ไขข้อข้องใจ "Probiotics" และการทานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พอดีว่าบีมไปเจอข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ Probiotics ค่ะ และเห็นว่าน่าจะช่วยตอบคำถามของใครหลายคนที่สนใจนมหมักบัวหิมะหรือมีคำถามว่าถ้าไม่สะดวกกิน แล้วจะกินโยเกิร์ตแทนได้มั้ย ลองอ่านให้จบนะคะ คิดว่าำคงจะช่วยตอบคำถามได้ดีทีเดียว :-) อ้อ...แต่การจะเลือกยี่ห้อไหน ลองดูนะคะว่าเรามีอาการแพ้นมวัวมั้ย เพราะบางที เอานมวัวมาหมักโยเกิร์ต ในบางคนก็แพ้แล้วสิวผดขึ้นเช่นน้องพลอยกับบีมค่ะ ^^ ต้องทดลองทานดู ถ้าแพ้มันจะขึ้นภายใน 1-2 วันแรกค่ะ สิวผดน่ะ
ทานโยเกิร์ตให้ได้ประโยชน์ ต้องทานโยเกิร์ต ที่มีเชื้อ Probiotic
โดย ปกติในร่างกายคนเรามีจุลินทรีย์อาศัยอยู่เป็นล้านล้านตัว ซึ่งมีทั้งจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และจุลชีพที่เป็นโทษต่อร่างกาย ซึ่งในเด็กเล็กๆ จะมีจุลชีพที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก จะเห็นได้ว่า.. เด็กเล็กๆ จะไม่ค่อยป่วยด้วยโรคแปลกๆ แต่สำหรับผู้ใหญ่ยิ่งอายุมากเท่าไหร่จุลชีพที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็จะ ปริมาณน้อยลง
เพื่อรักษาสมดุลของจุลชีพของร่างกาย จึงนำจุลชีพที่มีประโยชน์มารับประทาน แต่เนื่องจากในกระเพาะคนเรามีความเป็นกรดสูง ค่า pH ในกระเพาะอาหารคนต่ำถึงประมาณ 2 ทำให้จุลินทรีย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถรอดชีวิตได้ แต่จะมีจุลินทรีย์บางสายพันธุ์สามารถรอดชีวิตได้ ซึ่งเมื่อรอดไปถึงลำไส้และเจริญเติบโตในลำไส้ของเรา ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรค ปรับสมดุลในลำไส้ จุลินทรีย์พวกนี้เรียกว่า Probiotic
Probiotic ซึ่งเป็นจุลชีพ lactobacillus ที่ไม่ทำให้เกิดโรคต่อคน และเป็นจุลชีพที่แข็งแรงมาก เป็นจอมมาเฟีย จะไปฆ่าจุลชีพชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรค เพราะฉะนั้นเมื่อทานเข้าไปจะไปเพิ่ม normal flora ที่อยู่ในทางเดินอาหาร ช่วยกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ในทางเดินอาหารได้ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้ออีโคไลน์ที่ทำให้ท้องร่วงทั้งในคนและสัตว์เลี้ยง (ดูประโยชน์ของโยเกิร์ตในการรักษาท้องร่วงของสุนัข คลิกที่นี่) นอกจากนี้ lactobacillus ยังกินเชื้อราเป็นอาหาร ผิวหนังของคนตามปกติจะมีเชื้อชนิดนี้อยู่ ทำหน้าที่ช่วยกำจัดเชื้อราตามธรรมชาติ
โยเกิร์ตส่วนใหญ่ตามท้อง ตลาดจะไม่ใช้จุลินทรีย์ Lactobacillus acidophilus, Lactobacillus casei และพวกตระกูล Bifidobacterium ซึ่งเป็น Probiotic เพราะเชื้อ Probiotic ที่กล่าวมาข้างต้น ไม่สามารถให้กลิ่นรส และเนื้อโยเกิร์ตที่ดีและอร่อยเหมือนเชื้อ Streptococcus thermophilus (ชื่อเดิม Streptococcus salivarius ssp. thermophilus) ร่วมกับ Lactobacillus delbrueckii ssp. bulgaricus ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ประเภท lacticacid bacteria คือ จุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแลคติก ทำให้นมเกิดการตกตะกอนและเปรี้ยวได้
