กรณีศึกษา: ทานตามที่บล็อกบีมแนะนำมาได้ 1 เดือนแต่ไม่เห็นผล

วันนี้ บีมได้มีโอกาสคุย MSN กับเพื่อนที่ติดตามและลองปฏิบัติตามบล็อกคนนึงนะคะ

เค้าบอกว่า เค้าได้ลองพยายามทำตามที่บีมแนะนำในบล็อกแต่ไม่เห็นผล

ซึ่งต้องขออนุญาตนำเอาเคสนี้มาลงให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ เผื่อจะช่วยแก้ปัญหาของเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย

บีมจะแจกแจงเป็นประเด็นเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านดังนี้ค่ะ

ปัญหาที่เค้ามี
เป็นสิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์ ซึ่งสิวในลักษณะนี้ หน้าจะใสเหมือนไม่เป็นสิวช่วงเช้าค่ะ แต่พอตกบ่าย ๆ เย็น ๆ สิวผดจะขึ้น ทำให้หน้าดูไม่เรียบ แต่จะไม่มีสิวอักเสบมากนัก

สิ่งที่ได้ทดลองทำ
ข้อมูลจากเค้าก็คือ กินน้ำผลไม้ และผลไม้ โดยกินน้ำแอปเปิ้ล ส่วนผลไม้ ก็กินเป็นแอปเปิ้ล กล้วย ฝรั่ง (เอ อีกอันจำไม่ได้น้อ)

ระยะเวลาที่ทดลองทำ
34 วัน

ผลที่ได้
ไม่เห็นความแตกต่างจากก่อนกิน

ซึ่งจากการที่บีมได้สอบถามแบบ proving ไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า การที่ไม่เห็นความต่างนี้เกิดจาก
  • ขาดการออกกำลังกายที่เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในคนเป็นสิว คือ อาหารประเภทนมและผลิตภัณฑ์จากนม(วัว) แป้งแปรรูป (ขนมปัง หรือ บะหมี่) ซึ่งเจ้าของเคสจะทานในมื้อเช้าค่ะ
  • อาจจะทานอาหารอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการสิว แต่ว่าบีมไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดว่าเมนูเค้ามีอะไรบ้าง
  • ดื่มน้ำผลไม้แปรรูปบรรจุกล่องแทนการปั่นสด ซึ่งจะได้รับแต่น้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นสาเหตุหลักของการอักเสบและการเกิดสิว และสุขภาพพร่องไป
  • การบริโภคผักสดและผลไม้สดยังน้อยเกินไป
  • เค้าชอบชาบู และอาหารทะเลมากๆ ค่ะ

แต่บีมต้องชื่นชมเค้านะคะ ที่เค้ามีความอดทนในการกิน และละเอียดเพราะนับมาได้แล้วว่ากินไป 34 วัน แล้วก็กลับมาถามบีมที่ MSN อีก ขอชื่นชมในความพยายามค่ะ ซึ่งบีมจะเอาใจช่วยต่อไป

สิ่งที่บีมเสนอแนะก็คือ

  • ให้พยายามออกกำลังมากขึ้น และตัวเค้าเองเป็นกรุ๊ปบี อาจจะไม่ต้องออกแรงหนักเหมือนกรุ๊ปโอ ก็อาจปั่นจักรยานก็ได้ค่ะ ทำแบบชิว ๆ ไม่หักโหม
  • ไม่ดื่มนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมเลย รวมทั้งไม่กินแป้งแปรรูปและขนมปังต่าง ๆ
  • เน้นดื่มผักและผลไม้สดปั่นจำนวนมาก ๆ ทุกวัน (ที่บีมเคยแนะนำตามสูตรของหมออู๋ จากหนังสือ "ธรรมชาติช่วยชีวิต" คือ 3 แก้วต่อวันอย่างต่ำ หรือ 6 แก้วต่อวัน)
  • เน้นกฎเหล็กการดื่มน้ำ คือ 15 นาที ระหว่างอาหาร และ หลังอาหาร 45 นาที ห้ามดื่มน้ำเกิน 1/2 ถ้วย เพราะจะลดประสิทธิภาพของน้ำย่อย ทำให้อาหารบูด หมัก และเป็นพิษตกค้างในลำไส้
  • เพิ่มการขับถ่ายให้มากขึ้นจาก 1 ครั้งต่อวันเป็น 3 ครั้งอย่างน้อย เพื่อขับพิษออก
  • ไม่กินของมัน ทอด ย่าง เน้น ต้ม ลวก นึ่ง
  • ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านกระบวนการมาแล้ว เพราะจะมีแต่น้ำตาล สารอาหารและวิตามินถูกทำลายไปแล้วค่ะ ใยอาหารก็ไม่ได้ หรือได้ก็ได้น้อยมาก ไม่เท่ากับที่กินผลไม้ปั่นทั้งผล

