สาเหตุของสิว: อธิบายด้วยมุมมองหยิน-หยาง (ฤทธิ็ร้อน - ฤทธิ์เย็น)
ในหนังสือ ถอดรหัสสุขภาพ เล่ม ๒ "ความลับฟ้า" ของหมอเขียวนั้น ได้อธิบายว่า โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีพลังหยิน และ พลังหยางอยู่ในตัว
ขออนุญาตนำเอาข้อความหนึ่งที่หมอเขียวเขียนไว้ดังนี้ค่ะ
ถ้าเปรียบเทียบร่างกายเป็นเสมือนเครื่องยนต์ จะทำงานได้ต้องอาศัยพลังงานจากน้ำัมัน แก๊ซหรือไฟฟ้า และเมื่อเครื่องยนต์เริ่มทำงาน ก็จะเกิดความร้อนขึ้น มีหม้อน้ำทำหน้าที่ให้ความเย็น (หล่อเย็น) เพื่อดูดซับและระบายความร้อนออก ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ไหม้
ถ้ามีความสมดุลพอดีระหว่างความร้อน (หยาง) และความเย็น (หยิน) เครื่องยนต์ก็จะเกิดประสิทธิภาพ ใช้งานได้คงทนและยาวนาน
ร่างกายคนเราก็คล้ายเครื่องยนต์ที่ต้องอาัศัยพลังงานความร้อน (หยาง) จากกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งได้แก่ แป้ง ข้าว น้ำตาล เผือก มัน กลุ่มไขมัน โปรตีน เกลือแร่และวิตามินจากผักผลไม้สมุนไพรฤทธิ์ร้อน
ส่วนที่เป็นหม้อน้ำ (หยิน) ก็คือ ผักผลไม้และสมุนไพรฤทธิ์เย็น ที่เป็นแหล่งให้ความเย็น ดูดซับความร้อนและระบายความร้อนนั้นออกจากร่างกาย เป็นการคุ้มครองป้องกันไม่ใ้ห้ร่างกายถูกเผาไหม้เ่ช่นกัน
จุดเสื่อมของสุขภาพในยุคปัจจุบันนี้คือ การเติมพลังงาน เชื้อเพลิงและความร้อน (หยาง) โดยไม่เติมน้ำในหม้อน้ำ (หยิน) แม้จะเติมโปรตีนไปเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ก็เน้นแต่โปรตีนที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น เนื้อ นม ไข่ โดยเฉพาะที่มีไขมันมาก มีสารเร่ง สารเคมีต่าง ๆ มากในขบวนการเลี้ยงและปรุงเป็นอาหาร
สิ่งเหล่านี้เ็ป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดการเผาไหม้เซลล์เนื้อเยื่อในร่างกายของคน ทำให้ร่างกายเสื่อม ทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ส่วนสาเหตุของสิวนั้น ก็เหมือนกับโรคเรื้อรังอื่น ๆ คือ เรารับเอาแต่พลังงานความร้อนมากเกินไป โดยไม่ทานอาหารที่มีฤทธิ์ดูดซับความร้อนที่เกิดขึ้นมากเกินไปได้
หมอเขียวอธิบายไ้ว้ดังนี้ค่ะ
โรคฝี หนอง น้ำเหลืองเสีย สิวและการอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ เกิดจากพลังงานความร้อนที่มากเกินไปกองรวมอยู่บริเวณที่มีอาการดังกล่าว แล้วลวกเผาไหม้เซลล์เนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการปวด บวมแดง ร้อน ไหม้ พุพอง หรือมีตุ่มหนองขึ้น
การอักเสบมี 2 ลักษณะทั้ง ๒ ลักษณะ ถ้าเราไม่ถอนพิษร้อน เชื้อโรคก็เข้าแทรก ขยายตัวทีหลัง เกิดเป็นฝี หนอง สิว ติดเืชื้อ เนื่องจากเชื้อโรคจะขยายตัวแพร่พันธุ์ได้ดีในอุณหภูมิที่ร้อนพอเหมาะ
- มีอาการปวดแดงร้อนและมีอาการบวมหรือพุพองร่วมด้วย เนื่่องจากร่างกายส่งน้ำและเม็ดเลือดขาวมาถอนพิษร้อน ถ้าเราถอนพิษร้อนได้ อาการบวมหรือพุพองก็จะหายไป เนื่องจากร่างกายไม่จำเป็นต้องส่งน้ำและเม็ดเลือดขาวมาดับไฟร้อน และภารกิจดับไฟร้อนเสร็จสิ้น น้ำึจึงกระจายออกจากบริเวณที่เคยอักเสบนั้น
- ปวดแดงร้อน และมีอาการแห้งเกรียมไหม้ร่วมด้วย เนื่องจากไฟร้อนเผาน้ำในร่างกายจนแห้ง แต่ร่างกายไม่สามารถส่งน้ำและเม็ดเลือดขาวมาดับไฟร้อนได้ โดยมักติดขัดจากเซลล์เนื้อเยื่อที่เกร็งแข็งค้างกดรัดเส้นทางของหลอดเลือดและท่อน้ำเหลืองไว้ ถ้าถอนพิษร้อนออกได้ อาการดังกล่าวก็จะหายไป
คุณหมออธิบายต่อว่า โดยปกติแล้วเชื้อโรคในร่างกายเราจะกระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ อยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากร่างกายเราไม่ร้อนเกินไป สภาพร่างกายเราก็จะไม่เหมาะสำหรับการขยายตัวหรือแพร่พันธุ์ของเื้ชื้อโรค เค้าจะมีอัตราการเกิดและตายในระดับสมดุล
แต่ถ้าหากร่างกายเราร้อนเกินไป เชื้อโรคเค้าทนไม่ได้ที่เค้าจะต้องตาย
เค้าจะเร่งขยายเผ่าพันธุ์ด้วการกัดกินเซลล์เนื้อเยื่อเป็นอาหาร ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อถูกทำลาย เกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้น
ดังนั้น หลักการสำคัญคือ เราต้องรู้จักการทานอาหารให้ถูกต้อง รู้จักว่า อาหารประเภทใดมีฤทธิ์ร้อน และประเภทใดมีฤทธิ์เย็น และจะมีวิธีการทานที่ถูกต้องอย่างไร เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเต็มที่และดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้หมดไม่เหลือเป็นของเสียตกค้างไว้มากเหมือนที่ผ่านมาค่ะ
ติดตาม post ต่อไปนะคะ :-)
ด้วยความรักและปรารถนาดีเสมอ
อ้อ ทฤษฎีฤทธิ็ร้อนและเย็นนี้ รวมไปถึงวิธีการทานอาหารต่าง ๆ สามารถใช้ได้กับการรักษาโรคเรื้อรังอื่น ๆ ด้วยค่ะ ดังนั้น หากเพื่อน ๆทดลองและเห็นว่ามันดีแล้ว ก็แนะนำให้เพื่อน คนใกล้ชิดหรือสมาชิกในครอบครัวปฏิบัติกันนะคะ
รับรองว่าจะสนุกและสุขภาพดีกันทุกคนค่ะ
ความคิดเห็น
ขอบคุณบีมที่หาข้อมูลดีๆ มาให้ทุกวัน
Alisra
คุณอลิศนี่เอง
ขอบคุณนะคะที่มาเม้นท์ให้ :-)
ฝันดีค่า ^^