สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ทั้งหมดในช่วง 3 เดือนแห่งธรรมชาติบำบัด
วันนี้บีมจะมาสรุปให้อ่านกันนะคะ ว่าเหตุต้นผลปลายของสิวนั้นเป็นอย่างไร แม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% เพราะยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้อ่านคือ ระบบการทำงานของตับและไต รวมไปถึง หลักแพทย์แผนไทย และแผนจีน (ธาตุต่างๆ เส้นลมปราณ ฯลฯ) เพราะ มันช่างลึกซึ้งเหลือเกิน สองหัวข้อนี้ ขออ่านทีหลังแบบชิว ๆ ดีกว่า ไม่งั้นคงเข้าไปไม่ถึงแก่นของเค้าแน่ ๆ
แต่บีมพอจะมองภาพออกแล้ว บวกกับการปฏิบัติของตัวเองที่ผ่านมา
ถ้าเพื่อน ๆ เห็นรูปที่อัพเดท เหมือนไม่หายใช่มะคะ
บีมน่ะ กล้าให้มาดูกันถึงที่บ้านเลยค่ะ ว่ามันหายแล้ว เหลือแต่รอยแค่นั้นแหละ
ส่วนสิวอุดตัน เดี๋ยวบีมจะมาเฉลยให้ฟังกันว่า จะแก้ยังไงนะคะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ...
สาเหตุของสิวคืออะไร?
ตอบ สาเหตุของสิวคือ "ความไม่สมดุล" ระหว่างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และความไม่สมดุลระหว่างร่างกายของเรากับสิ่งแวดล้อม
ความไม่สมดุลระหว่างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น
แต่ก็ขอให้ทำ ให้เปลี่ยนเท่าที่ตัวเองจะทำได้ค่ะ อาจจะเสนอให้ที่ทำงานมีร้านขายน้ำปั่นผักผลไม้สดสักร้านหนึ่ง ก็บอกเค้าไปว่า ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นได้นะ บลา บลา บลา ได้ไม่ได้อีกเรื่อง เพราะถือว่าเราได้ลองทำอะไรบางอย่างออกไปแล้ว
ถ้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองค่ะ
จะรักษาสิวทำยังไงล่ะ?
ตอบ คำตอบง่าย ๆ สั้น ๆ คือ "ก็ปรับสมดุลสิคะ" เราดูว่า ชีวิตหรือร่างกายเราเสียสมดุลตรงไหนก็ปรับตรงนั้น
ซึ่งต้องมีวินัยกับตัวเอง มีความตั้งใจจริง พร้อมเรียนรู้ ช่างสังเกต แล้วก็จะเจอ "จุดสมดุล" ของตัวเองค่ะ ซึ่งใครค้นพบจุดนั้นเมื่อไหร่ ก็จะรู้เองว่า จะพิชิตสิวของตัวเองยังไง จะรักษาใบหน้าให้ปราศจากสิวตลอดไปได้อย่างไร
บีมยืนยันว่าทุกคนมีจุดดังกล่าวค่ะ ขอแค่อดทนและตั้งใจค่ะ แล้วจะหาเจอเอง
แนวธรรมชาติบำบัดไม่ทันใจน่ะ กินยาแทนได้มั้ย?
ตอบ คำถามนี้ต้องถามตัวเองค่ะ เพราะบีมเป็นคนละร่างกายกับของคุณ ไม่สามารถตอบแทนได้ ว่าคุณต้องการแบบไหน คุณมองสั้นหรือมองยาว
ตอบ ที่ว่าไม่เห็นเป็นไร เพราะ มันอยู่ข้างในต่างหากล่ะคะ ถ้าควักออกมาได้เหมือนกับหุ่นยนต์บีมก็อยากจะควักอวัยวะของตัวเองในอดีตมาปรียบเทียบกับตอนนี้จังค่ะ คงจะเห็นความต่างได้มากมาย
ถ้าเพื่อน ๆ อยากเห็นภาพอวัยวะภายในของตัวเอง ก็ลองหาดูภาพใน google ดูค่ะ หรือวารสารทางการแพทย์ก็คงจะมีให้ดู ลองค้นหาคำว่า นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วในไต ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ แล้วแต่ว่าผลข้างเคียงของยาตัวนั้นมันมีอะไรบ้าง บีมคิดว่าภายในของเราก็คงไม่ต่างจากภาพนั้น
อีกข้อหนึ่งก็คือ คนเป็นสิว มักจะคิดว่า เออ...วิธีไหนก็ได้ที่สิวหาย อย่างอื่นช่างมัน แล้วมันสบายใจนะที่เห็นหน้าตัวเองใส ๆ ทุกวัน ข้างในช่างมันเถอะ หน้าใสแบบนี้มั่นใจดีเวลาเข้าสังคม คือ เราเอาคุณค่าตัวเองไปติดกับความรู้สึกของคนภายนอกด้วย และบางครั้งก็มากเกินไป ซึ่งคนเป็นสิวจะเป็นโรคประเภทนี้อยู่ คือ เปราะบางต่อคำพูดของคนรอบข้างค่อนข้างมาก (บีมก็เคยเป็นค่า ไม่ใช่ไม่เคย)
เราก็เลย "ทำเป็นไม่เห็น" ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นข้างใน แค่หน้าใสก็พอละ
ซึ่งบีมได้ผ่านธรรมชาติบำบัดมาแล้ว 3 เดือน เทียบกับนรก 10 กว่าปีนั้นที่กินและทายา คือ รู้เลยว่า สวรรค์มีที่ให้กับทุกคนที่พยายาม ร่างกายมันแข็งแรงมาก ๆ สิวลดลงไปเรื่อย ๆ ตัวเราก็ได้ฝึกจิต ละกิเลส อยู่ด้วยเหตุผล เพราะเราต้องฝึกคิดว่า เออ อันนี้มันไขมันนะ กินแล้วเป็นสิว เราจะไม่ค่อยตามใจตัวเองเหมือนแต่ก่อนแล้ว คือ ถ้าใครทำแนวธรรมชาติบำบัดจนหายได้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ และได้จิตใจที่สงบ มีเหตุผลและมีพลังขึ้นด้วย ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้น
รางวัลมีไว้ให้สำหรับคนที่พยายามเท่านั้นค่ะ นี่คือ กฎแห่งธรรมชาติ ซึ่งใครก็ฝืนไม่ได้
(post นี้อาจจะ post ด้วยคำตรง ๆ แรง ๆ หน่อย เพราะการใช้คำแบบนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าค่ะ บีมอยากให้ทุกคนหายจริง ๆ และบีมทำด้วยความหวังดีค่ะ)
ผลกระทบของยาที่มีต่อร่างกายมีอะไรบ้าง?
