เข้าใจหลักกระบวนการถอนพิษ ภาค 2
ข้อมูลสด ๆ ร้อน ๆ มาเสิร์ฟเพื่อน ๆ ค่ะ
จริง ๆ ตั้งใจว่าหลังอาบน้ำจะเล่นขิม ไม่งั้นก็แปลงานนะเนี่ย แต่อดไม่ได้จริง ๆ ต้องมานั่งเขียนอีกแล้ว เพราะได้คำตอบเพิ่มเติมอีกแล้วค่ะ
คำตอบของคำถามที่ว่า "ทำไมกระบวนการถอนพิษจึงเกิดสิวในช่วงเดือนที่ 2 หรือ 4"
จริง ๆ แล้วบีมไม่ได้คำตอบเป๊ะ ๆ หรอกนะคะ ว่าทำไมต้องเป็นเดือนที่สองหรือสี่ แต่ว่าคำตอบนี้จะทำให้เพื่อน ๆเข้าใจหลักการถอนพิษของร่างกายได้แจ่มชัดมากขึ้น และไม่ล้มเลิกไปกลางคันค่ะ
วันนี้ไปเจอบทความดีี ๆ อีกแล้ว ของ Dr. Ben Kim ซึ่งบีมพึ่งทำ Feed ของคุณหมอมาแปะที่หัวบล็อกด้านขวาวันนี้เองค่ะ
จริง ๆ แล้วชื่อหัวข้อที่บีมอ่านก็คือ การอดอาหารแล้วดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว 1 ครั้งต่อสัปดาห์นั้นดีจริงหรือ?
คุณหมอได้อธิบายดังนี้ค่ะ
เมื่อเราอดอาหารแล้วดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายก็คือ
ภายใน 24 ชั่วโมง ร่างกายจะค่อย ๆ นำเอาน้ำตาลจากอาหารมื้อล่าสุดมาใช้ในกิจกรรมตามปกติของเซลล์ก่อน หลังจากนั้น พอน้ำตาลจากมื้ออาหารหมด ก็จะเริ่มเอาน้ำตาลในกระแสเลือดที่เรามีอยู่มาใช้
และถ้าหากน้ำตาลในกระแสเลือดหมด ก็จะไปเอาน้ำตาลจากตับและกล้ามเนื้อที่เก็บในรูปไกลโคเจนแตกตัวให้เป็นกลูโคสแล้วเอามาใช้ค่ะ
ดังนั้น ภายใน 24 ชั่วโมงหรือวันแรกนี้ การล้างพิษจริงๆ จะไม่เกิดขึ้น แต่จะเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการใช้พลังงานในการย่อยอาหารซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปลืองพลังงานอย่างมาก และจะได้เอาพลังงานไปซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ
ดังนั้นเป็นเหตุผลว่า ทำไม การล้างพิษในช่วงแรก ๆ หรือวันแรก (แล้วแต่คน ว่าใครมีน้ำตาลในเลือด หรือ ที่เก็บสะสมไว้มากน้อยขนาดไหน) ผิวพรรณจึงดูดีขึ้น
เพราะน้ำตาลที่เ็ป็นสาเหตุหลักของการอักเสบนั้นลดปริมาณลงอย่างมาก
ซึ่งถ้าหากทำต่อในวันที่ 2 หรือ 3 หลังจากที่น้ำตาลที่เก็บสะสมเริ่มหมดแล้ว ร่างกายจะเริ่มไปดึงเอาพลังงานจากกรดไขมันที่สะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ออกมาใช้
แต่เซลล์สมอง และ เม็ดเลือดแดงไม่สามารถใช้กรดไขมันในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้ จึงต้องดึงพลังงานมาจาก กลีเซอรอลอันเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อไขมัน และดึงกรดอะมิโนจากกล้ามเนื้อมาเพื่อสังเคราะห์กลูโคสให้กับเซลล์สมองและเม็ดเลือดแดง
ดังนั้นเป็นสาเหตุว่า ทำไมเมื่ออดอาหารไปสักพักแล้ว กล้ามเนื้อเริ่มหย่อนยาน หรือหดหายไปค่ะ
นอกจากนี้ ในวันที่ 2 เป็นต้นไป ตับจะเริ่มสร้างคีโตนจำนวนมาก ซึ่งได้มาจากการแตกตัวของกรดไขมันและไขมันสำรองของร่างกาย
