ดูแลผิวด้วยโอเมก้า 3 กับนมบัวหิมะ
ที่ต้องเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเกรงว่า หลังจากที่บีมได้พูดเืรื่องวิตามินไป เพื่อน ๆ จะควักเงินซื้อวิตามินกันมากมายน่ะค่ะ
จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า บีมเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกินวิตาิมินนะคะ แต่พอดีว่า ของมันมีอยู่ (เสียดาย) และกินอะไรก็สิวขึ้นง่าย ทั้งที่ตัวเองก็เริ่มหายดีแล้ว สุขภาพดีแล้วก็ตาม
เลยทดลองกิน และไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมค่ะ
คือ ถ้าใครทนไม่ไหวแ้ล้ว อยากจะซื้ออาหารเสริม บีมคงห้ามไม่ได้ค่ะ
แต่อยากจะชี้แนะแนวทางให้จ่ายลงอย่างประหยัดกับเรื่องนี้ให้มากที่สุดเท่านั้นเองค่ะ
จำได้มั้ยคะว่า บีมแนะนำบทความที่สามแม่ลูกหายจากสิวด้วย น้ำมันปลา กินคู่กับนมหมักบัวหิมะ แถมยังมีบทความที่บอกว่า ดร.โจฮันน่าทดลองให้ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่มีเวลาชีวิตเหลือไม่กี่วันกิน โปรตีนคุณภาพสูงคู่กับน้ำมัน flaxseed อีกด้วย และบำบัดแนวธรรมชาติ จนผู้ป่วยหายจริง ๆ
บีมพยายามหา Flaxseed Oil มานานแล้ว และมันยังไม่มีสักที
สองวันก่อน เลยลองดูสักตั้ง ไปดูที่ร้านขายยาที่ดูใหม่และดูดีที่สุดในอำเภอนี้
สรุปว่าเค้าไม่รู้จัก...
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ บีมซื้อน้ำมันปลา Fish Oil ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 เหมือนกัน เพียงแต่มันมีน้อยกว่า Flaxseed เท่านั้นเอง
ดูฉลากอยู่นานกว่าจะเลือกมา ที่ซื้อมานี้ผลิตในออสเตรเลียค่ะ ก็มี EPA และ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ราคาลดแล้วประมาณ 390 บาท (เพื่อน ๆ อาจจะได้ตัวที่แพงกว่านี้หรือดีกว่านี้ก็ได้นะคะ เพราะบีมพยายามหาแบบใส่ขวดแก้วสีชาแล้วไม่มีเลย มีแต่ขวดพลาสติก ....เดี๋ยวก็เปิดขายเองซะเลย อิอิ หาอะไรก็ไม่เจอ)
บีมกินพร้อมกับนมบัวหิมะเลยค่ะ เพราะจากเอกสารที่แนะนำผลการทดลองของ ดร.โจฮันน่า นั้น เค้าบอกว่า เจ้าสองตัวนี้ (โปรตีนกับโอเมก้า 3) มันจะช่วยกันให้ถูกดูดซึมได้ดีค่ะ
ผลที่ได้จากการกินไป 3 ครั้ง
วันนี้เลยไปหาเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DHA และ EPA ในน้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 กับสิว
จากเว็บไซท์ AcneThai.com และ Fish Oil For Acne?
