ไดอารี่ประจำวันที่ 19 ต.ค. 09
บีมพึ่งซื้อหนังสือ "วิตามินและโภชนบำบัด" กับ "สมุนไพรเพิ่มความงาม" จากร้าน Se-ed มาเมื่อวันก่อนค่ะ (เป็นพวกแพ้หนังสือ เห็นไม่ได้ ต้องซื้อทุกที แต่เดี๋ยวนี้ดีแล้วนะคะ ซื้อมาแล้วค่อย ๆ อ่านไปจนจบ แต่ก่อนนี้ซื้อมาดองไว้ ไม่ค่อยได้อ่านหรืออ่านไม่จบ)
เมื่อวานนี้ บีมตั้งใจว่าจะใช้เวลากับคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ เลยไม่เปิดคอมฯ ก็เลยมีเวลาฝึกตีขิมเพลงใหม่อีก 3 เพลงคือ ของขวัญจากก้อนดิน จันทร์ และเพลงนางครวญ
เพลงที่ฝึกคือเพลงที่ชอบหมดเลย ซึ่งเพลงจันทร์เพราะมาก ขอบอก หาโน๊ตไม่มี ซึ่งก็ต้องแกะเอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนะคะ เพราะทำนองคล้าย ๆ กับล่องแม่ปิง ซึ่งเพลงนั้นจำได้แล้ว
บีมตียังไม่เก่งหรอกค่ะ แต่คิดว่าก็คงได้พรสวรรค์ด้านดนตรีจากคุณพ่อมาบ้าง และตอนเด็ก ๆ เคยถูกจับมาฝึกอยู่ 2 ปีแล้วคุณครูก็ย้ายโรงเรียน (เศร้า) ก็เลยพอเล่นได้ และแก้เครียดได้ดีมาก
บีมอยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่เป็นสิวและโรคเรื้อรังต่าง ๆ หางานอดิเรกที่ตัวเองทำแล้วลืมโลกไปเลย ทำแล้วใจสงบอย่างน้อย 1 อย่างนะคะ พยายามทำให้ได้ทุกวันค่ะ วันละนิดละหน่อย เพราะอารมณ์ที่ดีจะช่วยให้ฮอร์โมนและระบบร่างกายเข้าสู่สมดุลย์ได้เร็วขึ้นค่ะ
งานอดิเรกไหนที่ทำแ้ล้วยังสามารถใจลอยคิดเรื่องอื่นได้ ตัดออกเลยค่ะ แสดงว่ายังไ่ม่ใช่งานที่เราชอบจริง ๆ
เมื่อวานนี้ บีมตั้งใจว่าจะใช้เวลากับคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ เลยไม่เปิดคอมฯ ก็เลยมีเวลาฝึกตีขิมเพลงใหม่อีก 3 เพลงคือ ของขวัญจากก้อนดิน จันทร์ และเพลงนางครวญ
เพลงที่ฝึกคือเพลงที่ชอบหมดเลย ซึ่งเพลงจันทร์เพราะมาก ขอบอก หาโน๊ตไม่มี ซึ่งก็ต้องแกะเอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนะคะ เพราะทำนองคล้าย ๆ กับล่องแม่ปิง ซึ่งเพลงนั้นจำได้แล้ว
บีมตียังไม่เก่งหรอกค่ะ แต่คิดว่าก็คงได้พรสวรรค์ด้านดนตรีจากคุณพ่อมาบ้าง และตอนเด็ก ๆ เคยถูกจับมาฝึกอยู่ 2 ปีแล้วคุณครูก็ย้ายโรงเรียน (เศร้า) ก็เลยพอเล่นได้ และแก้เครียดได้ดีมาก
บีมอยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่เป็นสิวและโรคเรื้อรังต่าง ๆ หางานอดิเรกที่ตัวเองทำแล้วลืมโลกไปเลย ทำแล้วใจสงบอย่างน้อย 1 อย่างนะคะ พยายามทำให้ได้ทุกวันค่ะ วันละนิดละหน่อย เพราะอารมณ์ที่ดีจะช่วยให้ฮอร์โมนและระบบร่างกายเข้าสู่สมดุลย์ได้เร็วขึ้นค่ะ