ในการผลิตโยเกิร์ตที่มีเชื้อ Probiotic จึงใช้เชื้อ Probiotic เสริมด้วยเท่านั้น ไม่ได้ใช้เชื้อ Probotic ล้วน ๆ
แต่ การรับประทานเชื้อ Probiotic เข้าไป ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่า จะมีเชื้อ Probiotic เจริญในลำไส้ โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ เนื่องจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่จะถูกย่อยและดูดซึมไปหมดในกระเพาะและลำไส้เล็ก ในส่วนลำไส้ใหญ่จะเป็นการดูดน้ำและเกลือแร่เท่านั้น ดังนั้นเชื้อ Probiotic ในลำไส้ใหญ่มักจะขาดอาหาร จึงมีการคิดค้น Prebiotic ซึ่งเป็น Fiber ที่ร่างกายไม่ดูดซึม และจะหลือรอดไปถึงลำไส้ใหญ่ ให้เป็นอาหารของเชื้อ Probiotic ได้ โดย Prebiotic จะมีมากในแก้วมังกร กล้วย มะเขือเทศ หอมใหญ่
แบคทีเรียในโยเกิร์ตตระกูล Lactobacillus และ Streptococcus thermophilus มีประโยชน์ ในการช่วยย่อยอาหาร ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดี นอกจากนี้ในโยเกิร์ตยังประกอบไปด้วย กรดแลคติกและวิตามิน B2 จำนวนมาก แต่มีปริมาณแคลอรีไม่ต่างไปจากนมสดธรรมดา นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หลาย ๆ คนได้รับคำแนะนำให้รับประทาน โยเกิร์ตเสริมในขณะที่ลดน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ร่างกาย ขาดสารอาหารบางตัวที่จำเป็น หรือบางคนทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
ถึงแม้โยเกิร์ต จะได้ชื่อว่าเป็นอาหารสุขภาพ แต่ปัจจุบันนี้โยเกิร์ตที่มีอยู่ในท้องตลาดเป็นโยเกิร์ต ที่ถูกนำมาปรุงแต่งรสชาติจนรสชาติเต็มไปด้วยน้ำตาลและผลไม้เชื่อม น้ำเชื่อม ซึ่งโยเกิร์ตที่ใส่น้าตาล ใส่ผลไม้ เขาจะฆ่าเชื้อ lactobacillus ก่อนบรรจุถ้วยเพื่อให้เก็บไว้ได้นานซึ่งแทบจะไมมีจุลลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย
ดังนั้น
การทานโยเกิร์ตให้ได้ประโยชน์ ต้องทานโยเกิร์ต ที่มีเชิ้อ Probiotic และเป็นโยเกิร์ตที่ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยผลไม้ หรือใส่น้ำเชื่อมจนเจือจางเป็น Soft Yoghurt และเมื่อทานโยเกิร์ตต้องทานกล้วย หรือผลไม้อื่นที่จะได้เป็นอาหารจุลลินทรีย์ให้ตกค้างอยู่ในลำไส้เราด้วย
สำหรับโยเกิร์ตในท้องตลาดที่ผสมเชื้อโปรไบโอติกมีอยู่ 3 - 4 ยี่ห้อ คือ
- Bio (Lactobacillus acidophilus, Lactobacillus casei และพวกตระกูล Bifidobacterium)
- โฟรโมสต์ (pre pro balance) Lactobacillus acidophilus และพวกตระกูล Bifidobacterium)
- เนสท์เล่ LC1 ถ้วยสีน้ำเงิน
- บราวนส์ brownes (Lactobacillus acidophilus, Lactobacillus casei และพวกตระกูล Bifidobacterium)... ลองไปเดินตามซุปเบอร์แล้วอ่านดูที่ฉลากนะคะ เขาจะเขียนกำกับไว้ว่ามีเชื้อโปรไบโอติกหรือเขียนชื่อเชื้อไว้ด้วย
ถ้าจะให้ดีการทานโยเกิร์ตให้มีประโยชน์ ควรหาซื้อเชื้อโยเกิร์ตที่มี Probiotic มาทำโยเกิร์ตทานเอง จะได้ประโยชน์สูงสุด
แหล่งข้อมูลจาก http://www.metrosafety.co.th/food/preserve.php?subaction=showfull&id=1156521981&archive=&start_from=&ucat=8&
ความคิดเห็น