สรุปได้ดังนี้ค่ะ
การทานโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาหรือเมล็ด flaxseed จึงช่วยยกระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำให้ร่างกายทำงานเข้าสู่สมดุลได้
จำได้มั้ยคะว่า สุขภาพดี = สิวหาย
นอกจากนี้บีมมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกค่ะว่า จากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ ทำให้เรามีปริมาณโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 มากเกินไป คือ ไม่ได้สัดส่วน
โอเมก้า 6 ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว (เลือดลมเลยเดินไม่ดี สารพิษคั่งค้าง ตกตะกอน สะสม) และยังทำให้เกิดการอักเสบไปทั่วร่างกายค่ะ
แม้มันจะเป็นกรดไขมันจำเป็น แต่สัดส่วนของโอเมก้า 6:3 นั้น โดยปกติควรอยู่ที่ 1:1 หรือ 4:1 แต่จาก http://www.wrinkle-free-skin-tips.com/omega-3-fish-oil.html
ได้บอกว่า คนอเมริกันมีอัตราส่วนของ 6:3 อยู่ที่ 11:1 หรือ 30:1 ค่ะ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนไทยรุ่นใหม่ก็กินไ่ม่แตกต่างจากคนอเมริกันมากนัก
โอเมก้า 6 นั้น เรามักได้รับจากอาหารที่กินกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เพราะกรดไขมันตัวนี้สลายยากกว่าโอเมก้า 3 และอาหารที่เรามักได้รับโอเมก้า 6 นั้น มักจะเป็นอาหารผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น ซีเรียล ของอบ ของทอด เนยเทียม เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี และลดการอักเสบ เราจึงควรเพิ่มโอเมก้า 3 ให้มาก เพื่อให้สมดุลร่างกายกลับมาค่ะ
ซึ่งบีมกินไป 3 ครั้งกับนมบัวหิมะ บีมว่า บีมรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ แต่ก็ต้องรอดูก่อนนะคะ (ตัวอื่น บีมหยุดไปก่อนค่ะ เพราะเดี๋ยวจะไม่รู้ว่าตัวที่กินอยู่นี่ดีมั้ย)
ข้อพิจารณาในการเลือกรับโอเมก้า 3
มี 2 แบบค่ะ คือ รับจากธรรมชาติ คือ จากปลา หรือ ธัญพืชจำพวก flaxseed หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา หรือน้ำมัน flaxseed ค่ะ (จากเอกสารต่า่ง ๆ อธิบายว่า flaxseed มีโอเมก้าสูงมาก สูงกว่าน้ำมันปลาเมื่อวัดจากปริมาณที่เท่ากันน่ะค่ะ ลองตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก็ได้ค่ะ)
จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า บีมเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจจะกินวิตาิมินนะคะ แต่พอดีว่า ของมันมีอยู่ (เสียดาย) และกินอะไรก็สิวขึ้นง่าย ทั้งที่ตัวเองก็เริ่มหายดีแล้ว สุขภาพดีแล้วก็ตาม
เลยทดลองกิน และไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมค่ะ
คือ ถ้าใครทนไม่ไหวแ้ล้ว อยากจะซื้ออาหารเสริม บีมคงห้ามไม่ได้ค่ะ
แต่อยากจะชี้แนะแนวทางให้จ่ายลงอย่างประหยัดกับเรื่องนี้ให้มากที่สุดเท่านั้นเองค่ะ
จำได้มั้ยคะว่า บีมแนะนำบทความที่สามแม่ลูกหายจากสิวด้วย น้ำมันปลา กินคู่กับนมหมักบัวหิมะ แถมยังมีบทความที่บอกว่า ดร.โจฮันน่าทดลองให้ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่มีเวลาชีวิตเหลือไม่กี่วันกิน โปรตีนคุณภาพสูงคู่กับน้ำมัน flaxseed อีกด้วย และบำบัดแนวธรรมชาติ จนผู้ป่วยหายจริง ๆ
บีมพยายามหา Flaxseed Oil มานานแล้ว และมันยังไม่มีสักที
สองวันก่อน เลยลองดูสักตั้ง ไปดูที่ร้านขายยาที่ดูใหม่และดูดีที่สุดในอำเภอนี้
สรุปว่าเค้าไม่รู้จัก...
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ บีมซื้อน้ำมันปลา Fish Oil ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 เหมือนกัน เพียงแต่มันมีน้อยกว่า Flaxseed เท่านั้นเอง
ดูฉลากอยู่นานกว่าจะเลือกมา ที่ซื้อมานี้ผลิตในออสเตรเลียค่ะ ก็มี EPA และ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ราคาลดแล้วประมาณ 390 บาท (เพื่อน ๆ อาจจะได้ตัวที่แพงกว่านี้หรือดีกว่านี้ก็ได้นะคะ เพราะบีมพยายามหาแบบใส่ขวดแก้วสีชาแล้วไม่มีเลย มีแต่ขวดพลาสติก ....เดี๋ยวก็เปิดขายเองซะเลย อิอิ หาอะไรก็ไม่เจอ)
บีมกินพร้อมกับนมบัวหิมะเลยค่ะ เพราะจากเอกสารที่แนะนำผลการทดลองของ ดร.โจฮันน่า นั้น เค้าบอกว่า เจ้าสองตัวนี้ (โปรตีนกับโอเมก้า 3) มันจะช่วยกันให้ถูกดูดซึมได้ดีค่ะ
ผลที่ได้จากการกินไป 3 ครั้ง
- หายใจคล่องมาก ใครหายใจไม่เคยสุดท้อง กินแบบนี้รู้สึกจะช่วยได้มากๆๆๆทีเดียว ทำให้ได้ออกซิเจนเข้าไปมากขึ้นค่ะ
- รู้สึกว่าผิวทั้งตัวเนียนขึ้น สิวไม่อักเสบ และผิวหน้าเนียนขึ้นค่ะ
- หน้ามันน้อยลง
วันนี้เลยไปหาเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DHA และ EPA ในน้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 กับสิว
จากเว็บไซท์ AcneThai.com และ Fish Oil For Acne?