ตอบ บีมคิดว่าเพื่อน ๆ คงจะหาอ่านผลข้างเคียงของยาโรแอคฯ และ เตตร้าไซคลินได้ไม่ยากนะคะ เลยไม่เอามาแปะไว้ที่นี่ บีมขอเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองดีกว่านะคะ
จากผลการตรวจร่างกายที่บีมเคยให้เพื่อน ๆ ดูกันไปแล้ว พบว่า มีแนวโน้มเป็นโลหิตจาง ไขมันในเลือดสูงมาก และยังมีเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ
ทั้ง ๆ ที่บีมเลิกกินยารักษาสิวทั้งสองตัวนั้นมาอย่างต่ำ 1 ปีแล้ว
พอบีมลองค้นคว้าดูข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของเตตร้าไซคลินซึ่งบีมกินตั้งแต่ ม.1 ถึงประมาณ ม.5 เพราะ ตั้งแต่ม.5 หมอเปลี่ยนเป็นโรแอคฯ ซึ่งแพงกว่าและแรงกว่า และกินเรื่อยมาจนถึงประมาณปี 4
บริษัทยา มักจะมีเขียนว่า "ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป"
(บีมจำลิงค์ไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะเอามาโพสต์ให้ดูเมื่อเจอแล้วนะคะ)
พออ่านผลข้างเคียงของยาเตตร้าไซคลิน บีมก็ร้องอ๋อ เข้าใจแจ่มแจ้งว่าทำไมสุขภาพตัวเองจึงแย่ขนาดนั้นในช่วงที่กินยารักษาสิว และยังเข้าใจอีกว่าทำไมสิวต้องขึ้นหลังจากที่ได้เริ่มทำแนวธรรมชาติบำับัดด้วยค่ะ และทำไมสิวขึ้นหลังจากที่ไม่ได้ไปหาหมอ และทำไมสิวขึ้นมากกว่าเดิมหลังจากเลิกหาหมอ
อาการที่ 1 ผิวไวต่อแสงแดด (ใช่ค่ะ คล้ำง่ายมาก ไปรับน้องที่ทะเล แค่วันเดียว ดำกว่าเพื่อนในกลุ่มสิบเท่า ดำแต่หน้าด้วย) แต่อาการนี้จะสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ไม่รู้นานเท่าไหร่ค่ะ แต่ตอนนี้บีมไม่เป็นแล้ว ไม่ใส่กันแดดก็ไม่ดำนะ หรือถ้าแดดแรงจริง ๆ ก็คล้ำลงน้อยมาก และผิวกลับมาเหมือนเดิมเร็วมาก
อาการที่ 2 เป็นแผลที่ทางเดินอาหารรวมไปถึงอวัยวะสืบพันธุ์ เนื่องจากเชื้อราแคนดิดาขยายตัวอย่างมาก (คิดว่าใช่ เพราะมีอาการท้องเสียมาตลอด เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ไม่ได้เ็ป็นอะไรก็ปวดท้อง มีปัญหากับท้องและลำไส้มาก ๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีเลย และแต่ก่อนเหมือนจะติดเชื้อง่ายมากเช่นกันค่ะ)
อาการที่ 3 โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวลดลง เลือดออกเป็นจ้ำ ๆ ตามผิวหนังง่ายมาก (นี่เป็นผลของยาต่อคุณภาพของเลือดและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเลือด ซึ่งผลตรวจร่างกายของบีมเมื่อปีีที่แล้วออกมา ปรากฎว่าตรงทุกอย่าง มีแนวโน้มเป็นโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวมีปัญหา ซึ่งเม็ดเลือดขาวนี่ด้วยค่ะ ที่ให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จึงเป็นสิวเรื้อรัง)
อาการที่ 4 น้ำดีไหลไม่สะดวก และตับเป็นพิษ (คิดว่า ใช่เพราะหลังจากถ่ายด้วยดีเกลือ น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก รู้ึสึกว่าตาจะใสขึ้นมาก ๆ เหมือนตอนเป็นเด็ก และตาแสดงถึงคุณภาพของตับ ถ้าใครตาเหลือง ตามัว ไม่ใส แสดงว่าตับก็เป็นเช่นนั้นค่ะ บีมเคยมีเส้นเลือดในตาแตกแดงโดยไ่ม่รู้สาเหตุ ตาเหลืองบ้าง ตาขุ่นมัว ซึ่งคงเป็นเพราะตับไม่แข็งแรงนี่แหละ)
อาการที่ 5 ไตทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มียูเรีย และของเสียประเภทไนโตรเจน (เกิดจากการบริโภคอาหารโปรตีน ถ้าจำไม่ผิด) หลงเหลืออยู่ในเลือดมาก และไตซึ่งทางแพทย์แผนจีนถือว่าเป็นแหล่งสะสมอาหารและพลังงานแห่งหนึ่ง กลับไม่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารกลูโคส กรดอะมิโน และฟอสเฟต กลับมาใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ เคยสังเกตมั้ยคะว่า ใครกินยารักษาสิวนาน ๆ เวลาปัสสาวะ จะมีมดด้วยล่ะ บีมเคยเป็น เพราะมันมีน้ำตาลที่เรียกว่ากลูโคสนี่ล่ะค่ะ)
บีมเลือกมาแค่อาการที่บีมเคยเป็น และตรงกับผลตรวจสุขภาพของปีที่แล้ว
เพราะคิดว่าคงเป็นปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ใช้ยานี้มานานแสนนาน ซึ่งผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยตรงกับเรื่องสิว เลยไม่ได้นำมาพูดด้วย
ถ้าใครคิดว่า ร่างกายเราขับยาเหล่านี้ออกได้หมดภายใน 1 วัน บีมอยากให้ลองทบทวนดูใหม่นะคะ
บีมไม่แน่ใจว่า ยาแต่ละตัวมันสามารถอยู่ในร่างกายได้นานขนาดไหน เพราะไม่ได้เรียนเภสัชหรือเคมีมา
แต่จากการสังเกตตอนที่ดื่มน้ำดีเกลือ
เพียงแค่แก้วเดียวตอนก่อนนอน แก้วละ 200 มิลลิลิตร ผสมดีเกลือ 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
มันสามารถออกฤทธิ์ได้ตลอดทั้งวันในวันถัดไป...