งานอดิเรกไหนที่ทำแ้ล้วยังสามารถใจลอยคิดเรื่องอื่นได้ ตัดออกเลยค่ะ แสดงว่ายังไ่ม่ใช่งานที่เราชอบจริง ๆ
ข้อสำคัญคือ ทำแล้วรู้สึกสงบ มีคุณค่า ภูมิใจในตัวเอง และมีความสุขค่ะ
และในตอนนี้บีมก็ผ่านการบำบัดสิวด้วยตัวเองมาเกือบจะครบ 3 เดือนแ้ล้ว พัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จะมีก็แต่ช่วงถอนพิษกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ที่แอบหมดกำลังใจไปเหมือนกัน
แต่ขอบอกกับเืพื่อน ๆ ได้เลยนะคะว่า ขอให้เพื่อน ๆ อดทนและผ่านช่วงแบบนั้นไปให้ได้
กำหนดเส้นให้ตัวเองดีที่สุดค่ะ
บีมเอง บอกตัวเองเลยว่า "ถ้าไม่ครบ 1 ปี บีมไม่เลิกวิธีนี้" ใครจะว่ายังไงก็ช่าง บีมจะรอและทำจนครบ 1 ปี ถ้าไม่หายขาด บีมจะยอมกลับไปหาหมอตลอดชีวิต
บีมคิดแบบนั้นจริง ๆ
ที่ตีกรอบไว้ที่ 1 ปีก็เพราะ เท่าที่บีมอ่านเคสของคนอื่น ๆ ที่ใช้แนวธรรมชาติบำับัดทั้งกับโรคสิวและโรคเรื้อรังอื่น ๆ แล้ว ถ้าจะเอาให้หายขาดเลยคือ 1 ปี
เท่าที่อ่านมา
1-2 เดือน อาจจะดีขึ้นแล้วแย่ลง (ซึ่งบางคนก็ล้มเลิกไป)
3 เืดือน เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และมีกำลังใจทำต่อไป
6 เดือน มักเริ่มจะหายขาดกันภายใน 6 เดือน
1 ปี หายขาดจากโรคที่เป็น
ข้อแม้คือ ต้องปฏิบัติแนวธรรมชาติแบบนี้อย่างคงเส้นคงวา
แต่ถ้าวันใดมีกินเลี้ยง ต้องกินนอกบ้าน หรือเป็นอะไรที่เรากำหนดไม่ได้ ก็ปล่อยวางค่ะ
Seppo ให้ข้อคิดไว้ดีมากว่า
การดูแลสุขภาพเหมือนกับการเดินทางของเรา ... หรือที่ฝรั่งเรียก Journey
มันมีก้าวไปข้างหน้า มีถอยหลัง
ซึ่งในวันที่เราตบะแตก หรือ วันที่เราจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ขัดต่อสุขภาพที่ดี ก็เหมือนเราก้าวถอยหลัง
ซึ่งถ้าหากเรารู้วิธีถอนพิษ ล้างพิษ และบำรุงสุขภาพให้ดีอยู่เสมอแล้ว
ก็จะสามารถก้าวหน้าได้อีก
แต่เราจะ "ไม่มีวันกลับไปจุดเดิม"
เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจบีมมาก ๆ และทำให้บีมยืนหยัดทำมาจนวันนี้
เพื่อน ๆ เห็นบีมพูดง่าย ๆ นะคะ
แต่จะบอกว่า ตั้งแต่เริ่มทำ แม่ไม่เห็นด้วยเลย เพราะกลัวบีมจะขาดสารอาหารและผอม และเค้าคิดว่าวิธีนี้มันคงไม่หาย
แต่บีมศึกษาข้อมูล และคิดว่ามันต้องหาย เพราะคนอื่นเค้าทำได้ แสดงว่ามันต้องมีวิธี เพียงแต่เรายังไม่เจอ
บีมก็เชื่อตัวเอง
คือบีมไม่ได้เป็นคนดื้อนะ แต่ถ้าคิดว่ามันใช่ ก็จะตั้งใจและลงมือทำเลย
แต่ตอนหาข้อมูลก็จะเิปิดกว้างนะคะ ลองดูหลาย ๆ อย่างก่อน
