อัพเดทข้อมูล "บัวหิมะ"

บีมรู้สึกว่า คำถามเกี่ยวกับบัวหิมะจะมีมาทุกครั้งเมื่อมีเพื่อน ๆ มาปรึกษานะคะ

และลองเข้าไปอ่านโพสต์ที่ตัวเองเคยเีขียนเอาไว้

ประกอบกับเช้านี้ได้ข้อมูลเรื่อง Probiotics มาใหม่

และคุณกานต์ยังเปลี่ยนบล็อกอีกด้วยค่ะ

ก็เลยคิดว่าขอถือโอกาสเขียนโพสต์เกี่ยวกับบัวหิมะอันใหม่ก็แล้วกันนะคะ

ในเรื่องของบัวหิมะ บีมขออนุญาติเอาคำตอบที่บีมเขียนตอบพี่คนหนึ่งที่สอบถามบีมเข้ามาทางอีเมลนะคะ อธิบายบัวหิมะได้ตามนี้ค่ะ

รูปของบัวหิมะ (แหม งามกว่าของเราอีก อิอิ)
นมหมักบัวหิมะ คือ การเอานมจากพืชหรือสัตว์จากธรรมชาติ (ยิ่งสดยิ่งดีค่ะ) มาหมักกับเื้ชื้อบัวหิมะ (kefir) นมที่ได้จะมีลักษณะคล้ายโยเกิร์ต (จริง ๆ ก็คือโยเกิร์ตล่ะค่ะ) ซึ่งเป็นนมที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ของเราค่ะ

ปกติแล้วลำไส้ของเราเมื่อตอนเกิดมาจะมีจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้มากเพียงพอในการต่อต้านเชื้อโรคในลำไส้ ซึ่งลำไส้เป็นด่านภูมิคุ้มกันร่างกายที่สำคัญค่ะ หากระบบลำไส้แย่เมื่อใด จุลินทรีย์ที่เป็นโทษมีมากขึ้นจากวิถีชีวิตและอาหารของเรา และพร้อมกันนั้นจุลินทรีย์ที่ดีจะตายลงเพราะอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ แป้งขัดขาว ของมันของทอด ฯลฯ เราจะเจ็บป่วยค่ะ สิวก็เป็นอาการหนึ่งในนั้น

ดังนั้น การทานนมหมักบัวหิมะ จึงช่วยเติมเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีให้กับลำไส้อีกครั้ง ผนังลำไส้ของเราจะแข็งแรง สามารถขับดันของเสียที่สะสมอยู่ได้ด้วยตัวเค้าเอง และยังสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคในลำไส้ได้ ช่วยปรับสมดุลให้ลำไส้ในระยะยาว ใครท้องผูก ทานบัวหิมะไปสัก 2 เดือน ก็จะดีขึ้นค่ะ

เมื่อลำไส้ดี ทำงานเป็นปกติในเรื่องของการกำจัดของเสีย และต่อต้านพวกเชื้อโรคต่างๆ ได้แล้ว ระบบดูดซึมอาหารก็จะเริ่มดีขึ้น ระบบเลือด และระบบต่างๆ จะเริ่มดีขึ้นตามไปค่ะ :) คุณภาพและสุขภาพของลำไส้จะแสดงออกที่ผิวหนังค่ะ

มีคนเคยเปรียบเทียบว่าการทานนมหมักบัวหิมะจากเชื้อของมันเพียง 1 แก้ว ได้ประโยชน์มากกว่าการทานโยเกิร์ตที่วางขายทั่วไปหลายแก้วเลยค่ะ
ใครต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ google ได้นะคะ บีมว่ารายละเอียดเพิ่มเติมนั้นมันยาวไป เลยสรุปมาให้เท่านี้ ให้เข้าใจกันง่าย ๆ ละกันค่ะ :)

ส่วนข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมมาก็คือ

เราสามารถเลี้ยงเหล่าจุลินทรีย์ที่ดีนี้ในลำไส้ได้ค่ะ

โดยการทานนมหมักบัวหิมะจะช่วยเติมหรือเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่ดีให้ลำไส้ก่อน และ