และลองคิดดูนะคะ กับยารักษาสิวที่กินวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละมากกว่า 1 เม็ด หรืออะไรก็ตาม ซึ่งมีความถี่มากกว่า มันจะไม่สะสมได้ยังไง
ร่างกายยังขับของเดิมออกไม่หมดเลย ก็เอาของใหม่เข้าไปอีกแล้ว
และสารเคมีที่ปล่อยจากยา ร่างกายเค้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนกับเค้านะคะ
เค้าคิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอมและพยายามกำจัดออก
อวัยวะที่ใช้กำจัดคือ ตับ และ ไต
พอเรากินยาเยอะ ๆ เข้า ตับ กับ ไต ก็ทำงานหนักมากกกกกกกกกกกกก
นอกจากยาแล้ว เรากินอะไรกันบ้าง น้ำอัดลม ขนมถุง ขนมทอด อาหารผัด ทอด ปิ้งย่าง ฯลฯ
แล้วกินกี่โมง?
ตับ กับ ไต ก็เหมือนเรา ต้องการการพักผ่อน แต่เรากลับใ้ช้งานหนักเหมือนมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราซะงั้น แถมยังให้ทำงานไม่หยุดหย่อนอีก
ไม่เสื่อมไหวเหรอคะ?
พอจะเข้าใจรึยังคะว่า ทั้งยา ทั้งพฤติกรรมของเรา ทำให้อวัยวะภายใน โดยเฉพาะตับ ไต ลำไส้ เสื่อมทั้งนั้น
พอมันเสื่อม ภูมิคุ้มกันก็พร่อง สารเคมีก็เยอะ อนุมูลอิสระก็เยอะ เพราะตับ กับ ไต เค้ากำจัดไม่ทัน
คราวนี้ พอไม่ได้หาหมอ เชื้อโรคก็ร่าเริง ไม่มียามาฆ่าพวกมันแล้ว
บางประเภท ก็แข็งแกร่งขึ้น
พอกลับไปหาหมอ ก็ต้องได้กินตัวแรงกว่าเดิม ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายล้างร่างกายมากกว่าเดิม
ก็เ็ป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
นี่เป็นเหตุผลว่า บีมขอให้ทำใจถ้าหากทำแนวธรรมชาติบำบัดเพื่อให้หายขาดจะต้องมีช่วงถอนพิษ
บีมเข้าใจว่า ช่วงแรก ๆ ที่เราเริ่มล้างพิษ เริ่มปรับพฤติกรรมนั้น ผิวเริ่มดี เพราะของเสียในเลือดได้ค่อย ๆ ถูกกำจัดออกไป
พอทำแนวนี้ไปสักพัก ทำไมสิวขึ้นมาอีก
เพราะว่า ตับ ไต และเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของเราทั้งหมด เริ่มเสาะแสวงหาจุดบกพร่อง เสื่อมสภาพของร่างกาย (คือเริ่มแข็งแรงและกลับมาทำหน้าที่นั่นล่ะค่ะ) ถ้าเค้าเจอก็จะซ่อม
ถ้าหากของเสียในเลือดนั้นไปที่ตับ ตับจะทำการแยกสลาย เอาของดีมาใช้ ส่วนของเสียเป็นอนุมูลอิสระไป ซึ่ง ของเสียเหล่านี้ ก็จะไปอยู่ในเลือด ถ้าไปที่ไต แล้วไตแข็งแรง ประสิทธิภาพเยี่ยม กำจัดออกทัน (นึกถึงโรงงานนรกน่ะค่ะ ที่เป็นระบบสายพาน ถ้าหากตับยัดงานเข้าไปให้ไตทำ แล้วไตนั่งเหงาหลับ เฉื่อย ไม่มีแรง สารพิษก็ตกค้าง วนเวียนในเลือดนั่นแหละ) ถ้าไตกำจัดออกทัน ก็จะไม่ไหลวนกลับมาขึ้นที่หน้าได้
นั่นเป็นสาเหตุว่า ทำไมบางคนล้างพิษตับแล้วยังมีสิว เพราะ แม้ตับจะแข็งแรง แต่ไตเสื่อม และเรายังไม่ออกกำลังช่วยให้เลือดไหลเวียนไปออกทางผิวหนังหรือทางปอด สิวก็ยังมีอยู่
ดังนั้น การจะรักษาสิวแนวธรรมชาติบำบัดให้หายมีหลักดังนี้
แต่บีมพอจะมองภาพออกแล้ว บวกกับการปฏิบัติของตัวเองที่ผ่านมา
ถ้าเพื่อน ๆ เห็นรูปที่อัพเดท เหมือนไม่หายใช่มะคะ
บีมน่ะ กล้าให้มาดูกันถึงที่บ้านเลยค่ะ ว่ามันหายแล้ว เหลือแต่รอยแค่นั้นแหละ
ส่วนสิวอุดตัน เดี๋ยวบีมจะมาเฉลยให้ฟังกันว่า จะแก้ยังไงนะคะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ...
