่ได้เป็นไข้ คือ รู้ว่านี่คือการถอนพิษร้อนแน่นอน

กินยาขมไป 2-3 ห่อ

โห...ตอนมันถอนออกมา คือ ทั้งลมหายใจ ทั้งปัสสาวะ อุ่น ๆ ร้อน ๆ หมดเลยค่ะ

ปากแห้งมากมายเหมือนตอนกินโรแอคเลย คือ ดื่มน้ำยังไงก็ไม่ช่วยค่ะ จนตอนเย็นต้องตัดสินใจดื่มแบบล้างร่างกายไปเลย คือ รวดเดียว ๆ หลายแก้วมากกว่าปากจะกลับมาชุ่มชื้น

วันนี้เริ่มดีแล้วค่ะ อาการร้อนในนะคะ

อ้อ...ที่ปาก คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากยาสีฟันด้วยค่ะ ขอบอกยี่้ห้อแล้วลองไปทดสอบกันดูว่าเพื่อน ๆ ใช้แล้วเป็นเหมือนกันมั้ย เพราะบีมกับแม่ใช้ยาสีฟันตัวนี้พร้อมกันค่ะ และก็เจ็บลิ้นเหมือนกัน เหมือนมีแผลที่ลิ้น

เชื่่อมั้ยคะว่าบีมไม่อยากกินอะไรเลย เจ็บปาก ไม่สบายตัวเมื่อสองวันที่ผ่านมา

เลยนึกไปถึงคนที่เป็นมะเร็งที่ลิ้นหรือลำคอค่ะ....เค้าคงจะทรมานมาก ๆ เลย เพราะนี่แค่ร้อนในกับลิ้นเป็นแผลร้อนใน ยังเจ็บขนาดนี้เลย

วันแรกที่เป็นร้อนในนั้น ไม่กินจริง ๆ ค่ะ ไม่กินอะไรเลย ไม่อยาก ไม่หิวอะไรทั้งสิ้น
ก็ดื่มพวกน้ำ ๆ ยาชง น้ำปั่นผักผลไม้

เหมือนร่างกายเค้าไม่อยากรับอะไรเลยค่ะ

ซึ่งจากหนังสือที่บีมเคยอ่านมานานแล้ว เวลาคนเราไม่สบาย ร่างกายจะไม่อยากรับอะไร เพราะเค้าต้องการพลังงานไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสียหาย ไม่อยากเอาพลังงานมาใช้ในการย่อยอาหาร

เวลาใครไม่สบาย บีมจึงไม่เคยบังคับเค้าให้ต้องกินข้าว
มันไม่เกี่ยวว่าคุณจะไม่มีแรงถ้าไม่กินข้าว

เราต้องฟังเสียงร่างกาย
แต่ถ้าทานยาต้มหรืออะไรที่จะไม่เป็นภาระแก่ร่างกายและน่าจะช่วยกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ ก็น่าพิจารณาให้เค้าทานเข้าไปค่ะ จะได้หายเร็วขึ้น

เหมือนอย่างแมวบีม เวลาเค้าป่วย เราจะไปป้อนข้าวเค้าไม่ได้หรอก ถ้าเค้าไม่อยาก คือ ไม่อยาก
เราก็จะปล่อยเค้า ถ้ามีแผลก็แค่ล้างแผลและป้อนยา จากนั้นก็ให้เค้านอนพักผ่อนทั้งวัน อีกวันก็หายดีแล้วค่ะ

ดังนั้น บีมจึงคิดว่า ร่างกายคงซ่อมตัวเองอยู่ เลยไม่อยากรับอะไร และปากเราก็เป็นแผล เลยยิ่งไม่อยากอะรทั้งนั้น

โชคดีที่คุณแม่เข้าใจ เพราะ บีมก็ทำแบบนี้มาหลายรอบแล้ว แม่ก็เห็นแต่ว่าทำแล้วหน้าใสขึ้น

คือ น้ำหนักมันลงบ้างล่ะค่ะ แต่เค้าเห็นว่าเราทำแล้วก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร สิวก็ดีขึ้น ช่วยยกข้าวสารขึ้นรถก็ได้ คือ เราแข็งแรงน่ะค่ะ เค้าก็เลยไม่ห่วง ก็ปล่อยให้เรารับผิดชอบร่างกายเราไปเอง เพราะในวันที่ทานเยอะ บีมก็ทานเยอะใช่เล่น มันก็คาน ๆ กันไป น้ำหนักก็ทรงตัวที่ 42 กก. เพราะเราเอาพวกไขมันสะสมที่ก่อปัญหาให้ร่างกายและทำให้เกิดสิวออกไป ก็เหลือเฉพาะไขมันที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้

ตอนนี้หน้าใสขึ้นมาก ๆ ค่ะ หลังจากทำดีท็อกซ์

แต่มีเรื่องจะเตือนอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่อาจจะอยากลองสูตร Apple Cider Vinegar เช็ดหน้ารักษาสิว