อาหารของพวกเขาก็คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆค่ะ รวมไปถึงปลาด้วย
ศัตรูของพวกเขาก็คือ เนื้อสัตว์ย่อยยากทั้งหลาย ของทอด ผัด มัน ปิ้ง ย่าง แป้งขัดขาว อาหารน้ำตาลสูง

ดังนั้น การทานผักผลไม้เป็นประจำจะทำให้จุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้มีอาหาร สามารถเติบโต แข็งแรงและบำรุงรักษา ปกป้องลำไส้ของเราต่อไปได้อย่างยั่งยืนค่ะ

แต่ถ้าใครกินพวกศัตรูของเขา เขาจะตายลงไปเรื่อย ๆ และอาหารที่เป็นพิษเหล่านี้จะเป็นอาหารชั้นดีให้พวกจุลินทรีย์นิสัยไม่ดีค่ะ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็รีบหาบัวหิมะหรือ Probiotics มาเติมให้กับลำไส้กันนะคะ :) ถ้าทานยาก ก็ลองเอามาปั่นกับผักผลไม้ที่ชอบ เติมน้ำผึ้ง เติมมะนาวลงไป ก็ได้เช่นกันค่ะ :)

ส่วนบัวหิมะนั้น สามารถดูข้อมูลและเบอร์ติดต่อผู้แจกจ่ายได้ดังนี้นะคะ
งงล่ะสิคะ คุณกานต์นี่ใครหนอ... คุณกานต์เป็นคนแรกที่บีมติดต่อขอรับบัวหิมะมาค่ะ ก็เลยแนะนำเพื่อนๆ เรื่อยมา

แต่เพื่อน ๆ สามารถติดต่อผู้แบ่งบัวหิมะรายอื่นได้นะคะ ตามที่ได้ให้ไว้ในลิงค์แรก เลือกได้ตามที่ใกล้และสะดวกค่ะ