สาเหตุของสิวคืออะไร?
ตอบ สาเหตุของสิวคือ "ความไม่สมดุล" ระหว่างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และความไม่สมดุลระหว่างร่างกายของเรากับสิ่งแวดล้อม
ความไม่สมดุลระหว่างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น
- เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนแอนโดรเจนเริ่มทำงาน แต่รูขุมขนเรายังกะเปี๊ยกเท่าเดิม น้ำมันเพิ่มแต่ทางออกขนาดเท่าเดิม ก็เกิดการอุดตัน ซึ่งสิวแบบนี้ ถ้าหากปรับสมดุลด้วยอาหาร และรักษาสุขภาพดี ๆ เดี๋ยวร่างกายก็จะปรับตัวได้เอง และหายได้เอง
- เมื่อเรากินเยอะ แต่ย่อยอาหารได้น้อย เนื่องจาก ไฟย่อยอาหารไม่ดี เคี้ยวไม่ละเอียด กินอาหารย่อยยาก กินสารแปลกปลอมเยอะ (พวกของปิ้งให้ไหม้เกรียมนี่ก็ตัวดี) สารปรุงแต่งเยอะ ดื่มน้ำหลังข้าวมื้อนั้นมาก ๆ ก็ทำให้ร่างกายย่อยของที่เข้ามาได้ไม่ดี ทำให้เหลือตกค้าง เป็นพิษสะสมในลำไส้ ไหลวนกลับเข้าสู่กระแสเลือดไปได้อีก ก็เป็นสาเหตุของสิวได้
- เมื่อเรามีความเครียดสูง แต่ไม่เคยระบายออก ก็ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน และเป็นสาเหตุของสิวอีกเช่นกัน
- นาฬิกาชีวภาพของมนุษย์บอกให้เราถ่ายตอนเช้า พักตอนเย็น นอนแต่หัวค่ำ แต่ด้วยงานที่เครียด ความรับผิดชอบที่มาก เอ็นทรานซ์ ฯลฯ ทำให้เราเก็บไปถ่ายที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน ตอนเย็นต้องทำโอทีต่อ หัวค่ำนั่งกินปลาเผากับเจ้านายหรือเพื่อน ตกดึกกลับบ้านเล่นเน็ตและดูทีวี นอนเลยเที่ยงคืน นี่ก็ทำให้เกิดสิว
- ร่างกายของมนุษย์ต้องการอาหารไร้สารพิษและอาหารธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ แต่ด้วยความรีบเร่ง ใครมันจะมีเวลาไปเดินทอดน่องในสวนสาธารณะก่อนไปทำงาน ไปช้าเดี๋ยวตอกบัตรไม่ทัน โดนหักเงินอีก อาหารก็ไม่ีมีเวลาทำ กลางวันต้องกินข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ใช้น้ำมันเก่ารึเปล่าก็ไม่รู้ ฯลฯ นี่ก็ทำให้เกิดสิว
แต่ก็ขอให้ทำ ให้เปลี่ยนเท่าที่ตัวเองจะทำได้ค่ะ อาจจะเสนอให้ที่ทำงานมีร้านขายน้ำปั่นผักผลไม้สดสักร้านหนึ่ง ก็บอกเค้าไปว่า ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นได้นะ บลา บลา บลา ได้ไม่ได้อีกเรื่อง เพราะถือว่าเราได้ลองทำอะไรบางอย่างออกไปแล้ว
ถ้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองค่ะ
จะรักษาสิวทำยังไงล่ะ?
ตอบ คำตอบง่าย ๆ สั้น ๆ คือ "ก็ปรับสมดุลสิคะ" เราดูว่า ชีวิตหรือร่างกายเราเสียสมดุลตรงไหนก็ปรับตรงนั้น
ซึ่งต้องมีวินัยกับตัวเอง มีความตั้งใจจริง พร้อมเรียนรู้ ช่างสังเกต แล้วก็จะเจอ "จุดสมดุล" ของตัวเองค่ะ ซึ่งใครค้นพบจุดนั้นเมื่อไหร่ ก็จะรู้เองว่า จะพิชิตสิวของตัวเองยังไง จะรักษาใบหน้าให้ปราศจากสิวตลอดไปได้อย่างไร
บีมยืนยันว่าทุกคนมีจุดดังกล่าวค่ะ ขอแค่อดทนและตั้งใจค่ะ แล้วจะหาเจอเอง
แนวธรรมชาติบำบัดไม่ทันใจน่ะ กินยาแทนได้มั้ย?
