หมอเขียว : การบำบัดโรคเรื้อรัง (รวมถึงสิว) ด้วยอาหารและวิถีบุญนิยม
บีมดีใจนะคะที่มีเพื่อน ๆ เริ่มชอบสูตรน้ำปั่นผักกันแล้วค่ะ
แต่ีบีมเข้าใจดีว่า คนเราก็ชอบความหลากหลายใ่ช่มั้ยคะ?
ตัวบีมเอง เป็นคนกินง่าย ๆ และไม่ค่อยเปลี่ยนอาหารบ่อย แต่บีมเข้าใจว่า คนเรามีความหลากหลายค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ ที่อยากจะลองวิธีการบำบัดด้วยอาหารนั้นอาจจะติดภาพว่า การกินแบบนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน จะต้องมากินผักปั่นจืด ๆ เหรอ คือ ความคิดทำนองนี้จะเกิดในหัวใช่มั้ยคะ
บีมก็คิดว่า เอ...มันจะต้องมีวิธีการที่จะทำให้การกินอาหารเพื่อบำบัดสิวนี้ง่ายต่อทุกคน
เมื่อวานนี้บีมไปซื้อของกับแม่ที่โลตัสค่ะ เพราะว่าต้องการไปซื้อแอปเปิ้ล มะเขือเทศ แครอท เอามาตุนไว้ค่ะ เพราะของเดิมใกล้จะหมดแล้ว กลัวขาดตอน เลยซื้อมาเยอะหน่อย
ส่วนแอปเปิ้ลนี่ต้องการเอามาทำล้างพิษตับค่ะ รอบที่แล้วบีมล้างพิษตับอีกสูตรนึง แต่รอบนี้จะลองแอปเปิ้ลน่ะค่ะ
เข้าเรื่องกันดีกว่า....
ตอนแรกบีมจะไปหาหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรค่ะว่า จะกินอะไรถึงจะบำบัดสิวให้หายขาดได้ โดยเป็นสูตรแบบไทย ๆ ค้นไปค้นมา เจอหนังสือ "ถอดรหัสสุขภาพ เล่ม ๒" ความลับฟ้า เขียนโดย หมอเขียว ใจเพชร มีทรัพย์ นักวิชาการสาธารณสุข นักบำบัดสุขภาพทางเลือก และครูฝึกแพทย์แผนไทยค่ะ
บีมลองเปิดดูแนวคิดของหนังสือคร่าว ๆ ซึ่งจะเป็นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบพึ่งตัวเอง และจังหวะดีมาก เปิดไปเจอเรื่องสิว ตุ่ม ฝี หนอง และัยังมีวิธีการทาน สูตรอาหารถอนฤทธิ์ร้อน (สาเหตุของโรคเสื่อมต่าง ๆ รวมทั้งสิวค่ะ) เลยตัดสินใจซื้อมาเลย
หมอเขียวได้ใช้วิธีการบำบัดด้วยอาหาร ธรรมชาติและ วิถีบุญนิยมในการบำบัดคนไข้ที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญค่ะ ซึ่งทำให้ชาวบ้านสามารถหายป่วยจากโรคเรื้อรัง และสามารถกลับมามีชีวิตและสุขภาพที่ดีได้ด้วยพืช ผัก และวิถีแบบพุทธ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เมื่อบีมเริ่มมองเห็นแนวคิดเบื้องหลังของหมอเขียวแล้ว บีมก็เกิดอาการปิ๊งว่า "ของ Seppo ก็พูดถึงสิ่งเดียวกัน เพียงแต่ Seppo เป็นมุมมองหรือ approach แบบตะวันตก ส่วนของหมอเีขียว เป็นมุมมองแบบตะวันออก"
Seppo พูดถึงว่า น้ำตาลเป็นบ่อเกิดของสิวและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ซึ่งหมอเขียวก็ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน Seppo พูดถึงว่า การที่จะดูแลให้หายจากสิว คือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ใช่การกินยาหรือทายาเฉพาะที่ รวมถึงจะต้องดูแลจิตใจให้คิดบวกเสมอ ๆ มีอารมณ์ขัน ควรกำจัดอารมณ์ด้านลบ ส่วนของหมอเขียว ได้เน้นในเรื่องของการดูแลจิตใจไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ ลดละกิเลส และอื่น ๆ อีกมาก
แต่สิ่งที่มีความแตกต่างกัน คือ สูตรของการกิน
ซึ่งสูตรของ Seppo จะเน้นการทานของสดที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ซึ่งตรงนี้จะเป็นการทานที่เคร่งครัดที่สุดในลำดับขั้นสูตรการทานของหมอเขียวค่ะ คือทานแต่ของสดเท่านั้น
