หลังกินวันเกิดผ่านไปเมื่อคืนแล้วสิวไม่ขึ้น ^^ (แชร์เทคนิคเด็ด ๆ ในการป้องกันสิวจากการทานอาหารฤทธิ์ร้อน)
เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดบีมเองค่า จัดงานที่บ้านเล็กๆ อยู่กับคุณพ่อคุณแม่และมีคนสนิทๆ กันอีก 3-4 คน
แต่ ก็มีความสุขมากนะคะ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่บีมได้เค้กจากคุณพ่อคุณแม่...น้ำตาซึมหลายรอบมากเมื่อวาน...ไม่คิดว่า จะมีวันนี้ค่ะ
เพราะชีวิตบีม อยู่ไกลบ้านตั้งแต่ตอนไปเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ แล้วก็ไปกรุงเทพฯ จบแล้วทำงานที่กรุงเทพแล้วไปมาเลย์...วันเกิดแต่ละปีก็อ้างว้างน่าดู อะอะ...
แต่ช่วงหลัง ๆ ตอนทำงานที่ซีเมนส์และที่มาเลย์ เพื่อนที่ทำงานก็น่ารักมาก ๆ จัดวันเกิดให้ีบีมค่ะ เค้กอร่อยๆทั้งนั้นเลย...ก็ทำให้เราไม่เหงาและรู้สึกดีมาก
แต่ว่าการ ได้อยู่กับพ่อแม่ ได้ไหว้และขอขมาท่านในวันเกิด และได้ให้แต๊ะเอียอีกเล็กน้อย เพราะรายได้ไม่ได้มากมายอะไร แต่การได้ให้อะไรกลับคืนพ่อแม่บ้างก็ทำให้รู้สึกสุขมากแบบบอกไมุ่ถูกค่ะ
นี่เป็นเค้กน้อย ๆ ที่พ่อกับแม่ซื้อมาเซอร์ไพรส์ค่ะ
น่ารักเนอะ...
เซอร์ไพรส์จริง ๆ ค่ะ เพราะปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้โรแมนติกหวานแหววกับบีมหรอกค่ะ อิอิ สไตล์เค้าจะสบาย ๆ และเลี้ยงปล่อย ๆ จนตอนเด็ก ๆรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก...แหม...จริงๆก็รักแหละ แต่ไม่ค่อยแสดงออก 555
มาเข้าเรื่องสิวกันดีกว่า
บีมตื่นเช้ามาวันนี้ด้วยความดีใจและตื่นเต้นเพราะสิวไม่ขึ้นจากการที่กินอะไรเรื่อยเปื่อยไปเมื่อวานค่ะ
ที่ว่าเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวบีมจะลองไล่เรียงให้ดูนะคะ ว่าเมื่อวานกินและทำอะไรไปบ้าง
เพราะบีมรู้ว่าตอนเย็นจะต้องมีการกินหอยแครงลวกและคงจะกินหลังหกโมง บีมก็คิดว่าวันนี้ต้องป้องกันตัวเองให้ดีซะหน่อยค่ะ
เช้ามาก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม น้ำเปล่า แล้วก็ตามด้วยกลูต้า
ดื่มน้ำฟักทองที่ซื้อมาจากตลาดไป 2 ถุง (กินจุมาก)
พอสาย ๆ หน่อยก็ปั่นแอปเปิ้ล ส้ม และแตงกวาดื่มไป 1 แก้วใหญ่ ๆ ค่อย ๆ จิบไปจนหมดค่ะ...
ใกล้ ๆ เที่ยงก็ไปทานข้าวค่ะ ข้าวขาวหุงประมาณ 1 ทัพพี กินกับน้ำพริกหรืออะไรสักอย่าง บีมจำชื่อไม่ได้น่ะค่ะ เป็นของกินพื้นเมืองกับผักกาดสด (มีรูพรุนเต็มเลย แสดงว่าคงไร้สาร 555) แล้วก็ตำขนุนไม่เผ็ด และแกงกระด้าง มีหมูทอดตรงหน้าแต่ไม่กิน ก็สองจิตสองใจ เพราะอยากแต่ไม่เอาดีกว่า ...ก็เลยไม่ได้กินค่ะ
อร่อยมากก ขอบอก...