ตอบ คำถามนี้ต้องถามตัวเองค่ะ เพราะบีมเป็นคนละร่างกายกับของคุณ ไม่สามารถตอบแทนได้ ว่าคุณต้องการแบบไหน คุณมองสั้นหรือมองยาว
- ถ้าจะกินยา ผลที่ตามมาก็คือ หายเร็ว แต่ถ้าหยุดกิน มันก็กลับมาอีก แม้สิวหาย แต่อวัยวะภายในกับสมดุลร่างกายเสียหายหลายแสน
- ถ้าทำแนวธรรมชาติบำบัด ผลที่ตามมาก็คือ หายช้าหน่อย แต่ได้ร่างกายกลับมาเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง แถมเป็นหมอรักษาตัวเองได้ด้วย สุขภาพดีจากภายใน ถึงผิวใสที่ภายนอกในระยะยาว แบบนี้เลิกหาหมอตลอดไป เซย์บ๊ายบายได้เลย
ตอบ ที่ว่าไม่เห็นเป็นไร เพราะ มันอยู่ข้างในต่างหากล่ะคะ ถ้าควักออกมาได้เหมือนกับหุ่นยนต์บีมก็อยากจะควักอวัยวะของตัวเองในอดีตมาปรียบเทียบกับตอนนี้จังค่ะ คงจะเห็นความต่างได้มากมาย
ถ้าเพื่อน ๆ อยากเห็นภาพอวัยวะภายในของตัวเอง ก็ลองหาดูภาพใน google ดูค่ะ หรือวารสารทางการแพทย์ก็คงจะมีให้ดู ลองค้นหาคำว่า นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วในไต ไขมันในเลือดสูง ฯลฯ แล้วแต่ว่าผลข้างเคียงของยาตัวนั้นมันมีอะไรบ้าง บีมคิดว่าภายในของเราก็คงไม่ต่างจากภาพนั้น
อีกข้อหนึ่งก็คือ คนเป็นสิว มักจะคิดว่า เออ...วิธีไหนก็ได้ที่สิวหาย อย่างอื่นช่างมัน แล้วมันสบายใจนะที่เห็นหน้าตัวเองใส ๆ ทุกวัน ข้างในช่างมันเถอะ หน้าใสแบบนี้มั่นใจดีเวลาเข้าสังคม คือ เราเอาคุณค่าตัวเองไปติดกับความรู้สึกของคนภายนอกด้วย และบางครั้งก็มากเกินไป ซึ่งคนเป็นสิวจะเป็นโรคประเภทนี้อยู่ คือ เปราะบางต่อคำพูดของคนรอบข้างค่อนข้างมาก (บีมก็เคยเป็นค่า ไม่ใช่ไม่เคย)
เราก็เลย "ทำเป็นไม่เห็น" ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นข้างใน แค่หน้าใสก็พอละ
ซึ่งบีมได้ผ่านธรรมชาติบำบัดมาแล้ว 3 เดือน เทียบกับนรก 10 กว่าปีนั้นที่กินและทายา คือ รู้เลยว่า สวรรค์มีที่ให้กับทุกคนที่พยายาม ร่างกายมันแข็งแรงมาก ๆ สิวลดลงไปเรื่อย ๆ ตัวเราก็ได้ฝึกจิต ละกิเลส อยู่ด้วยเหตุผล เพราะเราต้องฝึกคิดว่า เออ อันนี้มันไขมันนะ กินแล้วเป็นสิว เราจะไม่ค่อยตามใจตัวเองเหมือนแต่ก่อนแล้ว คือ ถ้าใครทำแนวธรรมชาติบำบัดจนหายได้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ และได้จิตใจที่สงบ มีเหตุผลและมีพลังขึ้นด้วย ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้น
รางวัลมีไว้ให้สำหรับคนที่พยายามเท่านั้นค่ะ นี่คือ กฎแห่งธรรมชาติ ซึ่งใครก็ฝืนไม่ได้
(post นี้อาจจะ post ด้วยคำตรง ๆ แรง ๆ หน่อย เพราะการใช้คำแบบนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าค่ะ บีมอยากให้ทุกคนหายจริง ๆ และบีมทำด้วยความหวังดีค่ะ)
ผลกระทบของยาที่มีต่อร่างกายมีอะไรบ้าง?
ตอบ บีมคิดว่าเพื่อน ๆ คงจะหาอ่านผลข้างเคียงของยาโรแอคฯ และ เตตร้าไซคลินได้ไม่ยากนะคะ เลยไม่เอามาแปะไว้ที่นี่ บีมขอเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองดีกว่านะคะ
จากผลการตรวจร่างกายที่บีมเคยให้เพื่อน ๆ ดูกันไปแล้ว พบว่า มีแนวโน้มเป็นโลหิตจาง ไขมันในเลือดสูงมาก และยังมีเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ
ทั้ง ๆ ที่บีมเลิกกินยารักษาสิวทั้งสองตัวนั้นมาอย่างต่ำ 1 ปีแล้ว
พอบีมลองค้นคว้าดูข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของเตตร้าไซคลินซึ่งบีมกินตั้งแต่ ม.1 ถึงประมาณ ม.5 เพราะ ตั้งแต่ม.5 หมอเปลี่ยนเป็นโรแอคฯ ซึ่งแพงกว่าและแรงกว่า และกินเรื่อยมาจนถึงประมาณปี 4
บริษัทยา มักจะมีเขียนว่า "ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป"
(บีมจำลิงค์ไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะเอามาโพสต์ให้ดูเมื่อเจอแล้วนะคะ)
พออ่านผลข้างเคียงของยาเตตร้าไซคลิน บีมก็ร้องอ๋อ เข้าใจแจ่มแจ้งว่าทำไมสุขภาพตัวเองจึงแย่ขนาดนั้นในช่วงที่กินยารักษาสิว และยังเข้าใจอีกว่าทำไมสิวต้องขึ้นหลังจากที่ได้เริ่มทำแนวธรรมชาติบำับัดด้วยค่ะ และทำไมสิวขึ้นหลังจากที่ไม่ได้ไปหาหมอ และทำไมสิวขึ้นมากกว่าเดิมหลังจากเลิกหาหมอ
