ไดอารี่ประจำวันที่ 3 ม.ค. 53

เผลอแป๊บเดียวนะคะ วันนี้ก็เลยปีใหม่มา 2 วันละ

เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าปีใหม่ที่ผ่านมาคงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งของทุกคนนะคะ

จริง ๆ บีมมีหลายเรื่องจะเขียนมากมาย แต่เดี๋ยวดูก่อนว่าความจำของบีมจะพาให้เขียนไปถึงเรื่องไหนได้บ้าง ^^

เรื่องแรก ก็คงจะอัพเดทกันก่อนว่า สภาพผิวหน้าบีมตอนนี้เป็นอย่างไรหลังจากเจอเจ้ามะขามเปียกตัวดี (พวกชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ ๆ ^^)

มีหลายคนสงสัยว่า หน้าดีขึ้นแล้วทำไมไปใช้มะขามเปียก

ค่ะ หน้าดีขึ้นแล้ว แต่ี่ที่ไปใช้มะขามเปียก ด้วยเหตุผลที่ว่า บีมกำลังทดลองบนข้อสมมติฐานที่ว่า ถ้าดูแลร่างกายดีแล้ว แต่ยังมีสิวเม็ดเล็ก ๆ ขึ้น มันจะเป็นที่โครงสร้างผิวของเราเองที่เคยเสียไปรึเปล่า ทำให้การเรียงตัวของเซลล์ผิวผิดปกติและก็ผิดปกติอยู่อย่างนั้น

ประกอบกับข้อมูลจากหนังสือชีวจิต (บีมเคยเล่ารึยังเอ่ย) คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งเค้าผิวแพ้ง่ายมาก แพ้ทุกอย่าง แชมพู สบู่ อะไรที่เราใช้ ๆ กัน เค้าใช้ไม่ได้เลย มันจะคัน ผื่นขึ้นหมด

จนต้องมาคั้นแชมพูจากผลอะไรน้า ทำแล้วเก็บไว้สระผมเอง
ส่วนหน้าที่มีสิวเต็มก็ใช้น้ำมะขามเปียกล้างทุกวัน
จนตอนนี้หายหมดเลย

บีมก็เลยนะ ...ขนาดคนแพ้มากมายขนาดนั้น ยังหายได้เลย แสดงว่ามันต้องมีอะไรดีสิน่า...

ตามประสาคนชอบความเีสี่ยง ก็ทดลองเลยค่า ^^

ครั้งแรกและครั้งที่ 2 ผลออกมาดูดีนะ แต่แสบหน้ามากมาย
ครั้งที่ 4 หน้าเริ่มด้าน ไม่ค่อยแสบ แต่ผิวเริ่มลอก ๆ และเริ่มมีสิวเม็ดน้อยขึ้นในบริเวณที่หายไปตั้งนานแล้ว

เริ่มเอะใจ ก็เลยหยุดดีกว่า

ที่มาก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ

แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงนะคะ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ด้วยอากาศเย็น ผิวลอก ๆ นี่ก็ต้องใช้เวลาในการสมานตัวล่ะมั้ง ^^ ตอนนี้ก็ประมาณ 70% ละค่ะ เดี๋ยวรอผิวลอก ๆ นี้ออกไปให้หมดก่อน แล้วบีมจะมาอัพรูปให้ดูเนาะ

ต่อมา ก็มีเรื่องมาอัพกันเพิ่มเติมค่ะ

ที่ผ่านมา น้อง Vorakorn และพี่เจนนี่ได้ confirm ถึงสรรพคุณของน้ำมันมะรุมค่ะ ว่าดีมาก ๆ

น้อง Vorakorn ใช้ทาหน้า แล้วสิวอักเสบที่ขึ้นมาช่วงเดือนที่ 2 ดีขึ้นมาก
ส่วนพี่ Jenny ใช้ทาหน้า ก็บอกว่าดีขึ้นเช่นกัน และฝ้าของคุณแ่ม่ก็เป็นสีชมพูแทนด้วย

ส่วนบีม ยังไม่มีข้อมูลส่วนนี้มาแชร์กันนะคะ เพียงแต่เป็นกระบอกเีสียง เผื่อเป็นทางเลือกให้เพื่อน ๆ ได้อีกทางหนึ่งค่ะ

ต่อมา...เรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ น้ำหนักบีมขึ้นมา 2.5 โลแล้ว ภายใน 1 สัปดาห์มั้ง...