ซึ่งเหตุผลก็คือ บางคนมีความร้อนเผาผลาญตัวเองอยู่มาก อันเกิดจากสารเคมี อาหารปนเปื้อนสารปรุงแต่ง ผักผลไม้ปนเปื้อนสารเคมี (ทุกอย่างที่ Seppo ได้พูดถึงเกี่ยวกับต้นเหตุแห่งอนุมูลอิสระค่ะ) การทานแต่ของสดทั้งเดือนนั้น จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายไปได้เร็วขึ้นค่ะ
แต่ถ้าบางคนไม่ถึงขั้นนั้น คือไม่ได้ร้อนมาก็เริ่มจากสูตร 2 ซึ่งเป็นสูตรที่คนทั่ว ๆ ไปที่พึ่งเริ่มจะหันมาทานอาหารบำบัดโรคทานแล้วเห็นผลค่ะ (หมอเขียวจะมีการเข้าค่ายค่ะ เป็นค่ายสุขภาพสำหรับชาวบ้าน ระยะเวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งกว่า 90% จากเบาหวาน ความดันสูง ฯลฯ ก็มีอาการดีขึ้นค่ะ)
แม้เราจะมองว่าศาสตร์แห่งตะวันตกและตะวันออก มีความแตกต่างกันเสมอมา
แต่ีบีมเข้าใจดีว่า คนเราก็ชอบความหลากหลายใ่ช่มั้ยคะ?
ตัวบีมเอง เป็นคนกินง่าย ๆ และไม่ค่อยเปลี่ยนอาหารบ่อย แต่บีมเข้าใจว่า คนเรามีความหลากหลายค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ ที่อยากจะลองวิธีการบำบัดด้วยอาหารนั้นอาจจะติดภาพว่า การกินแบบนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน จะต้องมากินผักปั่นจืด ๆ เหรอ คือ ความคิดทำนองนี้จะเกิดในหัวใช่มั้ยคะ
บีมก็คิดว่า เอ...มันจะต้องมีวิธีการที่จะทำให้การกินอาหารเพื่อบำบัดสิวนี้ง่ายต่อทุกคน
เมื่อวานนี้บีมไปซื้อของกับแม่ที่โลตัสค่ะ เพราะว่าต้องการไปซื้อแอปเปิ้ล มะเขือเทศ แครอท เอามาตุนไว้ค่ะ เพราะของเดิมใกล้จะหมดแล้ว กลัวขาดตอน เลยซื้อมาเยอะหน่อย
ส่วนแอปเปิ้ลนี่ต้องการเอามาทำล้างพิษตับค่ะ รอบที่แล้วบีมล้างพิษตับอีกสูตรนึง แต่รอบนี้จะลองแอปเปิ้ลน่ะค่ะ
เข้าเรื่องกันดีกว่า....
ตอนแรกบีมจะไปหาหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรค่ะว่า จะกินอะไรถึงจะบำบัดสิวให้หายขาดได้ โดยเป็นสูตรแบบไทย ๆ ค้นไปค้นมา เจอหนังสือ "ถอดรหัสสุขภาพ เล่ม ๒" ความลับฟ้า เขียนโดย หมอเขียว ใจเพชร มีทรัพย์ นักวิชาการสาธารณสุข นักบำบัดสุขภาพทางเลือก และครูฝึกแพทย์แผนไทยค่ะ
บีมลองเปิดดูแนวคิดของหนังสือคร่าว ๆ ซึ่งจะเป็นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบพึ่งตัวเอง และจังหวะดีมาก เปิดไปเจอเรื่องสิว ตุ่ม ฝี หนอง และัยังมีวิธีการทาน สูตรอาหารถอนฤทธิ์ร้อน (สาเหตุของโรคเสื่อมต่าง ๆ รวมทั้งสิวค่ะ) เลยตัดสินใจซื้อมาเลย
หมอเขียวได้ใช้วิธีการบำบัดด้วยอาหาร ธรรมชาติและ วิถีบุญนิยมในการบำบัดคนไข้ที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญค่ะ ซึ่งทำให้ชาวบ้านสามารถหายป่วยจากโรคเรื้อรัง และสามารถกลับมามีชีวิตและสุขภาพที่ดีได้ด้วยพืช ผัก และวิถีแบบพุทธ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เมื่อบีมเริ่มมองเห็นแนวคิดเบื้องหลังของหมอเขียวแล้ว บีมก็เกิดอาการปิ๊งว่า "ของ Seppo ก็พูดถึงสิ่งเดียวกัน เพียงแต่ Seppo เป็นมุมมองหรือ approach แบบตะวันตก ส่วนของหมอเีขียว เป็นมุมมองแบบตะวันออก"