สรุปว่า ในขั้นตอนนี้ ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญเอากรดไขมันและไขมันสำรองมาใช้เป็นพลังงานพื้นฐานของเซลล์
และที่สำคัญก็คือ สารพิษต่างๆ สะสมไว้ที่เืนื้อเยื่อไขมันนี้ล่ะค่ะ
ดังนั้น เป็นเหตุผลว่า ทำไมบางคน เมื่อเริ่มทำตามโปรแกรมสุขภาพ คือ กินน้ำปั่นผักและผลไม้ปริมาณมากๆ ไปสักพัก กินและทำทุกอย่างครบองค์ประกอบสุขภาพหมด พอพ้นช่วงผิวดีขึ้น (น้ำตาลในเลือดลดลง) จึงเริ่มมีสิวขึ้น และอาจจะขึ้นอย่างน่าตกใจในบางคน
ก็เพราะร่างกายเริ่มมีีความสามารถเข้าถึงเนื้อเืยื่อชั้นนี้ได้ และยอมปล่อยให้สารพิษได้ถูกขับออกมาในกระแสเลือด
และอีกอย่างก็คือ ที่บีมเคยอ่านมานะคะ ตับของเรา ในช่วงที่เค้าเริ่มมีพลังในการทำงาน (เราเริ่มกิน และ ทำทุกอย่างตามหลักสุขภาพ) ตับจะเริ่มขับหรือปล่อยสารพิษที่ัสะสมเอาไว้ออกมา ไม่เก็บกดเอาไว้เหมือนตอนที่ตับอ่อนแอ
ดังนั้น ใครสะสมพิษเอาไว้มาก ...พอพ้นผ่านช่วงที่ผิวดีขึ้นในช่วงแรกนั้น มันจะค่อย ๆขึ้นมา ขับขึ้นมาจนกว่าจะหมดค่ะ
จากข้อมูลของ Dr. Ben Kim นั้น กล่าวไว้ว่า กลไกขับของเีสียของร่างกายนั้น มี "ตับ ไต ปอด และ ผิวหนัง"
ซึ่ง Dr.Ben Kim ได้แนะนำว่า หากต้องการทำการอดอาหารนั้น แนะนำให้เป็นการกินผักและผลไม้สด รวมถึงน้ำคั้น (ของ Seppo แนะนำน้ำปั่นค่ะ) ตลอดทั้งวันเพื่อให้เซลล์ไ้ด้รับพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ขั้นพื้นฐาน เช่น การหายใจ เป็นต้น รวมไปถึงการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อย่างเพียงพอ จะได้ไม่ไปดึงเอาสารอาหารที่เก็บสะสมเอาไว้ออกมาเกินความจำเป็น
สรุปนะคะ ถ้าหากต้องการอดอาหารด้วยน้ำ ก็ให้ทำมากกว่า 1 วัน จึงจะเป็นการดีท็อกซ์ที่แท้จริง เพราะมันจะเผาผลาญระดับชั้นไขมันซึ่งเป็นแหล่งสะสมพิษของร่างกาย
แต่ถ้าหากต้องการทำแบบ 1 วัน ก็ให้ใช้น้ำผักและผลไม้สด หรือเป็นผลสดแทนค่ะ
ทั้งนี้ การอดแบบ 1 วัน ไม่ได้ล้างพิษ แต่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พักผ่อนและช่วยให้อวัยวะที่ทำหน้าที่ในการขับสารพิษ (ปอด ไต ตับ ผิวหนัง) ได้ทำงานของมันอย่างเต็มที่
ดังนั้น แท้จริงแล้ว ร่างกายเรามีกระบวนการดีท็อกซ์ตัวเองตลอดเวลาผ่านช่องทางต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายขับพิษ (ที่แม้แต่การหายใจของเราก็เกิดออกซิเดชั่นแล้วค่ะ) ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานั้น หลัก ๆ เลยก็คือ ลดภาระของระบบย่อยอาหาร ด้วยการทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่เปลืองพลังงานมากนัก และพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (4 ทุ่มถึงตี 2 เป็นเวลาทองค่ะ)
ไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามเข้ามาได้นะคะ ถ้าตอบได้จะตอบให้เลย ถ้าไม่ได้จะหาคำตอบมาให้ค่ะ อาจจะไม่ได้ทันที แต่ถ้าเจอคำตอบจะเอามาเขียนในบล็อก เพื่อให้เพื่อน ๆ คนอื่นได้รับทราบทั่วกันค่ะ
เดี๋ยวจะไปนอนแล้วค่ะ
ฝันดีนะคะ :)
จริง ๆ ตั้งใจว่าหลังอาบน้ำจะเล่นขิม ไม่งั้นก็แปลงานนะเนี่ย แต่อดไม่ได้จริง ๆ ต้องมานั่งเขียนอีกแล้ว เพราะได้คำตอบเพิ่มเติมอีกแล้วค่ะ
คำตอบของคำถามที่ว่า "ทำไมกระบวนการถอนพิษจึงเกิดสิวในช่วงเดือนที่ 2 หรือ 4"
จริง ๆ แล้วบีมไม่ได้คำตอบเป๊ะ ๆ หรอกนะคะ ว่าทำไมต้องเป็นเดือนที่สองหรือสี่ แต่ว่าคำตอบนี้จะทำให้เพื่อน ๆเข้าใจหลักการถอนพิษของร่างกายได้แจ่มชัดมากขึ้น และไม่ล้มเลิกไปกลางคันค่ะ
วันนี้ไปเจอบทความดีี ๆ อีกแล้ว ของ Dr. Ben Kim ซึ่งบีมพึ่งทำ Feed ของคุณหมอมาแปะที่หัวบล็อกด้านขวาวันนี้เองค่ะ
จริง ๆ แล้วชื่อหัวข้อที่บีมอ่านก็คือ การอดอาหารแล้วดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว 1 ครั้งต่อสัปดาห์นั้นดีจริงหรือ?
คุณหมอได้อธิบายดังนี้ค่ะ
เมื่อเราอดอาหารแล้วดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายก็คือ
ภายใน 24 ชั่วโมง ร่างกายจะค่อย ๆ นำเอาน้ำตาลจากอาหารมื้อล่าสุดมาใช้ในกิจกรรมตามปกติของเซลล์ก่อน หลังจากนั้น พอน้ำตาลจากมื้ออาหารหมด ก็จะเริ่มเอาน้ำตาลในกระแสเลือดที่เรามีอยู่มาใช้
และถ้าหากน้ำตาลในกระแสเลือดหมด ก็จะไปเอาน้ำตาลจากตับและกล้ามเนื้อที่เก็บในรูปไกลโคเจนแตกตัวให้เป็นกลูโคสแล้วเอามาใช้ค่ะ
ดังนั้น ภายใน 24 ชั่วโมงหรือวันแรกนี้ การล้างพิษจริงๆ จะไม่เกิดขึ้น แต่จะเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการใช้พลังงานในการย่อยอาหารซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปลืองพลังงานอย่างมาก และจะได้เอาพลังงานไปซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ
ดังนั้นเป็นเหตุผลว่า ทำไม การล้างพิษในช่วงแรก ๆ หรือวันแรก (แล้วแต่คน ว่าใครมีน้ำตาลในเลือด หรือ ที่เก็บสะสมไว้มากน้อยขนาดไหน) ผิวพรรณจึงดูดีขึ้น
เพราะน้ำตาลที่เ็ป็นสาเหตุหลักของการอักเสบนั้นลดปริมาณลงอย่างมาก
ซึ่งถ้าหากทำต่อในวันที่ 2 หรือ 3 หลังจากที่น้ำตาลที่เก็บสะสมเริ่มหมดแล้ว ร่างกายจะเริ่มไปดึงเอาพลังงานจากกรดไขมันที่สะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ออกมาใช้
แต่เซลล์สมอง และ เม็ดเลือดแดงไม่สามารถใช้กรดไขมันในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้ จึงต้องดึงพลังงานมาจาก กลีเซอรอลอันเป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อไขมัน และดึงกรดอะมิโนจากกล้ามเนื้อมาเพื่อสังเคราะห์กลูโคสให้กับเซลล์สมองและเม็ดเลือดแดง
ดังนั้นเป็นสาเหตุว่า ทำไมเมื่ออดอาหารไปสักพักแล้ว กล้ามเนื้อเริ่มหย่อนยาน หรือหดหายไปค่ะ
