วิีธีสังเกตง่าย ๆ ว่าตัวเองมีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน
post ที่จะเขียนตอนนี้มีที่มาจากเมื่อวานนี้ค่ะ
บีมไปเขียนใน twitter เกี่ยวกับเรื่องป้องกันหรือรักษาตัวเองจากหวัด ว่าภาวะเป็นหวัดเนี่ย แสดงว่ามีความร้อนเกิน ซึ่งบีมอ้างอิงมาจากหนังสือ "ความลับฟ้า" ที่หมอเขียวเป็นผู้เขียน
ที่เขียนก็ด้วยความหวังดี เห็นว่าใกล้จะหน้าหนาวแล้ว ก็อยากจะให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมรับมือกับภัยไข้หวัดค่ะ ไม่ได้ต้องการอวดรู้อะไรแต่อย่างใด
และที่เชื่อว่าหวัดเป็นภาวะร้อนเกิน เพราะจากประสบการณ์ของบีมเอง ที่เมื่อเกิดภาวะร้อนในร่างกาย จนทำให้น้ำมูกไหล ถ้าได้กินอาหารฤทธิ์เย็น มันก็จะทำให้อาการต่าง ๆ เหล่านั้นหายไป
ครั้งที่รู้สึกว่า มันเกิดขึ้นจากภาวะร้อนเกินก็คือ วันนั้น บีมเอาของที่มีฤทธิ์ร้อน 3 อย่าง คือ พริกไทยดำ กระเทียม และอีกอย่างนึง จำไม่ได้แล้วว่าคืออะไร โขลกให้ละเอียด แล้วเอาใส่ในน้ำปั่นที่ตัวเองกินอยู่ทุกวัน
กินไปสองแก้ว (แก้วละประมาณ 250 มิลลิลิตร) พอช่วงใกล้เที่ยง ตัวเริ่มรุม ๆ ร้อน ๆ พอบ่าย ๆ น้ำมูกใส ๆก็ไหลออกมาค่ะ
ช่วงที่เป็นหวัดก็กินแต่อาหารฤทธิ์เย็นเพื่อดับร้อน และหายภายใน 3 วันเอง
นี่คือสิ่งที่บีมได้เห็นเองน่ะนะคะ เลยเอามาแบ่งปันกัน
แต่ว่า @drchain เค้าก็ชี้แนะมาว่า การที่จะเป็นหวัด เกิดได้จากทั้งร้อนและเย็นเกิน จะเหมารวมกันไม่ได้
ซึ่งบีมก็ขอบคุณ และก็เข้าใจประเด็นเรื่องความสมดุลนี้
บีมก็เลยขออนุญาตนำข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ "ความลับฟ้า" ที่เขียนโดยหมอเขียว ที่เีกี่ยวกับการดูว่าตัวเราเองนั้นมีภาวะร้อนหรือเย็นเกิน ดังต่อไปนี้ค่ะ
ถ้าใครมีภาวะเย็นเกิน ก็ตรงกันข้ามค่ะ ไฟน้อย ทำให้เหลือน้ำเยอะ เหมือนน้ำท่วมร่างกาย จึงบวม ๆ ซีด ๆ เพราะน้ำไปเจือจางเลือด เจือจางสารอาหาร เป็นต้น
หมอเขียวท่านบอกว่า จากประสบการณ์ของท่าน มักจะเริ่มต้นด้วยการปรับสมดุลจากภาวะร้อนเกินเป็นหลัก เพราะคนในสมัยนี้ มักจะได้รับอาหารฤทธิ์ร้อนมากเกินไป สิ่งแวดล้อม สารเคมีก็ทำให้เกิดฤทธิ์ร้อน
คนที่เคยมีภาวะเย็น หรือสมดุลเมื่อตอนเป็นเ็ด็ก แต่เติบโตมาด้วยอาหารฤทธิ์ร้อนหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็จะเริ่มเปลี่ยนไปมีภาวะร้อน (อันนี้บีมเป็นสิ่งที่บีมเข้าใจค่ะ)
หากเืพื่อน ๆ ไม่รู้ว่า ตัวเองมีภาวะร้อนหรือเย็น ก็ให้ทดลองทำง่าย ๆ คือ ลองกินอาหารฤทธิ์ร้อนหรือเย็นเข้าไปดู ถ้าหากว่ากินฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายดีขึ้น แสดงว่าตัวเองมีภาวะเย็นเกิน แต่ถ้าหากว่าตัวเองกินฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายแย่ลง แสดงว่ามีภาวะร้อนเกิน ให้ปรับด้วยอาหารฤทธิ์เย็น
ดังนั้น ในคนหนึ่ง ภาวะร้อนเย็นนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เราก็ปรับสมดุลด้วยอาหารเป็นหลัก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมด้วย ^^