Seppo พูดถึงว่า น้ำตาลเป็นบ่อเกิดของสิวและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ซึ่งหมอเขียวก็ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน Seppo พูดถึงว่า การที่จะดูแลให้หายจากสิว คือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ใช่การกินยาหรือทายาเฉพาะที่ รวมถึงจะต้องดูแลจิตใจให้คิดบวกเสมอ ๆ มีอารมณ์ขัน ควรกำจัดอารมณ์ด้านลบ ส่วนของหมอเขียว ได้เน้นในเรื่องของการดูแลจิตใจไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ ลดละกิเลส และอื่น ๆ อีกมาก
แต่สิ่งที่มีความแตกต่างกัน คือ สูตรของการกิน
ซึ่งสูตรของ Seppo จะเน้นการทานของสดที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ซึ่งตรงนี้จะเป็นการทานที่เคร่งครัดที่สุดในลำดับขั้นสูตรการทานของหมอเขียวค่ะ คือทานแต่ของสดเท่านั้น
ซึ่งเหตุผลก็คือ บางคนมีความร้อนเผาผลาญตัวเองอยู่มาก อันเกิดจากสารเคมี อาหารปนเปื้อนสารปรุงแต่ง ผักผลไม้ปนเปื้อนสารเคมี (ทุกอย่างที่ Seppo ได้พูดถึงเกี่ยวกับต้นเหตุแห่งอนุมูลอิสระค่ะ) การทานแต่ของสดทั้งเดือนนั้น จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายไปได้เร็วขึ้นค่ะ
แต่ถ้าบางคนไม่ถึงขั้นนั้น คือไม่ได้ร้อนมาก็เริ่มจากสูตร 2 ซึ่งเป็นสูตรที่คนทั่ว ๆ ไปที่พึ่งเริ่มจะหันมาทานอาหารบำบัดโรคทานแล้วเห็นผลค่ะ (หมอเขียวจะมีการเข้าค่ายค่ะ เป็นค่ายสุขภาพสำหรับชาวบ้าน ระยะเวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งกว่า 90% จากเบาหวาน ความดันสูง ฯลฯ ก็มีอาการดีขึ้นค่ะ)
แม้เราจะมองว่าศาสตร์แห่งตะวันตกและตะวันออก มีความแตกต่างกันเสมอมา
แต่บางสิ่งที่เป็น "ความจริงแท้" มักจะถูกค้นพบและมองเห็นเหมือน ๆ กัน
เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ไป บีมจะอัพเดทบล็อกที่เ็ป็นเนื้อหาของทั้งสองคน เพื่อน ๆ สะดวกที่จะปฏิบัติตามของใครก็สามารถทำได้ทั้งนั้นค่ะ
ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความพอใจ และที่สำคัญ เพื่อน ๆ ต้องเป็นคนพิสูจน์และลงมือทำเอง
อาหารแต่ละอย่าง แม้ว่าจะดี แต่อาจจะไม่ถูกกับทุกคน เพื่อน ๆ ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น "นักวิทยาศาสตร์" เริ่มสำรวจร่างกายตัวเองได้แล้วค่ะ ว่าวิธีไหนทำแล้วดีกับเรา อันไหนกินแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง อันไหนกินแล้วสิวขึ้น ก็ละหรือลดไปค่ะ
สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณหมอเขียวที่ได้ลงแรงลงใจเขียนหนังสือดี ๆ แบบนี้ออกมาค่ะ
ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความพอใจ และที่สำคัญ เพื่อน ๆ ต้องเป็นคนพิสูจน์และลงมือทำเอง
อาหารแต่ละอย่าง แม้ว่าจะดี แต่อาจจะไม่ถูกกับทุกคน เพื่อน ๆ ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น "นักวิทยาศาสตร์" เริ่มสำรวจร่างกายตัวเองได้แล้วค่ะ ว่าวิธีไหนทำแล้วดีกับเรา อันไหนกินแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง อันไหนกินแล้วสิวขึ้น ก็ละหรือลดไปค่ะ
สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณหมอเขียวที่ได้ลงแรงลงใจเขียนหนังสือดี ๆ แบบนี้ออกมาค่ะ
ความคิดเห็น