และก็กินน้ำมันปลาชนิดแคปซูลตามด้วยน้ำมะนาวอีกประมาณไม่เกิน 1/2 แก้วเล็ก ๆ ค่ะ พอให้น้ำมันปลาลงไปในกระเพาะได้แล้วไปย่อยเองในนั้นแล้วกัน
ที่กินแบบนี้ บีมสังเกตมาสักพักแล้วค่ะว่าเวลาที่กินอะไรที่น่าจะทำให้สิวอักเสบได้ หากมื้อนั้นตามด้วยน้ำมันปลาแบบแคปซูลหรือผสมเมล็ด flaxseed ไปด้วยแล้ว ผิวเราจะไม่เป็นไรเลยค่ะ หรือได้รับผลกระทบจากอาหารมื้อนั้นน้อยมาก
ทั้งนี้เพราะโอเมก้า 3 มีฤทธิ์ต้านการอักเสบค่ะ...
ลองใช้เทคนิคนี้ได้นะคะ
แต่อีกนัยหนึ่งบีมก็คิดว่ามันเป็นผลมาจากการที่บีมได้ทานกลูต้าและวิตซี รวมถึงเจ้า DTOX มาสักระยะหนึ่งด้วยค่ะ เพิ่มเติมมาจากการดูแลร่างกายตามปกติ กลูต้าวิตซีทานได้ประมาณสัปดาห์กว่า ๆ DTOX ก็น่าจะ 3 สัปดาห์นะคะ (ถึงป่าวหว่า)
ยังไม่จบนะคะ...เดี๋ยวบีมเขียนต่อ เพราะจริง ๆ แล้วอาหารมื้อนี้ไม่ร้ายแรงเท่ากับมื้อเย็นค่ะ :)
ตอนบ่าย ๆ บีมก็กินพวกผลไม้อะไรไปเรื่อย เพราะไม่ค่อยหิวค่ะ
แต่สักบ่ายสามคุณแม่ถามว่า จะไม่ลองกินเต้าหู้นมสดที่แม่ทำหน่อยเหรอ...เค้าอุตส่าห์ทดลองทำเมื่อวานค่ะ บีมก็ไม่อยากให้ท่านเสียน้ำใจ ก็เลยไปหยิบมาชิม
ชิมแล้วหยุดไม่ได้ เพราะอร่อยมากกก
แต่รู้ว่าเป็นโทษมากกก เพราะตอนที่คุณแม่ทำบีมก็เห็นทุกขั้นตอน
นมเอย...นมข้นหวานเอย...น้ำตาลอีก...โห...แบบว่าุสุดยอดของอาหารเป็นพิษสำหรับคนเป็นสิว
แต่อร่อยมากกก โฮะ ๆ กินเกือบหมด แต่แอบยั้งใจตัวเองอยู่ ก็เลยเหลือนิดหน่อยค่ะ
เทคนิคอยู่ตรงนี้ค่ะ...ก่อนกินเต้าหู้นมสด รู้สึกบีมจะกินผลไม้หรือน้ำมะนาวนี่แหละ ไปคุ้มครองเซลล์ของบีมก่อน
ตอนเย็นก็มาถึง...หอยแครงชุดใหญ่ที่คุณพ่อถือมากำลังถูกปรุงอาหาร
บีมก็ว่าจะเตรียมตัวโดยการดื่มนมหมักบัวหิมะให้มีจุลินทรีย์ช่วยย่อยอาหารอยู่ในนั้นก่อนที่จะกินมื้อหฤโหดนี้ค่ะ
แต่ที่ไหนได้ ด้วยอากาศอันหนาวเย็น ทำให้บัวหมักช้ามาก...ยังไม่ข้นเลยง่ะ กลัวกินไปแล้วจะแพ้นมวัว (อ้อจะบอกว่า บีมทดลองทานนมไทยเดนมาร์กหมักดูค่ะ รอบนี้ไม่แพ้แล้วนะ...ดีใจจัง แต่ก็แอบหวั่นใจ ขอหมักให้ได้เป็นโยเกิร์ตก่อนดีกว่า) บีมก็เลยเทกลับไปหมักต่อ...
