สิว เกิด เพราะลำไส้รั่ว (2) Leaky gut- the cause of acne (2)

เมื่อวาน บีมเขียนเรื่อง "ไส้รั่ว" ไปนิดหน่อย วันนี้จะมาเล่ารายละเอียดกันอีกนิด

จาก หนังสือ Clear For Life ของ Seppo อธิบายว่า โดยปกติแล้ว ในทางเดินอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไส้ของคนนั้น มีแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก เค้าบอกว่ามากกว่าเซลล์ของเราถึง 10 เท่า

ถ้านึกถึงแบคทีเรีย เราคงมีภาพลบใช่มั้ยคะ ?

จริงแล้ว แบคทีเรีย ก็เหมือนคนค่ะ มีทั้งดีกับไม่ดี

ถ้า เวลาที่เ้ค้าทำงานได้สมดุลกัน คนดีกับคนชั่วพอ ๆ กัน หรือคนดีมีมากกว่าก็จะสามารถคุมสถานการณ์ให้ดีหรือทำให้อยู่ในสภาวะที่เจริญ ได้ คนอยู่ก็มีความสุข

แต่เมื่อไหร่ที่คนชั่วยึดเมือง เมื่อนั้นคนดีก็ล้มหายตายหมด

ในลำไส้ของเราก็เช่นกัน

อ้าว...แ้ล้วคนแบคทีเรียไม่ดีจะออกมาอาละวาดเมื่อไหร่คะ?

เรื่อง มันเริ่มจากว่า เรากินอาหารไม่ถูกต้อง คำว่าไม่ถูกต้องคือ การไม่กินตามลำดับการย่อย การไม่รู้ัจักความพอดีของพลังงานที่เราใช้กับที่เราต้องกินเข้าไป การกินอาหารผ่านกระบวนการ แช่แข็ง ใส่กระป๋อง ที่ผสมสารกันเสีย แม้จะไม่ผสม ก็ต้องผสมอย่างอื่นเพื่อให้มันอยู่ได้นาน ๆ บนชั้นขายของ การกินยาที่มากเกินไป หรือแม้แต่การกินของรสจัด ทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขมจัด รวมไปถึง อาหารย่อยยาก และไขมันจำนวนมาก ๆ ด้วย
ทุกอย่างที่เราเอาเข้าปาก และร่างกายไม่รับ หรือไปขัดขวางการทำงานของลำไส้ เรียกว่า ลักษณะของการกินที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดค่ะ
คราวนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้แบคทีเีรียไม่ดีออกอาละวาดคือ อาหารที่ไม่ย่อย หรือ ย่อยไม่สมบูรณ์

ส่วน ใหญ่แล้ว ผักและผลไม้ จะไม่มีปัญหานี้เพราะ โดยโครงสร้างแล้วมันไม่ได้ย่อยยากเลย โดยเมื่อกินเข้าไปแล้ว พอไปถึงส่วนลำไส้เล็ก ก็จะถูกดูดซึมไปได้เกือบหมด ไม่ตกค้างให้เน่าเสีย

แต่ที่มีปัญหาคือ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน

คน เรารับพวกนี้มากเกินความต้องการของร่างกาย และเวลาเคี้ยวก็รีบเคี้ยว รีบกลืน ทำให้น้ำย่อยในปากไม่ทันย่อยในขั้นต้น ทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานหนัก ต้องผลิตน้ำย่อยมากขึ้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น

พอ ลงไป มันก็กลายเป็นอาหารก้อน ๆที่ย่อยไม่หมด ซึ่งลำไส้ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่เลือดเพื่อส่งต่อไปให้ตับเพื่อคัดกรองสาร และไม่สามารถส่งต่อไปให้หัวใจต่อได้

ซึ่งมันจะทำให้เกิดปัญหาดังนี้ค่ะ

  • ภาวะขาดสารอาหาร (เพราะกินเยอะ แต่ร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่มีขนาดเล็กพอจะผ่านเซลล์ที่ทำหน้าที่ดูุดซึมสารอาหาร)
  • ภาวะการหมักของแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) โปรตีนและ ไขมัน การหมักนี้คือ การที่แบคทีเรียเข้ามากินอาหารของมัน และปล่อยของเสียจากกระบวนการของมันด้วยค่ะ
    และภาวะการหมักนี่ เอง ที่จะเิริ่มสร้างสารพิษในลำไส้และทำให้อุจจาระมีกลิ่นแรงมาก (ถ้าคนสุขภาพดี กลิ่นไม่แรงค่ะ ไม่เชื่อลองพิสูจน์เองก็ได้ :-))

ดังนั้น ใครยิ่งมีกลิ่นแรง ผายลมบ่อย หรือเรอบ่อย แสดงว่าลำไส้มีปัญหานะคะ ต้องรีบแก้ไขด้วยการปรับอาหาร

การย่อยที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีการหมักนั้น
• แป้งจะเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์
• โปรตีนจะเปลี่ยนเป็นสารแอมโมเนีย และ
• ไขมันจะเหม็นหืน เหมือนเวลาเรากินปาท่องโก๋แล้วแม่ค้าใช้น้ำมันเก่าทอดน่ะค่ะ คือ มันเสียนั่นเอง
ซึ่ง สารเหล่านี้เป็นพิษต่อร่างกาย หนำ้ำซ้ำ แบคทีเรียชนิดเลวก็เฮฮาปาร์ตี้ เพราะอาหารที่ไม่ย่อยนี่แหละค่ะ คืออาหารชั้นดีของเค้าเลยเชียว