สิ่งสำคัญอีกอย่าง ที่บีมอยากจะเน้นก็คือ พยายามให้เปลี่ยนทัศนคติจาก "รักษาสิว" เป็น "สร้างสุขภาพ" แทน เพราะถ้าเราสุขภาพดีจริง ๆ แล้ว (มีพลังเยอะขึ้น สมองโปร่ง ไม่ป่วยออดแอดฯลฯ) สิวจะหายไปเอง

ดังนั้น เราต้องสร้างเหตุก่อน ผลจึงจะเกิด ถูกมั้ยคะ?

จริง ๆ แล้วถ้าถามบีมว่า "ผม/ฉันควรทำอะไรก่อนเพื่อที่จะให้สิวหาย"

บีมอยากจะตอบว่า "เปลี่ยนทัศนคติให้ได้ก่อนค่ะ"

เพราะถ้ามุ่งไปที่การรักษาสิว พอเห็นว่าวิธีนี้สิวไม่ดีขึ้น ก็จะเลิกล้มไปในเวลาไม่นาน

แต่ถ้ามุ่งที่การสร้าง ซึ่งผลสุดท้ายคือหายจากสิวชัวร์ แถมได้สุขภาพดีกลับมาอีก ใครน้ำหนักเกิน หุ่นจะดีขึ้นมากมาย ไม่มีโยโย่ด้วย (อันนี้ confirm)

เพราะการจะผอมหรืออ้วน จะสิวหรือไม่สิว มันอยู่ที่การเปลี่ยนข้างใน เปลี่ยนความคิด ยกระดับจิตวิญญาณ (เพราะเราจะต้องละกิเลสจากการกินอาหารที่เคยถูกปากเรามาก่อน มากินสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ต้องเอาเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ เราจึงเป็นผู้ใหญ่ และควบคุมตัวเองได้มากขึ้นด้วย นี่เป็นผลพลอยได้ทางจิตวิญญาณค่ะ)

การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามที่เกิดจากภายในจะให้ผลลัพธ์ถาวรอย่างแน่นอน

และหากใครเชื่อเรื่องการกลับมาเกิด หรือภพชาติ

ความรู้และจิตวิญญาณที่เราได้มาใหม่ หรือเรียนรู้ใหม่นี้ จะติดตัวเราไปถึงชาติถัด ๆ ไปด้วยค่ะ

ดังนั้น เป็นเหตุผลว่า โลกของเรามีอัจฉริยะเด็ก ๆ มากมาย

หากชาตินี้รู้จักวิธีดูแลตัวเอง มันก็จะตามไปถึงชาติหน้า เพราะมันเป็นสิ่งที่ติดตัวเรา และเปลี่ยนแปลงถาวรจากภายในจริง ๆ ค่ะ

เกินเลยไปเรื่องอื่นซะแล้ว :)

ก็หวังว่า เพื่อน ๆ จะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมและสามารถนำไปประยุกต์กับตัวเองได้มากขึ้นจากเคสนี้นะคะ

ขอขอบคุณเจ้าของเคสมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ความคิดเห็น