แล้วมาบีบมะนาวใส่แก้วประมาณ 1/2 ผล แล้วเทน้ำอุ่นลงไป ค่อยๆดื่มและจิบน้ำนี้ให้หมด รอสัก 20 นาทีบีมถึงเริ่มทานสุกี้ที่แม่ทำ ซึ่งบีมก็เอาน้ำมันปลาชนิดแคปซูลมากินพร้อมกับสุกี้ด้วย วิธีกินของบีมก็คือ เอาแคปซูลเข้าปากแล้วก็ซดน้ำซุปแทนน้ำเปล่าค่ะ ซดประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะพอให้เค้าลงไป และสักพักก็เริ่มกินหอยแครงลวกจิ้มน้ำจิ้มสุดเด็ดค่ะ
แต่ก็ไม่ได้กินเยอะ เพราะอิ่มอยู่เหมือนกัน และรู้ว่าควรจะกินขนาดไหน บีมป้องกันตัวเองกินหอยมากไป โดยการแ่บ่งหอยมาใส่ถ้วยเล็กๆของตัวเองค่ะ กะประมาณว่ากินเท่านี้ก็คงพอ แล้วมันก็พอจริง ๆ นะคะ ไม่อยากกินต่ออีก
ก็คิดว่า...มื้อนี้หมดละ กลับเข้ามากินกลูต้ากับวิตซีเข้าไปค่ะ ไม่ได้ดื่มน้ำเยอะ ดื่มพอให้เค้าลงไปค่ะ
กลับมานั่งอัพรูปลง Facebook ให้พี่ ๆ น้อง ๆ ดู
คุณแม่มาที่หน้าต่างบอกว่า "บีม ไปพิมพ์เพลงให้หน่อย แม่จะเข้าห้องน้ำ" บีมก็งง อะไรหว่า ใครก็พิมพ์ได้นี่ แล้วมันหนาวไงคะ บีมขี้เีกียจออกไปละ อิอิ เพราะตอนนี้เค้าก็ร้องเพลงกันหนุกหนานแล้ว เจ้าภาพแอบขอตัว...
บีมก็ไปนั่ง...สักพัก พ่อถือเค้กจุดเทียนมา...โห...น้ำตาซึมเลย ไม่คิดว่าจะได้เค้กจากพ่อแม่อีกครั้ง...ไม่คิดว่าเค้าจะสวีทได้แบบนี้ค่ะ ^^
หลังจากนั้นก็เป่าเทียน...
แน่นอนบีมกินเค้กค่ะ ทั้งแป้งทั้งหน้ามัน อร่อยสุดยอด...กินเยอะกว่าคนอื่นด้วยค่ะบีมน่ะ...
ก็ช่างมัน นาน ๆ ที แต่ก็แอบหวั่นใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะเป็นยังไงน้อ...
พอตกกลางคืนมาก็ล้างหน้าปกติ พอซับหน้าแล้วก็พอกด้วยน้ำมะนาวเลยค่ะ สูตรที่เคยทำไป มะนาวเท่านั้น
คิดว่าครั้งนี้คงไม่แพ้...
เพราะจากที่เคยทำการทดลองมาด้วยตัวเองกับอวัยวะส่วนอื่นที่มีอาการติดเืชื้อ หอมแดง มะนาว และน้ำมันมะพร้าวสามารถฆ่าเชื้อโรคได้แน่นอน
น้ำมันมะพร้าวเป็นไขไปแล้ว ขี้เกียจอุ่นเค้าค่ะ และคิดว่าใส่ข้ามคืนมันจะดีมั้ยเนี่ย...ก็เลยไม่ใส่ดีกว่า
ก็แสบแป๊บเดียว พอขึ้นไปนอนก็หายแล้ว
เช้ามา....
หน้าไม่เป็นไรเลยค่ะ...สภาพเมื่อวานยังไงก็ยังงั้น ไม่มีสิวเพิ่มเติมเลย
เช้านี้ก็เลยบำรุงตามปกติค่ะ...