นอกจากนี้ ในวันที่ 2 เป็นต้นไป ตับจะเริ่มสร้างคีโตนจำนวนมาก ซึ่งได้มาจากการแตกตัวของกรดไขมันและไขมันสำรองของร่างกาย
สรุปว่า ในขั้นตอนนี้ ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญเอากรดไขมันและไขมันสำรองมาใช้เป็นพลังงานพื้นฐานของเซลล์
และที่สำคัญก็คือ สารพิษต่างๆ สะสมไว้ที่เืนื้อเยื่อไขมันนี้ล่ะค่ะ
ดังนั้น เป็นเหตุผลว่า ทำไมบางคน เมื่อเริ่มทำตามโปรแกรมสุขภาพ คือ กินน้ำปั่นผักและผลไม้ปริมาณมากๆ ไปสักพัก กินและทำทุกอย่างครบองค์ประกอบสุขภาพหมด พอพ้นช่วงผิวดีขึ้น (น้ำตาลในเลือดลดลง) จึงเริ่มมีสิวขึ้น และอาจจะขึ้นอย่างน่าตกใจในบางคน
ก็เพราะร่างกายเริ่มมีีความสามารถเข้าถึงเนื้อเืยื่อชั้นนี้ได้ และยอมปล่อยให้สารพิษได้ถูกขับออกมาในกระแสเลือด
และอีกอย่างก็คือ ที่บีมเคยอ่านมานะคะ ตับของเรา ในช่วงที่เค้าเริ่มมีพลังในการทำงาน (เราเริ่มกิน และ ทำทุกอย่างตามหลักสุขภาพ) ตับจะเริ่มขับหรือปล่อยสารพิษที่ัสะสมเอาไว้ออกมา ไม่เก็บกดเอาไว้เหมือนตอนที่ตับอ่อนแอ
ดังนั้น ใครสะสมพิษเอาไว้มาก ...พอพ้นผ่านช่วงที่ผิวดีขึ้นในช่วงแรกนั้น มันจะค่อย ๆขึ้นมา ขับขึ้นมาจนกว่าจะหมดค่ะ
จากข้อมูลของ Dr. Ben Kim นั้น กล่าวไว้ว่า กลไกขับของเีสียของร่างกายนั้น มี "ตับ ไต ปอด และ ผิวหนัง"
ซึ่ง Dr.Ben Kim ได้แนะนำว่า หากต้องการทำการอดอาหารนั้น แนะนำให้เป็นการกินผักและผลไม้สด รวมถึงน้ำคั้น (ของ Seppo แนะนำน้ำปั่นค่ะ) ตลอดทั้งวันเพื่อให้เซลล์ไ้ด้รับพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ขั้นพื้นฐาน เช่น การหายใจ เป็นต้น รวมไปถึงการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อย่างเพียงพอ จะได้ไม่ไปดึงเอาสารอาหารที่เก็บสะสมเอาไว้ออกมาเกินความจำเป็น
สรุปนะคะ ถ้าหากต้องการอดอาหารด้วยน้ำ ก็ให้ทำมากกว่า 1 วัน จึงจะเป็นการดีท็อกซ์ที่แท้จริง เพราะมันจะเผาผลาญระดับชั้นไขมันซึ่งเป็นแหล่งสะสมพิษของร่างกาย
แต่ถ้าหากต้องการทำแบบ 1 วัน ก็ให้ใช้น้ำผักและผลไม้สด หรือเป็นผลสดแทนค่ะ
ทั้งนี้ การอดแบบ 1 วัน ไม่ได้ล้างพิษ แต่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พักผ่อนและช่วยให้อวัยวะที่ทำหน้าที่ในการขับสารพิษ (ปอด ไต ตับ ผิวหนัง) ได้ทำงานของมันอย่างเต็มที่
ดังนั้น แท้จริงแล้ว ร่างกายเรามีกระบวนการดีท็อกซ์ตัวเองตลอดเวลาผ่านช่องทางต่างๆ ดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายขับพิษ (ที่แม้แต่การหายใจของเราก็เกิดออกซิเดชั่นแล้วค่ะ) ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานั้น หลัก ๆ เลยก็คือ ลดภาระของระบบย่อยอาหาร ด้วยการทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่เปลืองพลังงานมากนัก และพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (4 ทุ่มถึงตี 2 เป็นเวลาทองค่ะ)
