หลักการกินวิตามินที่ถูกต้อง - คำแนะนำจาก Dr.Ben Kim

วันนี้บีมได้รับความกรุณาจาก Dr. Ben Kim ซึ่งบีมได้ติดต่อท่านทาง Twitter เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และท่านได้กรุณาให้ลิงค์บทความที่ท่านเขียนเอาไว้ ซึ่งสรุปได้ว่า

โดย ปกติแล้ว สัดส่วนของวิตามินและแร่ธาตุที่คนเราควรได้รับนั้น ธรรมชาติได้จัดสรรเอาไว้อย่างลงตัวอยู่แล้วในอาหารจากธรรมชาติแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น

ใน แอปเปิ้ลหนึ่งผล ก็จะมีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุอยู่รวมกันทั้งหมด เพียงแต่ว่ามีในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน โดยเจ้าคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีนจะให้พลังงานแก่ร่างกายโดยมีวิตามินและแร่ธาตุในแอปเปิ้ลนั้น ช่วยทำให้สารอาหารในแอปเปิ้ลทั้งหมดถูกใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

ท่าน จึงแนะนำให้เรากินสิ่งที่มาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านการดัดแปลง หรือผ่านน้อยที่สุด เพราะธรรมชาติจัดสรรให้เราอย่างสมดุลและพอดีอยู่แล้ว

ดัง นั้น การกินวิตามินหรือแร่ธาตุจำนวนมาก ๆ โดยไม่ตรวจสอบว่า แท้จริงแล้วเราขาดวิตามินหรือแร่ธาตุตัวใดเป็นพิเศษนั้น จึงเป็นสิ่งที่อันตรายต่อร่างกาย

แล้วเมื่อใดที่เราควรกินอาหารเสริม
  • เราได้รับการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือแล้วว่าเราขาดวิตามินตัวนั้นจริง ๆ
  • เมื่อเราได้พยายามสร้างสุขภาพของเราอย่างเต็มที่แล้ว แต่เราไม่ได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุนั้นอย่างเพียงพอจากแหล่งอาหารที่เรา สามารถหาได้
ซึ่งท่าน ดร.คิมได้แนะนำว่า หากต้องการจะซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้ดูผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ 100% วิธี สังเกตคือ ส่วนผสมมักจะมีหลายตัว และเป็นส่วนผสมที่ส่งเสริมการทำงานของกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น หากซื้อ วิตามินซี ถ้าที่ฉลากเขียนแค่ Ascorbic Acid เฉยๆ ไม่มีตัวอื่นพ่วงเลย เช่น ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) เฮ็สเพอริดิน (Hesperidin) และ รูติน (Rutin) ซึ่ง เป็นสารที่ทำให้วิตามินถูกดูดซึมได้ดีขึ้นและใช้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น แสดงว่าตัวนั้นเป็นวิตามินซีสังเคราะห์ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ และยังอาจจะสร้างพิษด้วย

ท่านยังบอกอีกว่า ให้ซื้ออาหารเสริมที่บรรจุใน “ขวดแก้วสีเข้ม” ที่จะรักษาสารอาหารให้คงอยู่ไว้ได้ ไม่เหมือนกับขวดใสหรือพลาสติก ซึ่งมีราคาถูกกว่าและไม่แตกง่าย

ขอแนะนำให้ใช้เฉพาะคนที่ทำตามขั้นตอนที่ 1 อย่างถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อทานอะไรเข้าไปสิวมักจะอักเสบได้ง่ายอยู่ค่ะ ทานเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและบำรุงรักษาตัวเองได้เร็วขึ้น

ทำไมจึงไม่แนะนำให้กินวิตามินเป็นขั้นตอนแรก

เพราะ ตอนที่ร่างกายของเรายังไม่แข็งแรงพอ และไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายเลย วิตามินที่ทานเข้าไปมักจะออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ หรือถ้าหากจะกิน ต้องกินในปริมาณมาก ๆ และต้องกินหลายตัวมาก เพราะเราไม่รู้ว่าเราขาดตัวใดบ้าง (ซึ่งมักจะขาดเกือบทุกตัว)

การ กินวิตามินมาก ๆ แต่ไม่กินอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งธรรมชาติได้จัดสรรสัดส่วนของสารอาหารไว้ให้ อย่างดีแล้วนั้น จะยิ่งเป็นภาระต่อตับและไตในการกำจัดวิตามินส่วนเกินออกจากร่างกาย

และยิ่งถ้าเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปซื้อวิตามินสังเคราะห์มาแทนวิตามินแท้จากธรรมชาติ 100% พิษจะเกิดขึ้นกับร่างกายเข้าไปอีก ทำให้อาการสิวแย่ลงได้ (ตับกับไตที่ทำงานหนักก็มีส่วนทำให้สิวแย่ลง)

นอกจากนี้ ยาจำพวกเตตราไซคลิน หรือแก้อักเสบสำหรับสิวนั้น ก็เป็นศัตรูกับวิตามินหลาย ๆ ตัว เช่น สังกะสี ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นตัวสำคัญที่สามารถทำให้อาการสิวดีขึ้นได้ แต่บางคนกินแล้วไม่เห็นผล ก็เพราะว่า มีตัวยาแก้อักเสบตกค้างอยู่ในร่างกาย เมื่อกินสังกะสีเข้าไป มันก็ไม่ออกฤทธิ์ เลยไม่เห็นผล

ดังนั้น บีมจึงแนะนำให้ทำขั้นตอนที่ 1 ให้ได้ก่อน พยายามสร้างสุขภาพค่อย ๆ ล้างพิษออกไปให้หมดก่อน แล้วค่อยมากินวิตามินถ้าจำเป็น จึงจะเห็นผลดีและรวดเร็วค่ะ

ความคิดเห็น

InSpring Beam กล่าวว่า
แต่สำหรับ Flaxseed Oil หรือน้ำมันเมล็ดลินินที่บีมแนะนำให้กินนั้น สามารถกินได้ตั้งแต่เริ่มสร้างสุขภาพนะคะ เพราะเป็นตัวที่ใคร ๆ ก็มักจะขาดกัน และ Dr.Johanna ก็ได้ตรวจเลือดคนหลายพันคนแล้วค่ะว่า คนที่สุขภาพไม่ดีมักจะมีปริมาณโอเมก้า 3 (กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร) น้อยกว่าคนที่มีสุขภาพดีค่ะ ตัวนี้ถ้าได้กินกับโยเกิร์ตบัวหิมะจะช่วยส่งเสริมการทำงานของกันและกันได้ดีค่ะ