สิ่งที่บีมได้เรียนรู้ก็คือ
คือถ้าเรารู้ว่ากินร้อนกินเย็นให้สมดุลยังไง สิวไม่ได้แอ้มเราง่าย ๆเลยค่ะ
และอาหารเสริมที่จะทานขอให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ๆ และต้านการอักเสบ จะสามารถช่วยได้มาก
น้ำมันมะพร้าวก็ดีมากค่ะ เค้าช่วยฆ่าเชื้อโรคได้จริง ๆ (ถามบีมที่อีเมลได้ค่ะ ไม่อยากเล่าที่นี่ อาย...) คือจะบอกว่าใช้แทนพวกยาเหน็บได้ก็แล้วกันค่ะ..ประสิทธิภาพสุดยอด แต่อาจไม่แรงเท่า ต้องทาบ่อย ๆหน่อย
น้ำมันมะพร้่าวนี่ทานได้นะคะ วันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะเอาลงไปผสมกับน้ำปั่นผักผลไม้ก็ได้ นมปั่นบัวหิมะก็ได้ ราดผสมข้าวก็ได้ค่ะ
จริง ๆ แ้ล้วเทคนิคนี้แอบยืมมาจากพี่สุรินทร์ค่ะ จำได้ขึ้นใจว่า พี่เค้าบอกว่า กินทุเรียนแล้วต่อด้วยมังคุด สิวก็ไม่ขึ้น... (อ้อ พี่สุรินทร์แอบฝากมาบอกว่า เอามาจากหมอเขียวอีกทีนะคะ :))
กินของฤทธิ์ร้อนแล้วกินฤทธิ์เย็น ก็จะช่่วยทำให้ร่างกายไม่ร้อนไป หรือเป็นกลาง ๆ
แต่ต้องไม่ใช่น้ำจำนวนมากๆ นะคะ เช่น น้ำมะนาวดื่มหลังอาหารได้นะ หากอาหารนั้นมีฤทธิ์ร้อนแต่ว่าไม่ควรเป็นน้ำมะนาวเย็นเป็นแก้ว ๆ ควรจะดื่มแบบอุ่น ๆ ประมาณครึ่งแก้วเป็นต้นค่ะ
บีมใช้เทคนิคน้ำมะนาวหลังหรือก่อนอาหารฤทธิ์ร้อนก็ได้ผลดีทีเดียวค่ะ ลองเอาไปประยุกต์กันดูนะคะ
อาจจะเขียนวกไปวนมาหน่อย ถ้าอ่านแล้วยังงง ๆ เขียนอีเมลหรือโทรมาถามกันได้นะคะ
มีความสุขมาก ๆ จ้า
แต่ ก็มีความสุขมากนะคะ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่บีมได้เค้กจากคุณพ่อคุณแม่...น้ำตาซึมหลายรอบมากเมื่อวาน...ไม่คิดว่า จะมีวันนี้ค่ะ
เพราะชีวิตบีม อยู่ไกลบ้านตั้งแต่ตอนไปเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ แล้วก็ไปกรุงเทพฯ จบแล้วทำงานที่กรุงเทพแล้วไปมาเลย์...วันเกิดแต่ละปีก็อ้างว้างน่าดู อะอะ...
แต่ช่วงหลัง ๆ ตอนทำงานที่ซีเมนส์และที่มาเลย์ เพื่อนที่ทำงานก็น่ารักมาก ๆ จัดวันเกิดให้ีบีมค่ะ เค้กอร่อยๆทั้งนั้นเลย...ก็ทำให้เราไม่เหงาและรู้สึกดีมาก
แต่ว่าการ ได้อยู่กับพ่อแม่ ได้ไหว้และขอขมาท่านในวันเกิด และได้ให้แต๊ะเอียอีกเล็กน้อย เพราะรายได้ไม่ได้มากมายอะไร แต่การได้ให้อะไรกลับคืนพ่อแม่บ้างก็ทำให้รู้สึกสุขมากแบบบอกไมุ่ถูกค่ะ
นี่เป็นเค้กน้อย ๆ ที่พ่อกับแม่ซื้อมาเซอร์ไพรส์ค่ะ
น่ารักเนอะ...
