อาหารสูตร 2 : สูตรถอนพิษร้อนสำหรับคนเป็นสิวและป่วยเรื้อรัง
ตั้งแต่ซื้อหนังสือ "ความลับฟ้า" ของหมอเขียว ใจเพชร มีทรัพย์ มาเมื่อสองวันก่อนนั้น บีมก็เริ่มอ่านและทำตามที่แนะนำทันที และก็เห็นผลอย่างรวดเร็ว
หมอเขียวได้แบ่งอาหารไว้เป็น 7 สูตร เพื่อการปรับสมดุลตามภาวะร้อน - เย็นของร่างกาย (หากใครงงตรงนี้ รบกวนไปอ่านที่นี่เพิ่มเติมค่ะ สาเหตุของสิว: อธิบายด้วยมุมมองหยิน-หยาง (ฤทธิ็ร้อน - ฤทธิ์เย็น)
ท่านยังแนะนำว่า คนที่เริ่มดูแลสุขภาพโดยการปรับสมดุลนั้น จะถูกกับสูตรที่ 2 ค่ะ
หมอเขียวได้แนะนำดังนี้ค่ะ
นำข้าวขาวมา 1 ส่วนต่อน้ำ 7 ส่วน แล้วต้มด้วยไฟปานกลาง (ถ้าไฟแรงจะเพิ่มฤทธิ์ร้อนค่ะ) และต้มพอสุก ห้ามต้มจนเปื่อย
หากใครที่กินตามสัดส่วนของข้าวกับน้ำแบบนี้แล้วยังมีภาวะร้อนเกินอยู่ ก็ให้เพิ่มน้ำลงไปอีก
แต่ถ้าหากใครกินตามนี้แล้ว ไม่มีภาวะร้อนเกินและไม่ค่อยอยู่ท้อง ก็สามารถปรับลดปริมาณน้ำต่อข้าวได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน (ซึ่งต้องสังเกตกันเอง)
และไม่ควรกินข้าวเปล่า ๆ ควรกินกับผักลวก หรือเห็ด หรือเต้าหู้แข็งนึ่งเสมอ ไม่งั้นจะเกิดภาวะร้อนเกินค่ะ
คุณหมอเตือนว่า เห็ด เต้าหู้ หรืออาหารกลุ่มโปรตีนและไขมันอื่น ๆ ไม่ควรเลือกกินในตอนเย็นเพราะเป็นอาหารที่ต้องใช้พลังงานย่อยมาก ทำให้ร่างกายซึ่งควรจะได้พักในช่วงเย็นกลับไม่ได้พัก และผลิตพลังงานความร้อนเิกินความจำเป็น ซึ่งจะเผาผลาญเซลล์ของเราในระยะยาว
ดังนั้น ไม่ควรกินหรือกินให้น้อยในตอนเย็นค่ะ
ทั้งนี้ ต้องวัดเอาจากสิ่งที่ร่างกายส่งสัญญาณบอกค่ะว่า ตอนนี้โล่ง โปร่ง สบายดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกินอะไร แต่ถ้าหากหิว ก็ให้หาผลไม้หรือผักฤทธิ์เย็นมาลวกหรือกินสด ๆ กับข้าวต้มเล็กน้อยก็ได้
เทคนิคการกินข้าวต้ม
เอาผักลวก เต้าหู้ลวกหรือนึ่งสุกจิ้มกับเกลือ ซีอิ้วผสมน้ำมะนาวหรือน้ำพริกรสไม่จัด "จุ่มเล็กน้อยพอให้รู้รส" ใส่ปากเคี้ยวแล้วกินข้าวต้มตาม 1-5 ช้อนโต๊ะต่อการจิ้ม 1 ครั้ง
ทำแบบนี้จะทำให้ร่างกายเราไม่ได้รับความเค็มเกินความต้องการของร่างกาย (ซึ่งรู้สึกคุณหมอบอกว่า วันวันนึงเราต้องการเกลือหรือความเค็มแค่ประมาณ 1 ช้อนชาเองมั้งคะ ต้องเปิดดูอีกที แต่ประมาณนี้ล่ะค่ะ) และห้ามเอาซีอิ้วราดในข้าวต้ม เพราะเราจะรู้ว่ามันจืดและจะเติมลงไปอีก