และยิ่งเรากินแป้ง โปรตีน ไขมัน น้ำตาลกันไม่หยุดหย่อนในแต่ละวัน

แบคทีเรียงี้จะมีลักษณะประหนึ่งอาเสี่ยค่ะ คือ อ้วนพี ใส่แหวนทอง สร้อยทองกันซะ จัดปาร์ตี้คอกเทลกันทุกคืน เพราะกินดีอยู่ดีค่ะ และก็ออกลูกออกหลานกันสบายใจเฉิบ


สารพิษจากการหมัก แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงสารเคมี สารพิษจากอาหารที่ผ่านกระบวนการ หรือผักผลไม้พ่นสารพิษแล้วล้างไม่หมด หรือยาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ยาปฏิชีวนะ" (ที่หมอชอบสั่งให้กินรักษาสิวอักเสบ) จะไปฆ่าแบคทีเรียที่ดีทิ้งค่ะ


คราวนี้เชื้อโรคและสารเคมี สารพิษก็ครองลำไส้ แล้วก็ขยายดินแดนโดยการเจาะผ่านผนังลำไส้ เกิดเป็น "รูรั่ว" หรือที่บีมขอเรียกว่า "ไส้รั่ว" ค่ะ

พอไส้รั่วเท่านั้นแหละ เจ้าแบคทีเรีย สารพิษ เชื้อโรคในลำไส้ จะเข้าสู่เส้นเลือดได้โดยง่ายดาย และเ้ข้าทุกวัน (ถ้าเรากินอาหารแบบเดิม คือ กินผิด ๆ ทุกวัน) รูก็ขยายขนาด และเิพิ่มจำนวนไปเรื่อย ๆ

เส้นเลือดที่ลำไส้จะไปหาตับก่อนค่ะ

ดังนั้น เชื้อโรคและสารพิษก็วิ่งตรงหาตับ ตับก็ทำงานหนักมากในการคัดกรองพวกนี้ออกจากเลือดเพื่อจะได้แยกเอาเฉพาะเลือด ดีที่มีสารอาหารเข้าสู่หัวใจ

แต่ที่ไหนได้ คัดยังไงก็ไม่หมด คราวนี้ ตับเลยอ่อนใจ ทำไม่ไหวแล้ว เลือดที่มีเชื้อโรคปน ก็เข้าไปสู่หัวใจ แล้วถูกส่งไปทั่วร่างกายเลย

น้ำเลือดก็ต่อกับระบบน้ำเหลือง คราวนี้ เชื้อโรควิ่งพล่านเลยค่ะ เพราะเส้นน้ำเลือดกับน้ำเหลืองอยู่ทั่วร่างกาย


และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมเป็นสิวอักเสบกันไม่หยุดหย่อนเสียที

ก็เชื้อเดิมตาย เชื้อใหม่ที่เราส่งเข้าไปจากการทานอาหารผิดนั้น ก็ไปแทนใหม่

ตับก็ทำงานหนัก ไตก็ต้องมาช่วยเอาสารพิษออกจากเลือด พอมันมากไป ไตทำไม่ไหว และน้ำเหลืองซึ่งโดยปกติก็จะทำเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภับของร่างกาย พอมันมีเชื้อโรคมาก ๆ ก็ทำไม่ไหว ก็ต้องดึงปอดมาช่วย ซึ่งปกติแล้วปอดควรจะเอาแค่คาร์บอนไดออกไซด์ออก

แต่คราวนี้ทุกอย่างทำงาน overload ปอดเลยต้องเอาพวกสารพิษออกมาด้วย

เวลาลมหายใจขึ้นมาก็มาหาเซลล์ที่ใบหน้า...

ในเลือด ในน้ำเหลืองก็มีเชื้อโรค เซลล์ที่หน้าก็มีเชื้อโรค และพอเชื้อโรคกับสารพิษมีมาก มันจะไปเก็บอยู่ที่กล้ามเนื้อและชั้นไขมัน หรือในอวัยวะต่าง ๆ ค่ะ

และเราไม่รู้ว่า มันเป็นแบบนี้มากี่ปีแล้ว มันสะสมไปมากน้อยขนาดไหน

ดังนั้น กระบวนการ "ถอนพิษ" ด้วยการปรับสมดุลเรื่องอาหารและการเปลี่ยน Lifestyle จึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลา ขึ้นอยู่กับ ประเภทของพิษ ความลึกของพิษที่สะสม ระยะเวลาสะสมของพิษ

หากใครที่ใช้เครื่องสำอางค์มีสารปรอทมาก่อน ระยะเวลาการถอนพิษจะค่อนข้างยาวนาน เพราะปรอทเป็นโลหะหนักที่มีอายุยืน หรือใครกินมาม่าเยอะ ผงชูรสเยอะ อาหารผ่านกระบวนการเยอะ ระยะเวลาการถอนพิษก็นานเช่นกัน

แต่ถ้าหากใครงดกินแป้ง ไขมัน โปรตีนเยอะ ปรับเรื่องอาหาร ตามแนวธรรมชาติบำบัด คือ กินผัก ผลไม้สด และน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายเยอะ ๆ ทำจิตใจให้สดใสเสมอ

ต้องมีวันที่เราหายได้ค่ะ

บีมขอเอาวิดีโอเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารมาฝาก จะได้เห็นภาพกันมากขึ้นค่ะ



ความคิดเห็น