เซอร์ไพรส์จริง ๆ ค่ะ เพราะปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้โรแมนติกหวานแหววกับบีมหรอกค่ะ อิอิ สไตล์เค้าจะสบาย ๆ และเลี้ยงปล่อย ๆ จนตอนเด็ก ๆรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก...แหม...จริงๆก็รักแหละ แต่ไม่ค่อยแสดงออก 555
มาเข้าเรื่องสิวกันดีกว่า
บีมตื่นเช้ามาวันนี้ด้วยความดีใจและตื่นเต้นเพราะสิวไม่ขึ้นจากการที่กินอะไรเรื่อยเปื่อยไปเมื่อวานค่ะ
ที่ว่าเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวบีมจะลองไล่เรียงให้ดูนะคะ ว่าเมื่อวานกินและทำอะไรไปบ้าง
เพราะบีมรู้ว่าตอนเย็นจะต้องมีการกินหอยแครงลวกและคงจะกินหลังหกโมง บีมก็คิดว่าวันนี้ต้องป้องกันตัวเองให้ดีซะหน่อยค่ะ
เช้ามาก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิม น้ำเปล่า แล้วก็ตามด้วยกลูต้า
ดื่มน้ำฟักทองที่ซื้อมาจากตลาดไป 2 ถุง (กินจุมาก)
พอสาย ๆ หน่อยก็ปั่นแอปเปิ้ล ส้ม และแตงกวาดื่มไป 1 แก้วใหญ่ ๆ ค่อย ๆ จิบไปจนหมดค่ะ...
ใกล้ ๆ เที่ยงก็ไปทานข้าวค่ะ ข้าวขาวหุงประมาณ 1 ทัพพี กินกับน้ำพริกหรืออะไรสักอย่าง บีมจำชื่อไม่ได้น่ะค่ะ เป็นของกินพื้นเมืองกับผักกาดสด (มีรูพรุนเต็มเลย แสดงว่าคงไร้สาร 555) แล้วก็ตำขนุนไม่เผ็ด และแกงกระด้าง มีหมูทอดตรงหน้าแต่ไม่กิน ก็สองจิตสองใจ เพราะอยากแต่ไม่เอาดีกว่า ...ก็เลยไม่ได้กินค่ะ
อร่อยมากก ขอบอก...
และก็กินน้ำมันปลาชนิดแคปซูลตามด้วยน้ำมะนาวอีกประมาณไม่เกิน 1/2 แก้วเล็ก ๆ ค่ะ พอให้น้ำมันปลาลงไปในกระเพาะได้แล้วไปย่อยเองในนั้นแล้วกัน
ที่กินแบบนี้ บีมสังเกตมาสักพักแล้วค่ะว่าเวลาที่กินอะไรที่น่าจะทำให้สิวอักเสบได้ หากมื้อนั้นตามด้วยน้ำมันปลาแบบแคปซูลหรือผสมเมล็ด flaxseed ไปด้วยแล้ว ผิวเราจะไม่เป็นไรเลยค่ะ หรือได้รับผลกระทบจากอาหารมื้อนั้นน้อยมาก
ทั้งนี้เพราะโอเมก้า 3 มีฤทธิ์ต้านการอักเสบค่ะ...
ลองใช้เทคนิคนี้ได้นะคะ
แต่อีกนัยหนึ่งบีมก็คิดว่ามันเป็นผลมาจากการที่บีมได้ทานกลูต้าและวิตซี รวมถึงเจ้า DTOX มาสักระยะหนึ่งด้วยค่ะ เพิ่มเติมมาจากการดูแลร่างกายตามปกติ กลูต้าวิตซีทานได้ประมาณสัปดาห์กว่า ๆ DTOX ก็น่าจะ 3 สัปดาห์นะคะ (ถึงป่าวหว่า)
ยังไม่จบนะคะ...เดี๋ยวบีมเขียนต่อ เพราะจริง ๆ แล้วอาหารมื้อนี้ไม่ร้ายแรงเท่ากับมื้อเย็นค่ะ :)
ตอนบ่าย ๆ บีมก็กินพวกผลไม้อะไรไปเรื่อย เพราะไม่ค่อยหิวค่ะ
แต่สักบ่ายสามคุณแม่ถามว่า จะไม่ลองกินเต้าหู้นมสดที่แม่ทำหน่อยเหรอ...เค้าอุตส่าห์ทดลองทำเมื่อวานค่ะ บีมก็ไม่อยากให้ท่านเสียน้ำใจ ก็เลยไปหยิบมาชิม
