ไดอารี่ประจำวันที่ 7 กันยายน 52 (อัพเดทรูปล่าสุดด้วยค่ะ)
เหมือนเดิมค่า No Make Up ถ่ายเช้านี้ เขียนคิ้วอย่างเดียว เพราะคิ้วดี โหงวเฮ้งดีค่ะ อะอะ
เอามาลงไว้เป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ กันต่อไปค่ะ
ส่วนข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บีมขอเขียนเพิ่มเติมก็คือ
ข้อแรก บีมพึ่งนึกได้เมื่อเช้าว่า ทำไมผู้ใหญ่เค้าถึงสอนไม่ให้เราเดินไปกินไปค่ะ
ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องมารยาท
แต่เหตุผลที่แท้จริง บีมคิดว่า มันไม่ดีต่อระบบการย่อยของเรา
และจะทำให้อาหารบูดเน่าจากการไม่ย่อยได้ค่ะ ซึ่งจะไปตกค้างเป็นพิษที่ลำไส้นั่นเอง
คำอธิบายก็คือ เวลาเพื่อน ๆ มองพลังงานของร่างกาย ขอให้มองเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน หรือเป็นน้ำที่เอาใส่หุ่นยางรูปคนเอาไว้ ซึ่งสามารถหดยืดได้ค่ะ
เวลาที่เราทำกิจกรรมอะไร พลังงานที่โดยปกติกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ก็จะไปกระจุกตัวกันอยู่ที่อวัยวะที่เราใช้งาน
ถ้าหากเราเดินไปด้วยกินไปด้วย พลังงานที่ควรจะต้องไปกระจุกที่กระเพาะกับลำไส้และอวัยวะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการย่อย กระจายไปยังกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวอยู่
หรือใครเครียดด้วยแล้วกินข้าวด้วย พลังงานก็จะไปอยู่ที่หัว เส้นประสาท แทนที่จะไปอยู่กับท้องกับไส้
ซึ่งแนะนำว่า เวลากินข้าวควรมีสมาธิอยู่กับการกินข้าวค่ะ
การร่วมวงกินข้าวกันกับครอบครัว จึงเป็นสิ่งที่ดี
เพราะเวลาร่างกายผ่อนคลายและอารมณ์ดี
ร่างกายจะย่อยได้ดีมากขึ้นด้วย
ใครชอบเอาเรื่องเครียดมาใส่วงกินข้าว เปลี่ยนนิสัยได้แล้วนะคะ
นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้วยังทำร้ายคนในวงข้าวด้วยค่ะ
ส่วนบีม เวลากินข้าว จะเลือกกินหน้าบ้าน เพราะมีทั้งสายลม แสงแดด เสียงนกร้อง บรรยากาศดีสุดๆ
ดังนั้นเวลาไปกินข้าวที่ร้าน เลือกที่บรรยากาศดี ๆ นะคะ นั่งข้างนอกก็ดี
อีกเรื่อง ที่ได้สังเกตมาก็คือ ถ้าใครอยากรู้ว่า กินอะไรแล้วมันจะไปเพิ่มภาระให้กระเพาะและลำไส้ หรือโอกาสไปตกค้างหมักหมมเพราะใช้เวลาย่อยนาน
ให้สังเกตจานกับข้าวว่า กับข้าวอะไรที่ล้างออกยากทีุ่สุดค่ะ
ขนาดจานมัน ๆ ยังล้างออกยากเลย
ลองคิดดูสิคะว่าลำไส้เราที่ทั้งคดเคี้ยวและซับซ้อน
มันจะไปติดตามหลืบตามซอกได้มากขนาดไหนค่ะ
ถ้าอะไรก็ตามที่ล้างแค่น้ำแล้วออก อันนั้นให้กินก่อนอย่างอื่นค่ะ
แต่ถ้าอะไรที่ทั้งเหนียว ทั้งหนืด ฝืดคอ
นั่นแหละค่ะ กินหลังสุด เรียงตามลำดับคือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ค่ะ
และมีอีกอย่างที่อยากให้ลองทดลองกันก็คือ ถ้าอยากรู้ว่า อาหารอะไรที่เข้าไปในร่างกายแล้วบูดเน่าได้ใจมากที่สุด ทำง่าย ๆ คือตักอาหารมื้อที่เรากินนั้นใส่ในถ้วยพลาสติกเล็ก ๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ที่ที่อุณหภูมิประมาณ 35-38 องศา (ประมาณอุณหภูมิร่างกายของเรา)
ที่เราเห็นในด้วยมีสภาพฉันใด กลิ่นฉันใด ในท้องเราก็ฉันนั้นค่ะ
พอเห็นภาพชัดเจนขึ้นมั้ยคะ ว่าจะเลือกอะไรกินดี