ถ้ามั่นใจก็ลงมือทำไม่ฟังเสียงคัดค้าน
ยิ่งมีคนคัดค้านยิ่งฮึกเหิม ว่างั้น ^^
เพราะเราเดินคนเดียว เรายิ่งต้องพิสูจน์ให้คนอื่่นที่คัดค้านเราเห็นว่า เราน่ะมาถูกทางแล้ว
แต่ถ้ามันไม่ถูกทาง บีมก็พร้อมจะกลับไปเริ่มต้นใหม่นะ ไม่คิดโทษ ไม่คิดว่าตัวเองด้วย
จนตอนนี้ คุณแม่ก็สนับสนุนนะคะ ซื้อผลไม้มาให้ และแม่เองก็เริ่มออกกำลังกายแล้วด้วย เริ่มทานอาหารสุขภาพมากขึ้น (แต่ก็ยังไม่ยอมดื่มน้ำปั่นผักผลไม้อยู่ดี อิอิ) เพราะเค้าเห็นว่าที่เราทำนั้น work
ตอนนี้ บีมมีความสุขมากเวลาล้างหน้าค่ะ
แต่ก่อนนี้ จับตรงไหนก็มีแต่ตุ่มสิว
ตอนนี้หน้าเรียบขึ้นมาก ๆ ผิวตรงแก้มเริ่มกลับมาเหมือนตอนเป็นเด็ก
ส่วนสิวที่เหลืออยู่เป็นแค่เม็ดเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ไม่กี่ที่เองค่ะ
และก็มีรอยสิวแค่นั้นเอง
ซึ่งจะบอกว่า ถ้าเอายางลบมาลบรอยได้ หน้าบีมจะดูใสขึ้นกว่า 70-80% น่ะค่ะ ^^
ภารกิจพิชิตสิวใกล้สิ้นสุดแล้วค่ะ ตอนนี้บีมเริ่มศึกษาดูว่าจะทำอย่างไรจึงจะรักษารอยได้ดี
และในช่วงนี้ บีมกำลังศึกษาและทดลองปฏิบัติเรื่องการทานวิตามินเพื่อรักษาผิวเป็นสิวและรอยจากสิวอยู่ และถ้าอ่า่นหนังสือเล่มนี้จบแล้ว บีมน่าจะมีข้อมูลดี ๆ มาอัพเดทเพื่อน ๆ อีกมากเลยค่ะ ^^
และตอนนี้บีมกำลังทดลองอะไรใหม่ ๆ อยู่นิดนึงค่ะ
ซึ่งขอเวลาบีมสักพัก ถ้าหากว่าทุกอย่างที่กำลังทดลองนี้ เป็นโค้งสุดท้ายของการหายขาดจากสิวและริ้วรอยล่ะก็ บีมจะมาอัพเดทแน่นอนค่ะ ^^
แต่ขอบอกกับเืพื่อน ๆ ได้เลยนะคะว่า ขอให้เพื่อน ๆ อดทนและผ่านช่วงแบบนั้นไปให้ได้
กำหนดเส้นให้ตัวเองดีที่สุดค่ะ
บีมเอง บอกตัวเองเลยว่า "ถ้าไม่ครบ 1 ปี บีมไม่เลิกวิธีนี้" ใครจะว่ายังไงก็ช่าง บีมจะรอและทำจนครบ 1 ปี ถ้าไม่หายขาด บีมจะยอมกลับไปหาหมอตลอดชีวิต
บีมคิดแบบนั้นจริง ๆ
ที่ตีกรอบไว้ที่ 1 ปีก็เพราะ เท่าที่บีมอ่านเคสของคนอื่น ๆ ที่ใช้แนวธรรมชาติบำับัดทั้งกับโรคสิวและโรคเรื้อรังอื่น ๆ แล้ว ถ้าจะเอาให้หายขาดเลยคือ 1 ปี
เท่าที่อ่านมา
1-2 เดือน อาจจะดีขึ้นแล้วแย่ลง (ซึ่งบางคนก็ล้มเลิกไป)
3 เืดือน เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และมีกำลังใจทำต่อไป
6 เดือน มักเริ่มจะหายขาดกันภายใน 6 เดือน
1 ปี หายขาดจากโรคที่เป็น
ข้อแม้คือ ต้องปฏิบัติแนวธรรมชาติแบบนี้อย่างคงเส้นคงวา
แต่ถ้าวันใดมีกินเลี้ยง ต้องกินนอกบ้าน หรือเป็นอะไรที่เรากำหนดไม่ได้ ก็ปล่อยวางค่ะ
Seppo ให้ข้อคิดไว้ดีมากว่า