อาการที่ 1 ผิวไวต่อแสงแดด (ใช่ค่ะ คล้ำง่ายมาก ไปรับน้องที่ทะเล แค่วันเดียว ดำกว่าเพื่อนในกลุ่มสิบเท่า ดำแต่หน้าด้วย) แต่อาการนี้จะสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ไม่รู้นานเท่าไหร่ค่ะ แต่ตอนนี้บีมไม่เป็นแล้ว ไม่ใส่กันแดดก็ไม่ดำนะ หรือถ้าแดดแรงจริง ๆ ก็คล้ำลงน้อยมาก และผิวกลับมาเหมือนเดิมเร็วมาก
อาการที่ 2 เป็นแผลที่ทางเดินอาหารรวมไปถึงอวัยวะสืบพันธุ์ เนื่องจากเชื้อราแคนดิดาขยายตัวอย่างมาก (คิดว่าใช่ เพราะมีอาการท้องเสียมาตลอด เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ไม่ได้เ็ป็นอะไรก็ปวดท้อง มีปัญหากับท้องและลำไส้มาก ๆ ซึ่งตอนนี้ไม่มีเลย และแต่ก่อนเหมือนจะติดเชื้อง่ายมากเช่นกันค่ะ)
อาการที่ 3 โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวลดลง เลือดออกเป็นจ้ำ ๆ ตามผิวหนังง่ายมาก (นี่เป็นผลของยาต่อคุณภาพของเลือดและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเลือด ซึ่งผลตรวจร่างกายของบีมเมื่อปีีที่แล้วออกมา ปรากฎว่าตรงทุกอย่าง มีแนวโน้มเป็นโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวมีปัญหา ซึ่งเม็ดเลือดขาวนี่ด้วยค่ะ ที่ให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จึงเป็นสิวเรื้อรัง)
อาการที่ 4 น้ำดีไหลไม่สะดวก และตับเป็นพิษ (คิดว่า ใช่เพราะหลังจากถ่ายด้วยดีเกลือ น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก รู้ึสึกว่าตาจะใสขึ้นมาก ๆ เหมือนตอนเป็นเด็ก และตาแสดงถึงคุณภาพของตับ ถ้าใครตาเหลือง ตามัว ไม่ใส แสดงว่าตับก็เป็นเช่นนั้นค่ะ บีมเคยมีเส้นเลือดในตาแตกแดงโดยไ่ม่รู้สาเหตุ ตาเหลืองบ้าง ตาขุ่นมัว ซึ่งคงเป็นเพราะตับไม่แข็งแรงนี่แหละ)
อาการที่ 5 ไตทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มียูเรีย และของเสียประเภทไนโตรเจน (เกิดจากการบริโภคอาหารโปรตีน ถ้าจำไม่ผิด) หลงเหลืออยู่ในเลือดมาก และไตซึ่งทางแพทย์แผนจีนถือว่าเป็นแหล่งสะสมอาหารและพลังงานแห่งหนึ่ง กลับไม่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารกลูโคส กรดอะมิโน และฟอสเฟต กลับมาใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ เคยสังเกตมั้ยคะว่า ใครกินยารักษาสิวนาน ๆ เวลาปัสสาวะ จะมีมดด้วยล่ะ บีมเคยเป็น เพราะมันมีน้ำตาลที่เรียกว่ากลูโคสนี่ล่ะค่ะ)
บีมเลือกมาแค่อาการที่บีมเคยเป็น และตรงกับผลตรวจสุขภาพของปีที่แล้ว
เพราะคิดว่าคงเป็นปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ใช้ยานี้มานานแสนนาน ซึ่งผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยตรงกับเรื่องสิว เลยไม่ได้นำมาพูดด้วย
ถ้าใครคิดว่า ร่างกายเราขับยาเหล่านี้ออกได้หมดภายใน 1 วัน บีมอยากให้ลองทบทวนดูใหม่นะคะ
บีมไม่แน่ใจว่า ยาแต่ละตัวมันสามารถอยู่ในร่างกายได้นานขนาดไหน เพราะไม่ได้เรียนเภสัชหรือเคมีมา
แต่จากการสังเกตตอนที่ดื่มน้ำดีเกลือ
เพียงแค่แก้วเดียวตอนก่อนนอน แก้วละ 200 มิลลิลิตร ผสมดีเกลือ 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
มันสามารถออกฤทธิ์ได้ตลอดทั้งวันในวันถัดไป...
และลองคิดดูนะคะ กับยารักษาสิวที่กินวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละมากกว่า 1 เม็ด หรืออะไรก็ตาม ซึ่งมีความถี่มากกว่า มันจะไม่สะสมได้ยังไง
ร่างกายยังขับของเดิมออกไม่หมดเลย ก็เอาของใหม่เข้าไปอีกแล้ว
และสารเคมีที่ปล่อยจากยา ร่างกายเค้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนกับเค้านะคะ
เค้าคิดว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอมและพยายามกำจัดออก
อวัยวะที่ใช้กำจัดคือ ตับ และ ไต
พอเรากินยาเยอะ ๆ เข้า ตับ กับ ไต ก็ทำงานหนักมากกกกกกกกกกกกก
นอกจากยาแล้ว เรากินอะไรกันบ้าง น้ำอัดลม ขนมถุง ขนมทอด อาหารผัด ทอด ปิ้งย่าง ฯลฯ
แล้วกินกี่โมง?
ตับ กับ ไต ก็เหมือนเรา ต้องการการพักผ่อน แต่เรากลับใ้ช้งานหนักเหมือนมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราซะงั้น แถมยังให้ทำงานไม่หยุดหย่อนอีก
ไม่เสื่อมไหวเหรอคะ?