ข้อแนะนำในการทานบัวหิมะ
  • ทดลองดื่มนมหมักจากนมหลายประเภท เพราะบางคนทานนมหมักบัวหิมะที่ทำจากนมวัว อาจแพ้ (เหมือนบีมตอนแรก คือจะมีสิวและผดผื่นขึ้นค่ะ พอหยุดก็จะหายไปเอง) ซึ่งถ้าใครแพ้นมวัวหมัก ก็แนะนำเป็นนมแพะค่ะ ยี่ห้อที่บีมกินคือ นมแพะศิริชัย (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ :))
  • ใครแพ้นมทุกประเภท แนะนำให้ใ้ช้น้ำมะพร้าวหมักแทนค่ะ รสชาติที่ได้จะเหมือนน้ำข้าวหมัก รสซ่าเล็กน้อยคล้ายน้ำอัดลมค่ะ ซ่าๆเปรี้ยว ๆ แต่ก็พอทานได้ค่ะ คุณประโยชน์จากจุลินทรีย์ได้เหมือนกันทุกประการกับนมวัวหรือนมอื่นค่ะ
  • การหมักในที่อากาศเย็นอาจจะเกิดกระบวนการหมักที่ช้ากว่าค่ะ เพราะจุลินทรีย์ต้องอาศัยอุณหภูมิค่อนไปทางอุ่นในการเจริญเติบโต ซึ่งเราอาจจะแช่แก้วหมักในน้ำอุ่นหรือวางไว้ใกล้ที่มีแสงแดดเพื่อให้เค้าหมักเร็วขึ้น
  • จะดูว่าหมักได้ที่หรือยัง ตามประสบการณ์ ถ้าอากาศไม่เย็น จะใช้เวลาประมาณ 18-24 ชั่วโมงค่ะ ถ้าหนาวเย็น ก็จะนานกว่านั้น
  • ถ้าหากว่าหมักได้ที่แล้ว เนื้อของนมจะข้นขึ้น อาจจะมีการแยกชั้นนมกับน้ำค่ะ และกลิ่นจะคล้ายบูด ๆ เล็กน้อย แต่ถ้าใครชินแล้วจะรู้สึกว่าก็เหมือนกับโยเกิร์ตรสจืดนั่นล่ะค่ะ
  • ทานคู่กับอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงจะมีประสิทธิภาพในการต้านอักเสบและมีฤทธิ์ช่วยการดูดซึมซึ่งกันและกันดีมากค่ะ เ่ช่น ปลาทะเล (ที่ไม่มีสารพิษตกค้างนะคะ) ที่หนังของปลาทะเลโอเมก้า 3 สูงมาก หรือเมล็ด flaxseed เป็นพืชที่ทั่วโลกยอมรับว่ามีโอเมก้า 3 สูงสุดค่ะ ยิ่งถ้าได้เมล็ดที่มีแหล่งเพาะปลูกจากอากาศเย็น ๆ จะยิ่งมีกรดไขมันตัวนี้สูงค่ะ จะทานในรูปของสดหรืออาหารเสริมก็ได้ค่ะ ทั้งน้ำมันปลา (ไม่ใช่ "ตับปลา"นะคะ) หรือ น้ำมันเมล็ด flaxseed บีมแนะนำให้คนเป็นสิวทานนมหมักบัวหิมะควบคู่กับ น้ำมันปลาหรือ flaxseed ค่ะ ทานต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าสิวจะหายแล้วสามารถหยุดได้ (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราด้วยนะคะ ถ้าเราทำแนวสุขภาพ เราหยุดทานอาหารเสริมได้ค่ะ)
วิธีทาน
  • คนที่พึ่งทานใหม่ ๆ ทานวันละ 2 ครั้งได้เลยค่ะ เพราะลำไส้เราคงจะไม่มีจุลินทรีย์ที่ดีเหลืออยู่แล้ว เติมเข้าไปได้เต็มที่ค่ะ 2 ครั้งที่ว่านี้ ทานตอนท้องว่างแทนอาหารเช้าก็ได้ค่ะ (ดูสูตรนมบัวหิมะปั่นเพื่อทานได้ง่ายขึ้น คลิกที่นี่) แต่ช่วงแรกที่ทาน มันจะจู๊ด ๆ นะคะ เป็นกระบวนการขับของเสียออกจากลำไส้ตามปกติค่ะ จุลินทรีย์เริ่มทำงาน แต่ในบางคนของเสียเยอะมาก สัปดาห์แรก ๆ อาจจะไม่จู๊ด ๆเลยก็ได้ค่ะ ต้องทานต่อกันไปเรื่อย ๆ แสดงว่าตัวพระเอกยังมีพลังไม่มากพอที่จะกำจัดพวกผู้ร้ายออกไปค่ะ
  • คนที่ทานมาสักพักจนลำไส้เริ่มขับถ่า่ยดีขึ้น ซึ่งแต่ละคนจะใ้ช้เวลาไม่เท่ากัน ให้สังเกตเองค่ะ ว่าจากถ่ายสัปดาห์ละครั้ง มาถ่ายทุกวัน คือ ถ้าใครถ่ายทุกวันแล้วได้วันละหลายรอบโดยที่ไม่ใช่ลักษณะของท้องเสีย ก็เริ่มลดการทานลงมาเหลือวันละแก้วก็ได้ค่ะ โดยเลือกทานตามช่วงเวลาที่สะดวกได้เลย เพราะตอนนี้เหมือนกับเราบำรุงรักษาให้เค้ามีปริมาณสม่ำเสมอ ไม่ลดน้อยลงไป
  • พอนาน ๆ ไป หากใครทานอาหารมีประโยชน์ ก็อาจจะทานนมหมักบัวหิมะเดือนละ 1 สัปดาห์ก็คงจะเพียงพอค่ะ เพื่อเป็นการรักษาระดับของเค้าให้คงที่หรือสมบูรณ์
ฝรั่งบางคนเขียนว่า "บัวหิมะ คือ ของขวัญจากพระเจ้าอย่างแท้จริง" ค่ะ เพราะไม่แพง (ฝรั่งซื้อขายกันพรึ่บ) และ รักษาทุกโรคจริง ๆ

ขอให้ทุกคนยิ้มไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ
เพราะเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
อยู่ที่เราเลือกว่า จะให้มันผ่านไปแบบ "บวก" หรือ "ลบ" ค่ะ

^^

ความคิดเห็น