ชิมแล้วหยุดไม่ได้ เพราะอร่อยมากกก
แต่รู้ว่าเป็นโทษมากกก เพราะตอนที่คุณแม่ทำบีมก็เห็นทุกขั้นตอน
นมเอย...นมข้นหวานเอย...น้ำตาลอีก...โห...แบบว่าุสุดยอดของอาหารเป็นพิษสำหรับคนเป็นสิว
แต่อร่อยมากกก โฮะ ๆ กินเกือบหมด แต่แอบยั้งใจตัวเองอยู่ ก็เลยเหลือนิดหน่อยค่ะ
เทคนิคอยู่ตรงนี้ค่ะ...ก่อนกินเต้าหู้นมสด รู้สึกบีมจะกินผลไม้หรือน้ำมะนาวนี่แหละ ไปคุ้มครองเซลล์ของบีมก่อน
ตอนเย็นก็มาถึง...หอยแครงชุดใหญ่ที่คุณพ่อถือมากำลังถูกปรุงอาหาร
บีมก็ว่าจะเตรียมตัวโดยการดื่มนมหมักบัวหิมะให้มีจุลินทรีย์ช่วยย่อยอาหารอยู่ในนั้นก่อนที่จะกินมื้อหฤโหดนี้ค่ะ
แต่ที่ไหนได้ ด้วยอากาศอันหนาวเย็น ทำให้บัวหมักช้ามาก...ยังไม่ข้นเลยง่ะ กลัวกินไปแล้วจะแพ้นมวัว (อ้อจะบอกว่า บีมทดลองทานนมไทยเดนมาร์กหมักดูค่ะ รอบนี้ไม่แพ้แล้วนะ...ดีใจจัง แต่ก็แอบหวั่นใจ ขอหมักให้ได้เป็นโยเกิร์ตก่อนดีกว่า) บีมก็เลยเทกลับไปหมักต่อ...
แล้วมาบีบมะนาวใส่แก้วประมาณ 1/2 ผล แล้วเทน้ำอุ่นลงไป ค่อยๆดื่มและจิบน้ำนี้ให้หมด รอสัก 20 นาทีบีมถึงเริ่มทานสุกี้ที่แม่ทำ ซึ่งบีมก็เอาน้ำมันปลาชนิดแคปซูลมากินพร้อมกับสุกี้ด้วย วิธีกินของบีมก็คือ เอาแคปซูลเข้าปากแล้วก็ซดน้ำซุปแทนน้ำเปล่าค่ะ ซดประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะพอให้เค้าลงไป และสักพักก็เริ่มกินหอยแครงลวกจิ้มน้ำจิ้มสุดเด็ดค่ะ
แต่ก็ไม่ได้กินเยอะ เพราะอิ่มอยู่เหมือนกัน และรู้ว่าควรจะกินขนาดไหน บีมป้องกันตัวเองกินหอยมากไป โดยการแ่บ่งหอยมาใส่ถ้วยเล็กๆของตัวเองค่ะ กะประมาณว่ากินเท่านี้ก็คงพอ แล้วมันก็พอจริง ๆ นะคะ ไม่อยากกินต่ออีก
ก็คิดว่า...มื้อนี้หมดละ กลับเข้ามากินกลูต้ากับวิตซีเข้าไปค่ะ ไม่ได้ดื่มน้ำเยอะ ดื่มพอให้เค้าลงไปค่ะ
กลับมานั่งอัพรูปลง Facebook ให้พี่ ๆ น้อง ๆ ดู
คุณแม่มาที่หน้าต่างบอกว่า "บีม ไปพิมพ์เพลงให้หน่อย แม่จะเข้าห้องน้ำ" บีมก็งง อะไรหว่า ใครก็พิมพ์ได้นี่ แล้วมันหนาวไงคะ บีมขี้เีกียจออกไปละ อิอิ เพราะตอนนี้เค้าก็ร้องเพลงกันหนุกหนานแล้ว เจ้าภาพแอบขอตัว...
บีมก็ไปนั่ง...สักพัก พ่อถือเค้กจุดเทียนมา...โห...น้ำตาซึมเลย ไม่คิดว่าจะได้เค้กจากพ่อแม่อีกครั้ง...ไม่คิดว่าเค้าจะสวีทได้แบบนี้ค่ะ ^^
หลังจากนั้นก็เป่าเทียน...
แน่นอนบีมกินเค้กค่ะ ทั้งแป้งทั้งหน้ามัน อร่อยสุดยอด...กินเยอะกว่าคนอื่นด้วยค่ะบีมน่ะ...
ก็ช่างมัน นาน ๆ ที แต่ก็แอบหวั่นใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะเป็นยังไงน้อ...