พอจะเข้าใจรึยังคะว่า ทั้งยา ทั้งพฤติกรรมของเรา ทำให้อวัยวะภายใน โดยเฉพาะตับ ไต ลำไส้ เสื่อมทั้งนั้น
พอมันเสื่อม ภูมิคุ้มกันก็พร่อง สารเคมีก็เยอะ อนุมูลอิสระก็เยอะ เพราะตับ กับ ไต เค้ากำจัดไม่ทัน
คราวนี้ พอไม่ได้หาหมอ เชื้อโรคก็ร่าเริง ไม่มียามาฆ่าพวกมันแล้ว
บางประเภท ก็แข็งแกร่งขึ้น
พอกลับไปหาหมอ ก็ต้องได้กินตัวแรงกว่าเดิม ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายล้างร่างกายมากกว่าเดิม
ก็เ็ป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
นี่เป็นเหตุผลว่า บีมขอให้ทำใจถ้าหากทำแนวธรรมชาติบำบัดเพื่อให้หายขาดจะต้องมีช่วงถอนพิษ
บีมเข้าใจว่า ช่วงแรก ๆ ที่เราเริ่มล้างพิษ เริ่มปรับพฤติกรรมนั้น ผิวเริ่มดี เพราะของเสียในเลือดได้ค่อย ๆ ถูกกำจัดออกไป
พอทำแนวนี้ไปสักพัก ทำไมสิวขึ้นมาอีก
เพราะว่า ตับ ไต และเม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของเราทั้งหมด เริ่มเสาะแสวงหาจุดบกพร่อง เสื่อมสภาพของร่างกาย (คือเริ่มแข็งแรงและกลับมาทำหน้าที่นั่นล่ะค่ะ) ถ้าเค้าเจอก็จะซ่อม
ถ้าหากของเสียในเลือดนั้นไปที่ตับ ตับจะทำการแยกสลาย เอาของดีมาใช้ ส่วนของเสียเป็นอนุมูลอิสระไป ซึ่ง ของเสียเหล่านี้ ก็จะไปอยู่ในเลือด ถ้าไปที่ไต แล้วไตแข็งแรง ประสิทธิภาพเยี่ยม กำจัดออกทัน (นึกถึงโรงงานนรกน่ะค่ะ ที่เป็นระบบสายพาน ถ้าหากตับยัดงานเข้าไปให้ไตทำ แล้วไตนั่งเหงาหลับ เฉื่อย ไม่มีแรง สารพิษก็ตกค้าง วนเวียนในเลือดนั่นแหละ) ถ้าไตกำจัดออกทัน ก็จะไม่ไหลวนกลับมาขึ้นที่หน้าได้
นั่นเป็นสาเหตุว่า ทำไมบางคนล้างพิษตับแล้วยังมีสิว เพราะ แม้ตับจะแข็งแรง แต่ไตเสื่อม และเรายังไม่ออกกำลังช่วยให้เลือดไหลเวียนไปออกทางผิวหนังหรือทางปอด สิวก็ยังมีอยู่
ดังนั้น การจะรักษาสิวแนวธรรมชาติบำบัดให้หายมีหลักดังนี้
- ลดสารพิษ สารเคมีที่เข้าู่ร่างกายทั้งทางอาหาร น้ำ อากาศ และจิตใจ (ควาิมคิดลบทั้งหลายแหล่)
- ช่วยร่างกายขับสารพิษโดยการใช้ไฟเบอร์ (ใยอาหาร) ขูดซา อบไอน้ำ อบซาวน่า ออกกำลัง ฝึกหายใจลึก ๆ เข้าออกช้า ๆ นั่งสมาธิ อาบน้ำอุ่น นวดตัวระหว่างอาบน้ำ รับแสงแดด เพื่อลดภาระให้กับตับและไต เค้าจะได้มีเวลาซ่อมแซมตัวเองบ้าง
- รับประทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์และฤทธิ์เย็นเป็นหลักในช่วงแรก
- ไม่ดื่มน้ำเย็นเลย และทำให้ถูกตามหลักการดื่มน้ำอย่างเคร่งครัด
- ไม่ต้องใช้ยารักษาสิวเลย ทั้งยาทาและยากิน เพราะสิวที่ขึ้นจะเป็นตัวบ่งบอกเองว่า อวัยวะส่วนใดของเราตอนนี้ต้องการการเยียวยาเป็นพิเศษ หรือ ส่วนใดกำลังร้อน (สิวอักเสบและแดง) ส่วนใดที่มีไขมันสะสมมาก ฯลฯ ซึ่งสามารถดูได้ตามนี้เลย และให้เราค่อย ๆ ปรับสมดุลไปทีละน้อย
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.arokaya.com
สรุปว่า ต้องบำรุง ตับ ไต ลดการอักเสบ และเพิ่่มช่องทางการระบายของเสีย ไม่ใช้ยากินและยาทาเลยค่ะ
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้ประโยชน์จากโพสต์นี้ไปไม่มากก็น้อยนะคะ
ส่วนผิวหน้าบีมนั้น บีมต้องบอกอย่างนี้ค่ะว่า ตอนนี้ไม่มีการอักเสบแล้ว ที่บอกคือ มีแต่สิวรอบเดือน
คือ ประสบความสำเร็จแล้วในการรักษาสิวอักเสบ (ที่แต่ก่อน เม็ดนี้ลง อีกหลายเม็ดขึ้น)
และสิวอุดตันนี้ มาจากสารพิษตกค้างในตัวเราค่ะ
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายคนจึงมีสิวผดและอุดตันเรื้อรัง
เจ้าสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่มันหายยากเพราะ ร่างกายเรายังกำจัดสารพิษตกค้างไม่หมดค่ะ
ตอนนี้บีมพอใจกับหน้าบีมแล้ว ซึ่งบีมสามารถจะเลือกได้ว่า บีมจะให้มันหมดเกลี้ยงไปเลยมั้ย หรือว่าโอเค เป็นแบบนี้ก็ยอมรับได้แล้ว
ซึ่งถ้าน้ำหนักบีมเริ่มขึ้นไปที่ 43 กก. หรือ วันไหนที่บีมอยากจะให้มันหมดไปจากหน้า บีมจะทำอดอาหาร 10 วัน หรือ 5 วันค่ะ ซึ่งมั่นใจว่าเกลี้ยงแน่นอน