หวังว่า post นี้คงจะมีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ในแง่ของการดูแลสุขภาพโดยรวมนะคะ ซึ่งบีมยืนยันว่า ถ้าสุขภาพดีแล้ว สิวจะหายแน่นอนค่ะ ขอให้อดทน
บีมกำลังพยายามปะติดปะต่อข้อมูลที่หามาได้ กะลังค้นคว้าข้อมูลอยู่ค่ะ
และคิดว่าจะได้ภาพรวมและคำตอบภายในไม่ช้า ^^
ขอให้มีสุขภาพดีกันทุกคนนะคะ
บีมไปเขียนใน twitter เกี่ยวกับเรื่องป้องกันหรือรักษาตัวเองจากหวัด ว่าภาวะเป็นหวัดเนี่ย แสดงว่ามีความร้อนเกิน ซึ่งบีมอ้างอิงมาจากหนังสือ "ความลับฟ้า" ที่หมอเขียวเป็นผู้เขียน
ที่เขียนก็ด้วยความหวังดี เห็นว่าใกล้จะหน้าหนาวแล้ว ก็อยากจะให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมรับมือกับภัยไข้หวัดค่ะ ไม่ได้ต้องการอวดรู้อะไรแต่อย่างใด
และที่เชื่อว่าหวัดเป็นภาวะร้อนเกิน เพราะจากประสบการณ์ของบีมเอง ที่เมื่อเกิดภาวะร้อนในร่างกาย จนทำให้น้ำมูกไหล ถ้าได้กินอาหารฤทธิ์เย็น มันก็จะทำให้อาการต่าง ๆ เหล่านั้นหายไป
ครั้งที่รู้สึกว่า มันเกิดขึ้นจากภาวะร้อนเกินก็คือ วันนั้น บีมเอาของที่มีฤทธิ์ร้อน 3 อย่าง คือ พริกไทยดำ กระเทียม และอีกอย่างนึง จำไม่ได้แล้วว่าคืออะไร โขลกให้ละเอียด แล้วเอาใส่ในน้ำปั่นที่ตัวเองกินอยู่ทุกวัน
กินไปสองแก้ว (แก้วละประมาณ 250 มิลลิลิตร) พอช่วงใกล้เที่ยง ตัวเริ่มรุม ๆ ร้อน ๆ พอบ่าย ๆ น้ำมูกใส ๆก็ไหลออกมาค่ะ
ช่วงที่เป็นหวัดก็กินแต่อาหารฤทธิ์เย็นเพื่อดับร้อน และหายภายใน 3 วันเอง
นี่คือสิ่งที่บีมได้เห็นเองน่ะนะคะ เลยเอามาแบ่งปันกัน
แต่ว่า @drchain เค้าก็ชี้แนะมาว่า การที่จะเป็นหวัด เกิดได้จากทั้งร้อนและเย็นเกิน จะเหมารวมกันไม่ได้
ซึ่งบีมก็ขอบคุณ และก็เข้าใจประเด็นเรื่องความสมดุลนี้
บีมก็เลยขออนุญาตนำข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ "ความลับฟ้า" ที่เขียนโดยหมอเขียว ที่เีกี่ยวกับการดูว่าตัวเราเองนั้นมีภาวะร้อนหรือเย็นเกิน ดังต่อไปนี้ค่ะ
ภาวะร้อนเกิน
- ตาแดง ตาแห้ง แสบตา ปวดตา ตามัว ขี้ตาข้น เหนียวหรือไม่ค่อยมีขี้ตา หนังตาตก ขนคิ้วร่วง ขอบตาคล้ำ
- มีสิว ฝ้า
- มีตุ่ม แผลในช่องปากด้านล่าง ร้อนในช่องปาก เหงือกอักเสบ
- นอนกรน ปากคอแห้ง ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย
- ผมร่วง หงอกก่อนวัย มีรังแค รูขุมขนขยายโดยเฉพาะบริเวณหน้าอก คอ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- ไข้ขึ้น ปวดหัว ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว
- มีเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก เป็นรอยเขียวคล้ำ
- ปวดบวมแดง ร้อนตามร่างกายหรือตามข้อ
- กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เป็นตะคริวบ่อย
- ผิวหนังปกติคล้ายมีรอยไหม้ เกิดฝีหนอง น้ำเหลืองเสียตามร่างกาย
- ตกกระสีน้ำตาลหรือสีดำตามร่างกาย
- ท้องผูก อุจจาระแข็งหรือเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายขี้แพะ บางครั้งมีท้องเสียแทรก