หลังจากที่บีมได้ทดลองมาสักพัก ก็ได้ข้อสรุปของตัวเองดังนี้
  • ถ้าหน้าไม่หนาจริง อย่าใช้ ACV เพียว ๆ ทาลงบนหน้าเด็ดขาด
  • ใครอยากทดลองใช้ ACV ทารักษาสิว ให้ผสมน้ำให้เจือจางทุกครั้ง
  • มันไม่เหมาะกับคนผิวหน้าบางค่ะ ไม่เหมาะเลย
  • ผิวหน้าบางปกติแล้วหน้าจะลอกบริเวณรอบปาก ปีกจมูกและระหว่างคิ้วค่ะ สังเกตดูนะคะ
  • อย่าใช้ ACV ร่วมกับผลิตภัณฑ์ผลัดผิวอื่น ๆ อย่างเด็ดขาด
ตอนนี้บีมต้องรอให้ผิวที่ผลัดจากการใช้ ACV เมื่อสัปดาห์ก่อนหายไปค่ะ ผิวจึงจะดูดีอีกครั้ง ตอนนี้มันเป็นขุย ๆ รอบปากกับปีกจมูก ก็ต้องรออย่างเดียวค่ะ และระหว่างนี้ก็ไม่ได้ทาบำรุงอะไรนอกจากเจาะวิตามินอีชนิดทานเอามาทา ทำให้ชุ่มชื้นได้เร็ว ขุยหายเร็วและสิวไม่ขึ้นนะคะ สำหรับหน้าบีม

โอเค..วันนี้จบแค่นี้ก่อนเนาะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ความคิดเห็น

Unknown1z กล่าวว่า
นิดนึง มีอีกวิธีนะจ๊ะ อ่านดูนะ

วิธีการล้างสารพิษออกจากร่างกายในแบบง่ายๆ

"...ในปัจจุบัน สารพิษมากมายรายล้อมอยู่รอบตัวเรา...แต่ยังมีอีกวิธีที่ง่ายกว่าคือ…ชาดีท็อกซ์…ซึ่งมีผลยืนยันในสารประกอบหลักทั้งจากทางวิทยาศาสตร์ งานวิจัย และการทดลอง... http://www.vimandin.com/detox "

"...ชาดีท๊อกซ์ มีคุณสมบัติสามารถล้างสารพิษภายในร่างกายก่อนที่โรคร้ายอื่นๆรวมทั้งมะเร็งจะก่อตัวทำลายล้างร่างกายมนุษย์ รวมถึงช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะในส่วนของระบบขับถ่ายสารพิษ เช่น ตับ ถุงน้ำดีและ ไต ..."

"...ในชาดีท็อกซ์ ยังแก้โรคพิษสุราเรื้อรังได้ดีหรือแม้กระทั่งแก้อาการเมาค้างได้ นอกจากนี้ยังรักษาโรคหอบหืดเรื้อรัง แก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่าง ๆ แก้พิษเบื่อเมาเนื่องจากเห็ดพิษ สารหนู ยาเบื่อ ที่เป็นที่ฮือฮาคือการแก้พิษจากแมงดาทะเลทั้งๆที่วงการแพทย์ยังไม่มียารักษา…

การทำงาน…เมื่อชาดีท็อกซ์เข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนกรดหรือด่างในร่างกายที่เป็นพิษให้ เป็นกลาง และเมื่อชาดีท็อกซ์ซึมเข้าไประบบประสาท เส้นเลือด เมื่อพบสารพิษต่างๆหรือสารก่อมะเร็ง ก็จะทำลายให้เป็นกลางในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ในชาดีท็อกซ์ยังมีสารประกอบที่ช่วยฟื้นฟู ตับ ถุงน้ำดีและไต ทำให้ระบบขจัดสารพิษในร่างกายมีความสมบูรณ์

ที่สำคัญคือ… ชาดีท็อกซ์ …ช่วยสลายสารเคมี สารพิษ และสารก่อมะเร็งร้ายในร่างกายได้..."

ที่มา : บ้านไร่วิมานดิน
ชาล้างสารพิษ...ดีท๊อกซ์ ที
http://www.vimandin.com

หมายเหตุ: กรณีไม่สามารถหาชาดีท็อกซ์มารับประทานได้ให้หาว่านรางจืดชนิดเถามารับประทานเป็นประจำจะช่วยขจัดพิษได้เช่นกัน เพียงแต่จะขาดคุณสมบัติสำคัญในการช่วยฟื้นฟู ตับ ถุงน้ำดี และไต
InSpring Beam กล่าวว่า
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ^^

บีมยังไม่เคยลองค่ะ และตอนนี้คิดว่าไม่น่ากินชาได้น่ะค่ะ อยากลองเหมือนกันถ้าไม่ติดมีน้องค่ะ ^^