แต่ตอนนี้ยังไม่ทำแค่นั้นแหละ เพราะยัง enjoy eating อยู่ ก็กินอาหารกับที่บ้านได้มากขึ้นในขณะที่ก็ยังสามารถรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้ในระดับนี้
ถือว่าพอใจมากค่ะ ^^
- ตัวล้างหน้า ใช้สูตรอ่อนโยนโคตร ๆ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ) ครีมบำรุงไม่ต้อง เพราะรบกวนกลไกการฟื้นฟู ซ่อมแซมตามธรรมชาติของผิว สารเคมีจากตัวผลิตภัณฑ์ยังสามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่เส้นเลือด เป็นภาระให้ตับอีก
- นอนให้หลับสนิทในช่วง สี่ทุ่ม ถึง ตีสอง จะช่วยได้มาก
- ออกกำลังให้ได้ทุกวัน วันละนิดละหน่อยก็ยังดี
- หาวิธีผ่อนคลายความเครียดของตัวเองให้เจอ ห้ามให้ความเครียดสะสม
- หาสมุนไพร หรือ อาหารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ในการบำรุงตับ ไต ล้างพิษในเส้นเลือด ล้างไขมันในเส้นเลือด ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด
- กินเมล็ดลินิน (flaxseed) อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง ทานพร้อมกับนมหมักบัวหิมะทุกวันตอนท้องว่าง
- เพิ่มพลังการหมุนเวียนของเลือดลมในร่างกาย และพยายามทำให้เท้าอุ่นอยู่เสมอ ถ้าได้บีบนวด หรือกดจุดเท้าทุกวันก่อนนอนก็ดีค่ะ ^^) ใส่ถุงเท้าเวลานอน และไม่ควรปล่อยให้ร่างกายหนาวเย็น เพราะจะทำให้ไตทำงานไม่ดีค่ะ (บางครั้งบีมจะเอาถุงน้ำร้อนแบบที่เสียบไฟแล้วร้อน เอามาวางที่เท้า ให้ฝ่าเท้าอุ่น หรือ วางบริเวณช่องท้อง ตับ หรือวางที่บั้นเอวซึ่งเป็นบริเวณไต ก็รู้สึกสบายและทำให้นอนหลับสนิทดี)
- ช่วงแรก ๆ ของการรักษาสิวด้วยแนวนี้ ไม่ควรโหมกินอาหารเสริมหรือวิตามินนะคะ ยกเว้นแต่ว่าจะได้เข้าโปรแกรมรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริง ๆ เพราะ อาจจะเป็นการเพิ่มภาระให้ตับและไตได้ค่ะ แทนที่จะดีกลับไม่ดี
- ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด คือ มะระ เอามาปั่น หรือ คั้นเอาแต่น้ำมาิกิน หรือจะตัดแล้วตากแดดให้แห้ง เอามาชงเป็นชาก็ได้เช่นกัน
- ลดไขมันในเลือดและตับ คือ น้ำมะนาว
- ลดการอักเสบ คือ น้ำใบบัวบกคั้นสด ซึ่งเอามาพอกหน้าจะทำให้ช่วยลดความมันบนใบหน้า และลดอาการแดงร้อนของหน้า ลดอาการอักเสบ และหากดื่มคู่กับน้ำใบบัวบัก จะยิ่งช่วยทำให้อาการสิวดีขึ้น ดื่มได้ทุกวันค่ะ เพราะร่างกายคนเป็นสิวมีการอักเสบเยอะแยะมาก นับไม่ถ้วน
- เม็ดเก๋ากี๊ ใช้แบบแห้ง นำมาต้มดื่มเฉพาะน้ำก่อนนอน ดื่มอุ่น ช่วยบำรุงตับ
- ต้มเห็ด 3 อย่าง ดื่มขณะอุ่น ๆ ช่วยบำรุงตับ กินเนื้อเห็ด ได้โปรตีน (จึงเหมาะเป็นข้าวเช้าหรือกลางวัน เพราะโปรตีนย่อยยากมาก)
- ขับน้ำปัสสาวะที่ไต ดื่มน้ำชงหญ้าหนวดแมว หรือน้ำต้มใบเตยก็ได้ค่ะ
สรุปว่า ต้องบำรุง ตับ ไต ลดการอักเสบ และเพิ่่มช่องทางการระบายของเสีย ไม่ใช้ยากินและยาทาเลยค่ะ
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้ประโยชน์จากโพสต์นี้ไปไม่มากก็น้อยนะคะ
ส่วนผิวหน้าบีมนั้น บีมต้องบอกอย่างนี้ค่ะว่า ตอนนี้ไม่มีการอักเสบแล้ว ที่บอกคือ มีแต่สิวรอบเดือน
คือ ประสบความสำเร็จแล้วในการรักษาสิวอักเสบ (ที่แต่ก่อน เม็ดนี้ลง อีกหลายเม็ดขึ้น)
และสิวอุดตันนี้ มาจากสารพิษตกค้างในตัวเราค่ะ
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายคนจึงมีสิวผดและอุดตันเรื้อรัง
เจ้าสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่มันหายยากเพราะ ร่างกายเรายังกำจัดสารพิษตกค้างไม่หมดค่ะ
ตอนนี้บีมพอใจกับหน้าบีมแล้ว ซึ่งบีมสามารถจะเลือกได้ว่า บีมจะให้มันหมดเกลี้ยงไปเลยมั้ย หรือว่าโอเค เป็นแบบนี้ก็ยอมรับได้แล้ว
ซึ่งถ้าน้ำหนักบีมเริ่มขึ้นไปที่ 43 กก. หรือ วันไหนที่บีมอยากจะให้มันหมดไปจากหน้า บีมจะทำอดอาหาร 10 วัน หรือ 5 วันค่ะ ซึ่งมั่นใจว่าเกลี้ยงแน่นอน
แต่ตอนนี้ยังไม่ทำแค่นั้นแหละ เพราะยัง enjoy eating อยู่ ก็กินอาหารกับที่บ้านได้มากขึ้นในขณะที่ก็ยังสามารถรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้ในระดับนี้
ถือว่าพอใจมากค่ะ ^^
ความคิดเห็น