ไม่เข้าใจตรงไหน สอบถามเข้ามาได้นะคะ ถ้าตอบได้จะตอบให้เลย ถ้าไม่ได้จะหาคำตอบมาให้ค่ะ อาจจะไม่ได้ทันที แต่ถ้าเจอคำตอบจะเอามาเขียนในบล็อก เพื่อให้เพื่อน ๆ คนอื่นได้รับทราบทั่วกันค่ะ
เดี๋ยวจะไปนอนแล้วค่ะ
ฝันดีนะคะ :)
ความคิดเห็น
คือพี่ไม่เห็นภาพเนาะ และก็ไม่ใช่หมอด้วย ถ้าพี่วินิจฉัยเกรงจะผิดกฎหมายค่ะ ^^
แต่สิ่งที่พี่ไกด์หนูได้ก็คือ อาการของสิวหนอง แสดงว่าตอนนี้ภูมิคุ้มกันหนูค่อนข้างต่ำมาก ร่างกายควบคุมเชื้อโรคไม่ได้เลย ระบบภายในค่อนข้างแปรปรวนมากค่ะ
จริง ๆ แล้วถ้าหนูเป็นมากแบบเสียความมั่นใจอย่างแรง พี่แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอที่บัลวีหรือที่อโรคยาก่อนดีมั้ยคะ คุณหมอจะได้ตรวจดูให้หนูว่า มีส่วนใดของร่างกายที่ผิดปกติอย่างมากในตอนนี้ จะได้ช่วยหนูแก้ไขได้ตรงจุดมากขึ้น
แต่ถ้ายังไม่ไป หนูจะลองรักษาด้วยตัวเองก่อนก็ลองทำดังนี้นะคะ
1.ซื้อ Fiber หรือพวกใยอาหารมากิน ให้ถ่ายออกวันละ 3 ครั้ง ทำติดต่อกันสัก 2 สัปดาห์
2.ไม่กินอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาหารหลัก ๆ ที่หนูต้องงดคือ นมและผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหมด เช่น โยเกิร์ต เนย มาการีน นมข้น ไอศครีม ของ ผัด มัน ทอด และจำพวกของฤทธิ์ร้อนทั้งหมด และห้ามอาหารรสจัด (เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขม ฝาด ห้ามจัดทั้งนั้นเลยค่ะ) ห้ามของหวานด้วย ของแปรรูป เช่น บะหมี่ซอง อะไรใส่ซอง ใส่ขวดไม่กินค่ะ (เปลี่ยนจากซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ มาซื้อผลไม้ที่ตลาดดีกว่าค่ะ สรุปว่างั้น)
3.ตามหลักหมอแดง คือ ไม่กินน้ำเย็นเลยนะคะ ดื่มได้แค่น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น และต้องทำตามกฎเหล็กการดื่มอย่างเคร่งครัด คือ 15 นาที ระหว่างอาหาร และหลังอาหาร 45 นาทีห้ามดื่มน้ำค่ะ หรือดื่มไม่เกิน 1/2ถ้วยซุป
4.หากว่าพอมีงบ ให้ซื้ออาหารเสริม Flaxseed Oil หรือ น้ำมันปลา มากินคู่กับนมหมักบัวหิมะ (นมหมักนี้กินได้ค่ะ ไม่เป็นไร) หรือกินกับอาหารจำพวกโปรตีนได้ เช่น เนื้อปลา (อ้อ เนื้อสัตว์ก็ห้ามนะคะช่วงนี้ ถ้าจะกินปลาก็ปลานึ่ง)เต้าหู้ น้ำเต้าหู้เป็นต้น
5.ทานผักผลไม้ให้มากเข้าไว้ค่ะ ออกกำลังเยอะ ๆ แนะนำดื่มน้ำใบบัวบกไม่ใส่น้ำตาลทุกวันค่ะ สิวที่อักเสบนั้น เอาใบที่เราตำละเอียด ชุบน้ำของมันที่คั้นสดมาพอกค้างคืนก็ได้ (ถ้ามันไม่เลอะเตียง)จะช่วยเรื่องอาการอักเสบค่ะ เวลาทามันจะยิบ ๆ หน่อยนะคะ ถ้าอักเสบมากก็ยิบมากหน่อย แต่ไม่ใช่อาการแพ้ค่ะ
ลองทำเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วมาอัพเดทกันว่าเป็นยังไงบ้าง