- ปัสสาวะปริมาณน้อย สีเข้ม ปัสสาวะบ่อย แสบขัด มักจะลุกปัสสาวะกลางคืนช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง
- ร้อนท้อง แสบท้อง ท้องอืด
- ผิวหนังมีผื่น ปื้นแดง คันหรือมีตุ่มใสคัน
- เป็นเริม งูสวัด สะเก็ดเงิน โรคหนังแข็ง
- หายใจร้อน เสมหะเหนียวข้น ขาวขุ่น สีเหลืองหรือสีเขียว
- โดยสารรถยนต์มักอ่อนเพลีย และหลับขณะเดินทาง
- เลือดกำเดาออก
- มักง่วงนอนหลังกินข้าวอิ่มใหม่ ๆ
- เป็นมากมักยกแขนขึ้นไม่สุด ไหล่ติด
- เล็บมือเล็บเท้าขวางสั้น ผุ ฉีกง่าย มีสีน้ำตาลหรือดำคล้ำ อักเสบบวมแดงที่โคนเล็บ เล็บขบ
- หน้ามืด เป็นลม วิงเวียน บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน มักแสดงอาการเมื่ออยู่ในที่อับหรืออากาศร้อนหรือเปลี่ยนอิริยาบถเร็วเกิน หรือ ทำงานเกินกำลัง
ภาวะเย็นเกิน
- หน้าซีด
- ตาแฉะ ขี้ตามาก
- เสมหะมาก
- ริมฝีปากซีด
- เฉื่อยชา เคลื่อนไหวช้า คิดช้า (ถ้าหากยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งกระปรี้กระเปร่า)
- ไอ (อาการไอจะดีขึ้นเมื่อถูกภาวะร้อน)
- ผิวหน้าบวมตึงแต่ไม่ร้อน
- เจ็บอกด้านขวา
- หายใจไม่อิ่ม
- ปัสสาวะสีใส ปริมาณมาก
- อุจจาระเหลวสีอ่อน มักท้องเสีย
- มือเ้ท้าเย็น มือชา ซีดกว่าปกติ
- ตกกระสีีขาว
- เท้าบวมเย็น
ถ้าใครมีภาวะเย็นเกิน ก็ตรงกันข้ามค่ะ ไฟน้อย ทำให้เหลือน้ำเยอะ เหมือนน้ำท่วมร่างกาย จึงบวม ๆ ซีด ๆ เพราะน้ำไปเจือจางเลือด เจือจางสารอาหาร เป็นต้น
หมอเขียวท่านบอกว่า จากประสบการณ์ของท่าน มักจะเริ่มต้นด้วยการปรับสมดุลจากภาวะร้อนเกินเป็นหลัก เพราะคนในสมัยนี้ มักจะได้รับอาหารฤทธิ์ร้อนมากเกินไป สิ่งแวดล้อม สารเคมีก็ทำให้เกิดฤทธิ์ร้อน
คนที่เคยมีภาวะเย็น หรือสมดุลเมื่อตอนเป็นเ็ด็ก แต่เติบโตมาด้วยอาหารฤทธิ์ร้อนหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ก็จะเริ่มเปลี่ยนไปมีภาวะร้อน (อันนี้บีมเป็นสิ่งที่บีมเข้าใจค่ะ)
หากเืพื่อน ๆ ไม่รู้ว่า ตัวเองมีภาวะร้อนหรือเย็น ก็ให้ทดลองทำง่าย ๆ คือ ลองกินอาหารฤทธิ์ร้อนหรือเย็นเข้าไปดู ถ้าหากว่ากินฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายดีขึ้น แสดงว่าตัวเองมีภาวะเย็นเกิน แต่ถ้าหากว่าตัวเองกินฤทธิ์ร้อนแล้วร่างกายแย่ลง แสดงว่ามีภาวะร้อนเกิน ให้ปรับด้วยอาหารฤทธิ์เย็น
ดังนั้น ในคนหนึ่ง ภาวะร้อนเย็นนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เราก็ปรับสมดุลด้วยอาหารเป็นหลัก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมด้วย ^^
หวังว่า post นี้คงจะมีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ในแง่ของการดูแลสุขภาพโดยรวมนะคะ ซึ่งบีมยืนยันว่า ถ้าสุขภาพดีแล้ว สิวจะหายแน่นอนค่ะ ขอให้อดทน
บีมกำลังพยายามปะติดปะต่อข้อมูลที่หามาได้ กะลังค้นคว้าข้อมูลอยู่ค่ะ
และคิดว่าจะได้ภาพรวมและคำตอบภายในไม่ช้า ^^
ขอให้มีสุขภาพดีกันทุกคนนะคะ
ความคิดเห็น