เอามาลงไว้เป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ กันต่อไปค่ะ
ส่วนข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บีมขอเขียนเพิ่มเติมก็คือ
ข้อแรก บีมพึ่งนึกได้เมื่อเช้าว่า ทำไมผู้ใหญ่เค้าถึงสอนไม่ให้เราเดินไปกินไปค่ะ
ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องมารยาท
แต่เหตุผลที่แท้จริง บีมคิดว่า มันไม่ดีต่อระบบการย่อยของเรา
และจะทำให้อาหารบูดเน่าจากการไม่ย่อยได้ค่ะ ซึ่งจะไปตกค้างเป็นพิษที่ลำไส้นั่นเอง
คำอธิบายก็คือ เวลาเพื่อน ๆ มองพลังงานของร่างกาย ขอให้มองเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน หรือเป็นน้ำที่เอาใส่หุ่นยางรูปคนเอาไว้ ซึ่งสามารถหดยืดได้ค่ะ
เวลาที่เราทำกิจกรรมอะไร พลังงานที่โดยปกติกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ก็จะไปกระจุกตัวกันอยู่ที่อวัยวะที่เราใช้งาน
- ถ้าคนคิดมาก พลังงานก็จะมีกระจุกที่เส้นประสาท
- ถ้าคนกินมาก พลังงานจะไปกระจุกที่ระบบทางเดินอาหารและย่อยอาหาร
- ถ้าคนออกกำลังมาก พลังงานจะไปกระจุกตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ถ้าหากเราเดินไปด้วยกินไปด้วย พลังงานที่ควรจะต้องไปกระจุกที่กระเพาะกับลำไส้และอวัยวะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการย่อย กระจายไปยังกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวอยู่
หรือใครเครียดด้วยแล้วกินข้าวด้วย พลังงานก็จะไปอยู่ที่หัว เส้นประสาท แทนที่จะไปอยู่กับท้องกับไส้
ซึ่งแนะนำว่า เวลากินข้าวควรมีสมาธิอยู่กับการกินข้าวค่ะ
การร่วมวงกินข้าวกันกับครอบครัว จึงเป็นสิ่งที่ดี
เพราะเวลาร่างกายผ่อนคลายและอารมณ์ดี
ร่างกายจะย่อยได้ดีมากขึ้นด้วย
ใครชอบเอาเรื่องเครียดมาใส่วงกินข้าว เปลี่ยนนิสัยได้แล้วนะคะ
นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้วยังทำร้ายคนในวงข้าวด้วยค่ะ
ส่วนบีม เวลากินข้าว จะเลือกกินหน้าบ้าน เพราะมีทั้งสายลม แสงแดด เสียงนกร้อง บรรยากาศดีสุดๆ
ดังนั้นเวลาไปกินข้าวที่ร้าน เลือกที่บรรยากาศดี ๆ นะคะ นั่งข้างนอกก็ดี
อีกเรื่อง ที่ได้สังเกตมาก็คือ ถ้าใครอยากรู้ว่า กินอะไรแล้วมันจะไปเพิ่มภาระให้กระเพาะและลำไส้ หรือโอกาสไปตกค้างหมักหมมเพราะใช้เวลาย่อยนาน
ให้สังเกตจานกับข้าวว่า กับข้าวอะไรที่ล้างออกยากทีุ่สุดค่ะ
ขนาดจานมัน ๆ ยังล้างออกยากเลย
ลองคิดดูสิคะว่าลำไส้เราที่ทั้งคดเคี้ยวและซับซ้อน
มันจะไปติดตามหลืบตามซอกได้มากขนาดไหนค่ะ
ถ้าอะไรก็ตามที่ล้างแค่น้ำแล้วออก อันนั้นให้กินก่อนอย่างอื่นค่ะ
แต่ถ้าอะไรที่ทั้งเหนียว ทั้งหนืด ฝืดคอ
นั่นแหละค่ะ กินหลังสุด เรียงตามลำดับคือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ค่ะ
และมีอีกอย่างที่อยากให้ลองทดลองกันก็คือ ถ้าอยากรู้ว่า อาหารอะไรที่เข้าไปในร่างกายแล้วบูดเน่าได้ใจมากที่สุด ทำง่าย ๆ คือตักอาหารมื้อที่เรากินนั้นใส่ในถ้วยพลาสติกเล็ก ๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ที่ที่อุณหภูมิประมาณ 35-38 องศา (ประมาณอุณหภูมิร่างกายของเรา)
ที่เราเห็นในด้วยมีสภาพฉันใด กลิ่นฉันใด ในท้องเราก็ฉันนั้นค่ะ
พอเห็นภาพชัดเจนขึ้นมั้ยคะ ว่าจะเลือกอะไรกินดี
ความคิดเห็น