คือไม่รู้มันขึ้นเพราะอะไรนะคะ แต่ดีใจมากมาย

บีมกินแลคตาซอยกล่องใหญ่วันละ 2 กล่อง คิดว่าเค้าคงช่วยไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อล่ะมั้งคะ
เพราะตอนที่ทานแต่ผักผลไม้ โปรตีนจะถูกเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานค่ะ กล้ามเนื้อบีมจะหายไป ตัวเลยเล็กลง
ก็เลยคิดว่า เราคงเติมกลับไปให้เค้า น้ำหนักมันเลยขึ้นได้แบบนี้

และช่วงปีใหม่ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็กินมากมายและมากมาย ปีใหม่เลี้ยง 2 วัน
บีมนึกว่าเลี้ยงวันเดียว
พ่อเซอร์ไพรส์จัดอีกวัน เลยต้องกินอาหารที่ไม่ควรจะกินไปอีก อิอิ
แต่ก็เอาเถอะค่ะ นาน ๆ ทีได้กินกับญาติพี่น้อง

แต่ก็ดีที่ไม่ได้เกิดอะไรรุนแรงขึ้นกับใบหน้า อิอิ
จะมีก็แต่รอยช้ำ(ใจ)จากมะขามเปียกอ่ะค่ะ

แต่ก็ไม่อยากไปเครียด เพราะ มันเกิดจากเหตุปัจจัย เราทำแบบนั้น มันเลยเป็นแบบนี้ เดี๋ยวเราก่อเหตุปัจจัยใหม่ มันก็หายเองล่ะ

ตอนนี้ก็ต้องปล่อยให้ผิวเค้าซ่อมตัวเองไป ผลักเซลล์เก่าออกมาตามธรรมชาติ เลยแอบมีลอก ๆ ก็ปล่อยเค้า ทำอะไรก็ทำไปเลย บีมก็ดูแลหน้าเหมือนปกติ

ทุกวันนี้ บีมก็ยังทานพวก DTOX กลูต้า วิตซีนะคะ แต่ก็ไม่ได้ทานทุกวัน เลือกทานเอา

อย่างปีใหม่ ก็จะหยิบทั้ง 3 ตัวมากิน เพราะร่างกายรับศึกหนัก

แต่ถ้าวันเบา ๆ ที่ทานปกติ ก็จะทานบ้างเมื่อรู้สึกว่าร่างกายน่าต้องการอะไรเพิ่มขึ้น

วันไหนนอนดึก ผิวแย่ ๆ ก็จะหยิบมากินตั้งแต่เช้าค่ะ แล้วก็กินน้ำปั่นผักผลไม้ (หนาวอ่ะค่ะ จริง ๆ แล้วการล้างผลไม้และปอกผลไม้ตอนเช้า ๆนี่มันทรมานนะคะ ^^)

โอเค...

ต่อมา เป็นเรื่องของหัวข้อศึกษาใหม่...

เมื่อวานคุณบัวได้โทรศัพท์มาคุยกันค่ะ

คุณบัวยกประเด็นเรื่อง "ธาตุเจ้าเรือน" กับการดูแลสุขภาพมา...และเสนอให้บีมลองไปดูข้อมูลองค์กรหนึ่งที่เค้าเองก็ทำเกี่ยวกับสุขภาพองค์รวม บีมแอบจำชื่อไม่ได้ แต่เซฟเอาไว้ละคะ The Three World นี่แหละ

ทั้ง 2 เรื่องน่าสนใจค่ะ

เรื่องธาตุเจ้าเรือน ก็เป็นหนึ่งในหัวข้อการเรียนรู้ของการแพทย์แผนตะวันออก

เพราะเราเชื่อว่า วัตถุทุกอย่าง รวมทั้งคน ก็มีกำเนิดมาจากธาตุทั้ง 4 หรือ 5 นี่แหละ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ อากาศ (ยังงงอยู่ว่า ลมกับอากาศไม่เหมือนกันรึ)

ดังนั้น คนแต่ละคนในตอนที่เกิดมา จะมีธาตุต่าง ๆ ผสมกันแตกต่างกันไป บางคนมีน้ำมาก บางคนลมมาก บางคนไฟมาก เป็นต้น แต่ทุกคนก็จะมีธาตุทั้งหมดในร่างกายนี่แหละ เพียงแต่ว่าใครจะมีอะไรมากน้อยกว่ากัน

บีมเคยอ่านหนังสือการดูแลสุขภาพแนวนี้มาบ้าง แต่ไม่ละเอียด

ลอง ๆ ทำแบบทดสอบดู ก็พบว่าตัวเองเป็นธาตุไฟ...

ซึ่งการดูแลตัวเองของคนแต่ละธาตุก็จะแตกต่างกันค่ะ

ธาตุไฟก็ต้องทานของฤทธิ์เย็นเยอะหน่อย จะได้ไปเพลาไฟในตัวบ้าง
ธาตุน้ำก็อาจจะต้องทานฤทธิ์ร้อนเยอะหน่อย จะได้มีพลังงาน มีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นบ้าง

เป็นต้น...

ในรายละเอียดยังไม่ได้ศึกษาค่ะ แต่คิดว่ากำลังจะลองหาข้อมูลดู เพราะน่าสนใจดี

และก็คิดว่าอาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของเพื่อน ๆ นะคะ

ขอบคุณคุณบัวค่ะ รวมทั้งพี่ Jenny และน้อง Vorakorn ที่ได้ให้ข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ขอให้วันนี้ทุกคนได้ฟื้นฟูพลังชีีวิต พักผ่อนมาก ๆ ทำตัวสบาย ๆ เพื่อเริ่มงาน เริ่มเรียนอย่างมีพลังได้ในวันพรุ่งนี้ค่ะ

^^

ความคิดเห็น