สรุปได้ดังนี้ค่ะ
- เจ้ากรดไขมันสองตัวนี้ จะช่วยสร้างฮอร์โมน Prostaglandins ที่ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ให้เป็นไปโดยปกติ ราบรื่น
- ช่วยควบคุมปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เป็นสาเหตุของความมันส่วนเกินให้อยู่ระดับที่เหมาะสม
- ช่วยต่อต้านการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย
การทานโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาหรือเมล็ด flaxseed จึงช่วยยกระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำให้ร่างกายทำงานเข้าสู่สมดุลได้
จำได้มั้ยคะว่า สุขภาพดี = สิวหาย
นอกจากนี้บีมมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกค่ะว่า จากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ ทำให้เรามีปริมาณโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 มากเกินไป คือ ไม่ได้สัดส่วน
โอเมก้า 6 ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว (เลือดลมเลยเดินไม่ดี สารพิษคั่งค้าง ตกตะกอน สะสม) และยังทำให้เกิดการอักเสบไปทั่วร่างกายค่ะ
แม้มันจะเป็นกรดไขมันจำเป็น แต่สัดส่วนของโอเมก้า 6:3 นั้น โดยปกติควรอยู่ที่ 1:1 หรือ 4:1 แต่จาก http://www.wrinkle-free-skin-tips.com/omega-3-fish-oil.html
ได้บอกว่า คนอเมริกันมีอัตราส่วนของ 6:3 อยู่ที่ 11:1 หรือ 30:1 ค่ะ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนไทยรุ่นใหม่ก็กินไ่ม่แตกต่างจากคนอเมริกันมากนัก
โอเมก้า 6 นั้น เรามักได้รับจากอาหารที่กินกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เพราะกรดไขมันตัวนี้สลายยากกว่าโอเมก้า 3 และอาหารที่เรามักได้รับโอเมก้า 6 นั้น มักจะเป็นอาหารผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น ซีเรียล ของอบ ของทอด เนยเทียม เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี และลดการอักเสบ เราจึงควรเพิ่มโอเมก้า 3 ให้มาก เพื่อให้สมดุลร่างกายกลับมาค่ะ
ซึ่งบีมกินไป 3 ครั้งกับนมบัวหิมะ บีมว่า บีมรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ แต่ก็ต้องรอดูก่อนนะคะ (ตัวอื่น บีมหยุดไปก่อนค่ะ เพราะเดี๋ยวจะไม่รู้ว่าตัวที่กินอยู่นี่ดีมั้ย)
ข้อพิจารณาในการเลือกรับโอเมก้า 3
มี 2 แบบค่ะ คือ รับจากธรรมชาติ คือ จากปลา หรือ ธัญพืชจำพวก flaxseed หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา หรือน้ำมัน flaxseed ค่ะ (จากเอกสารต่า่ง ๆ อธิบายว่า flaxseed มีโอเมก้าสูงมาก สูงกว่าน้ำมันปลาเมื่อวัดจากปริมาณที่เท่ากันน่ะค่ะ ลองตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก็ได้ค่ะ)
- ถ้าเลือกที่จะกินปลา ให้พิจารณาแหล่งที่เลี้ยงปลา ว่ามีสารพิษ โลหะหนักเจือปนมั้ย เลี้ยงใกล้กับบริเวณอุตสาหกรรมหรือเป็นฟาร์มชีวภาพค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ค่ะ
- ถ้าเลือก flaxseed คลิกที่นี่ค่ะ
- ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีี่ที่สุด คือเลือกที่บรรจุในขวดแก้วสีชา และเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ไม่เจอแสงแดดค่ะ เพราะ จริง ๆ แล้วโอเมก้า 3 ย่อยสลายได้ง่ายมาก ๆ ถ้าเจอแดดและออกซิเจน
ความคิดเห็น