การดูแลสุขภาพเหมือนกับการเดินทางของเรา ... หรือที่ฝรั่งเรียก Journey
มันมีก้าวไปข้างหน้า มีถอยหลัง
ซึ่งในวันที่เราตบะแตก หรือ วันที่เราจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ขัดต่อสุขภาพที่ดี ก็เหมือนเราก้าวถอยหลัง
ซึ่งถ้าหากเรารู้วิธีถอนพิษ ล้างพิษ และบำรุงสุขภาพให้ดีอยู่เสมอแล้ว
ก็จะสามารถก้าวหน้าได้อีก
แต่เราจะ "ไม่มีวันกลับไปจุดเดิม"
เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจบีมมาก ๆ และทำให้บีมยืนหยัดทำมาจนวันนี้
เพื่อน ๆ เห็นบีมพูดง่าย ๆ นะคะ
แต่จะบอกว่า ตั้งแต่เริ่มทำ แม่ไม่เห็นด้วยเลย เพราะกลัวบีมจะขาดสารอาหารและผอม และเค้าคิดว่าวิธีนี้มันคงไม่หาย
แต่บีมศึกษาข้อมูล และคิดว่ามันต้องหาย เพราะคนอื่นเค้าทำได้ แสดงว่ามันต้องมีวิธี เพียงแต่เรายังไม่เจอ
บีมก็เชื่อตัวเอง
คือบีมไม่ได้เป็นคนดื้อนะ แต่ถ้าคิดว่ามันใช่ ก็จะตั้งใจและลงมือทำเลย
แต่ตอนหาข้อมูลก็จะเิปิดกว้างนะคะ ลองดูหลาย ๆ อย่างก่อน
ถ้ามั่นใจก็ลงมือทำไม่ฟังเสียงคัดค้าน
ยิ่งมีคนคัดค้านยิ่งฮึกเหิม ว่างั้น ^^
เพราะเราเดินคนเดียว เรายิ่งต้องพิสูจน์ให้คนอื่่นที่คัดค้านเราเห็นว่า เราน่ะมาถูกทางแล้ว
แต่ถ้ามันไม่ถูกทาง บีมก็พร้อมจะกลับไปเริ่มต้นใหม่นะ ไม่คิดโทษ ไม่คิดว่าตัวเองด้วย
จนตอนนี้ คุณแม่ก็สนับสนุนนะคะ ซื้อผลไม้มาให้ และแม่เองก็เริ่มออกกำลังกายแล้วด้วย เริ่มทานอาหารสุขภาพมากขึ้น (แต่ก็ยังไม่ยอมดื่มน้ำปั่นผักผลไม้อยู่ดี อิอิ) เพราะเค้าเห็นว่าที่เราทำนั้น work
ตอนนี้ บีมมีความสุขมากเวลาล้างหน้าค่ะ
แต่ก่อนนี้ จับตรงไหนก็มีแต่ตุ่มสิว
ตอนนี้หน้าเรียบขึ้นมาก ๆ ผิวตรงแก้มเริ่มกลับมาเหมือนตอนเป็นเด็ก
ส่วนสิวที่เหลืออยู่เป็นแค่เม็ดเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ไม่กี่ที่เองค่ะ
และก็มีรอยสิวแค่นั้นเอง
ซึ่งจะบอกว่า ถ้าเอายางลบมาลบรอยได้ หน้าบีมจะดูใสขึ้นกว่า 70-80% น่ะค่ะ ^^
ภารกิจพิชิตสิวใกล้สิ้นสุดแล้วค่ะ ตอนนี้บีมเริ่มศึกษาดูว่าจะทำอย่างไรจึงจะรักษารอยได้ดี
และในช่วงนี้ บีมกำลังศึกษาและทดลองปฏิบัติเรื่องการทานวิตามินเพื่อรักษาผิวเป็นสิวและรอยจากสิวอยู่ และถ้าอ่า่นหนังสือเล่มนี้จบแล้ว บีมน่าจะมีข้อมูลดี ๆ มาอัพเดทเพื่อน ๆ อีกมากเลยค่ะ ^^
และตอนนี้บีมกำลังทดลองอะไรใหม่ ๆ อยู่นิดนึงค่ะ
ซึ่งขอเวลาบีมสักพัก ถ้าหากว่าทุกอย่างที่กำลังทดลองนี้ เป็นโค้งสุดท้ายของการหายขาดจากสิวและริ้วรอยล่ะก็ บีมจะมาอัพเดทแน่นอนค่ะ ^^
ความคิดเห็น