พอตกกลางคืนมาก็ล้างหน้าปกติ พอซับหน้าแล้วก็พอกด้วยน้ำมะนาวเลยค่ะ สูตรที่เคยทำไป มะนาวเท่านั้น
คิดว่าครั้งนี้คงไม่แพ้...
เพราะจากที่เคยทำการทดลองมาด้วยตัวเองกับอวัยวะส่วนอื่นที่มีอาการติดเืชื้อ หอมแดง มะนาว และน้ำมันมะพร้าวสามารถฆ่าเชื้อโรคได้แน่นอน
น้ำมันมะพร้าวเป็นไขไปแล้ว ขี้เกียจอุ่นเค้าค่ะ และคิดว่าใส่ข้ามคืนมันจะดีมั้ยเนี่ย...ก็เลยไม่ใส่ดีกว่า
ก็แสบแป๊บเดียว พอขึ้นไปนอนก็หายแล้ว
เช้ามา....
หน้าไม่เป็นไรเลยค่ะ...สภาพเมื่อวานยังไงก็ยังงั้น ไม่มีสิวเพิ่มเติมเลย
เช้านี้ก็เลยบำรุงตามปกติค่ะ...
สิ่งที่บีมได้เรียนรู้ก็คือ
- ต้องมีเทคนิคในการใช้อาหารเสริมช่วยป้องกันไม่ให้สิวใหม่ขึ้น ซึ่งต้องรู้คุณสมบัติของอาหารเสริมแต่ละประเภทรวมทั้งลักษณะการดูดซึมเพื่อ ประสิทธิภาพสูงสุดและตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน
- ถ้าจะกินน้ำมันปลา กินได้ทุกมื้ออาหารที่อาจทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้
- วิตซีกลูต้า DTOX ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ติดเชื้อยากขึ้น
คือถ้าเรารู้ว่ากินร้อนกินเย็นให้สมดุลยังไง สิวไม่ได้แอ้มเราง่าย ๆเลยค่ะ
และอาหารเสริมที่จะทานขอให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ๆ และต้านการอักเสบ จะสามารถช่วยได้มาก
น้ำมันมะพร้าวก็ดีมากค่ะ เค้าช่วยฆ่าเชื้อโรคได้จริง ๆ (ถามบีมที่อีเมลได้ค่ะ ไม่อยากเล่าที่นี่ อาย...) คือจะบอกว่าใช้แทนพวกยาเหน็บได้ก็แล้วกันค่ะ..ประสิทธิภาพสุดยอด แต่อาจไม่แรงเท่า ต้องทาบ่อย ๆหน่อย
น้ำมันมะพร้่าวนี่ทานได้นะคะ วันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะเอาลงไปผสมกับน้ำปั่นผักผลไม้ก็ได้ นมปั่นบัวหิมะก็ได้ ราดผสมข้าวก็ได้ค่ะ
จริง ๆ แ้ล้วเทคนิคนี้แอบยืมมาจากพี่สุรินทร์ค่ะ จำได้ขึ้นใจว่า พี่เค้าบอกว่า กินทุเรียนแล้วต่อด้วยมังคุด สิวก็ไม่ขึ้น... (อ้อ พี่สุรินทร์แอบฝากมาบอกว่า เอามาจากหมอเขียวอีกทีนะคะ :))
กินของฤทธิ์ร้อนแล้วกินฤทธิ์เย็น ก็จะช่่วยทำให้ร่างกายไม่ร้อนไป หรือเป็นกลาง ๆ
แต่ต้องไม่ใช่น้ำจำนวนมากๆ นะคะ เช่น น้ำมะนาวดื่มหลังอาหารได้นะ หากอาหารนั้นมีฤทธิ์ร้อนแต่ว่าไม่ควรเป็นน้ำมะนาวเย็นเป็นแก้ว ๆ ควรจะดื่มแบบอุ่น ๆ ประมาณครึ่งแก้วเป็นต้นค่ะ
บีมใช้เทคนิคน้ำมะนาวหลังหรือก่อนอาหารฤทธิ์ร้อนก็ได้ผลดีทีเดียวค่ะ ลองเอาไปประยุกต์กันดูนะคะ
อาจจะเขียนวกไปวนมาหน่อย ถ้าอ่านแล้วยังงง ๆ เขียนอีเมลหรือโทรมาถามกันได้นะคะ
มีความสุขมาก ๆ จ้า
ความคิดเห็น