ใครสนใจ ก็หาซื้อหนังสือ "ความลับฟ้า" ของหมอเขียวได้ค่ะ SE-ED ก็มี (บีมไม่ได้ commission น้า แต่หนังสือเค้าดีจริง ๆ ควรเป็นหนังสือติดบ้านค่ะ สำหรับทุกคนในครอบครัว)
บีมเริ่มจับหลักได้แล้วค่ะว่า
หากว่าใครจำเป็นต้องกินเลี้ยง มีแต่อาหารฤทธิ์ร้อน ก็ไม่ต้องเครียดค่ะ ใช้ชีวิตปกติ พอมีเวลากลับมาดูแลตัวเอง ก็อาจจะถอนพิษด้วยสูตร 1 ไปเลยก็ได้ค่ะ
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะนำไปประยุกต์ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
หมอเขียวได้แบ่งอาหารไว้เป็น 7 สูตร เพื่อการปรับสมดุลตามภาวะร้อน - เย็นของร่างกาย (หากใครงงตรงนี้ รบกวนไปอ่านที่นี่เพิ่มเติมค่ะ สาเหตุของสิว: อธิบายด้วยมุมมองหยิน-หยาง (ฤทธิ็ร้อน - ฤทธิ์เย็น)
ท่านยังแนะนำว่า คนที่เริ่มดูแลสุขภาพโดยการปรับสมดุลนั้น จะถูกกับสูตรที่ 2 ค่ะ
หมอเขียวได้แนะนำดังนี้ค่ะ
- มื้อหลัก (เช้าหรือเที่ยงวัน ไม่ควรให้มื้อหลักเป็นตอนเย็นค่ะ เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนในช่วงเวลานั้น หากกินมื้อหลักตอนเย็นจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าเพราะระบบย่อยไม่ได้พักเลย และอาจทำให้นอนหลับไม่สนิท) มีลำดับการกินดังนี้ค่ะ น้ำเขียว (คลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ) - ผลไม้ฤทธิ์เย็น - ผักฤทธิ์เย็นสด - ผักฤทธิ์เย็นลวก - ข้าวพร้อมกับข้าว (ผักลวกอาจกินพร้อมข้าวได้) - ต้มถั่วขาว/เีขียว/เหลือง - น้ำเต้าหู้ (ถ้าไม่แพ้) - แกงจืดหรือแกงชนิดต่าง ๆ ที่รสไม่จัด (ท่านแนะนำว่า สามารถกินแกงที่รสไ่ม่จัดได้ในทุกลำดับของอาหาร)
- มื้อเบา ๆ อาจกินข้าวต้มผักลวก กินน้ำสมุนไพร ผลไม้หรือธัญพืช หรือเครื่องดื่มธัญพืชที่มีฤทธิ์เย็นแทนอาหารมื้อหนัก เช่น น้ำ่ย่านาง บัวบก ใบเตย ว่านกาบหอย ว่านหางจระเข้ เฉาก๊วย เก๊กฮวย หญ้าปักกิ่ง ลูกสำรอง (หมากจอง) ลูกเดือยต้ม หรือน้ำลูกเดือย ถั่วขาว/เขียว/เหลืองต้มหรือน้ำถั่วขาว/เขียว/เหลือง นมถั่วเหลือง และนมข้าวโพด เป็นต้น
- มื้อเย็น เป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อน ดังนั้นควรกินอาหารเบา ๆ เช่น กินผลไม้ กินผักลวกจิ้มเกลือ หรือจิ้มน้ำพริกรสไม่จัดหรือจิ้มซีอิ้วมะนาว โดยกินกับข้าวต้มหรือข้าวสวยตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย
นำข้าวขาวมา 1 ส่วนต่อน้ำ 7 ส่วน แล้วต้มด้วยไฟปานกลาง (ถ้าไฟแรงจะเพิ่มฤทธิ์ร้อนค่ะ) และต้มพอสุก ห้ามต้มจนเปื่อย
หากใครที่กินตามสัดส่วนของข้าวกับน้ำแบบนี้แล้วยังมีภาวะร้อนเกินอยู่ ก็ให้เพิ่มน้ำลงไปอีก
แต่ถ้าหากใครกินตามนี้แล้ว ไม่มีภาวะร้อนเกินและไม่ค่อยอยู่ท้อง ก็สามารถปรับลดปริมาณน้ำต่อข้าวได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน (ซึ่งต้องสังเกตกันเอง)
และไม่ควรกินข้าวเปล่า ๆ ควรกินกับผักลวก หรือเห็ด หรือเต้าหู้แข็งนึ่งเสมอ ไม่งั้นจะเกิดภาวะร้อนเกินค่ะ
คุณหมอเตือนว่า เห็ด เต้าหู้ หรืออาหารกลุ่มโปรตีนและไขมันอื่น ๆ ไม่ควรเลือกกินในตอนเย็นเพราะเป็นอาหารที่ต้องใช้พลังงานย่อยมาก ทำให้ร่างกายซึ่งควรจะได้พักในช่วงเย็นกลับไม่ได้พัก และผลิตพลังงานความร้อนเิกินความจำเป็น ซึ่งจะเผาผลาญเซลล์ของเราในระยะยาว
ดังนั้น ไม่ควรกินหรือกินให้น้อยในตอนเย็นค่ะ
ทั้งนี้ ต้องวัดเอาจากสิ่งที่ร่างกายส่งสัญญาณบอกค่ะว่า ตอนนี้โล่ง โปร่ง สบายดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกินอะไร แต่ถ้าหากหิว ก็ให้หาผลไม้หรือผักฤทธิ์เย็นมาลวกหรือกินสด ๆ กับข้าวต้มเล็กน้อยก็ได้
เทคนิคการกินข้าวต้ม
เอาผักลวก เต้าหู้ลวกหรือนึ่งสุกจิ้มกับเกลือ ซีอิ้วผสมน้ำมะนาวหรือน้ำพริกรสไม่จัด "จุ่มเล็กน้อยพอให้รู้รส" ใส่ปากเคี้ยวแล้วกินข้าวต้มตาม 1-5 ช้อนโต๊ะต่อการจิ้ม 1 ครั้ง
ทำแบบนี้จะทำให้ร่างกายเราไม่ได้รับความเค็มเกินความต้องการของร่างกาย (ซึ่งรู้สึกคุณหมอบอกว่า วันวันนึงเราต้องการเกลือหรือความเค็มแค่ประมาณ 1 ช้อนชาเองมั้งคะ ต้องเปิดดูอีกที แต่ประมาณนี้ล่ะค่ะ) และห้ามเอาซีอิ้วราดในข้าวต้ม เพราะเราจะรู้ว่ามันจืดและจะเติมลงไปอีก
ใครสนใจ ก็หาซื้อหนังสือ "ความลับฟ้า" ของหมอเขียวได้ค่ะ SE-ED ก็มี (บีมไม่ได้ commission น้า แต่หนังสือเค้าดีจริง ๆ ควรเป็นหนังสือติดบ้านค่ะ สำหรับทุกคนในครอบครัว)
บีมเริ่มจับหลักได้แล้วค่ะว่า
- ร่างกายคนไม่เหมือนกัน จะเอาแบบสูตรเดียวกันหมดเลยไม่ได้
- แ่ต่ละคนต้องสังเกตว่า ตัวเองกินอะไร ขนาดไหนแล้วรู้สึก "โปร่ง โล่ง สบาย" ก็กินแบบนั้นจนกว่า่ร่างกายจะเข้าสู่สมดุล
- สมดุลของคนหนึ่งคน ในแต่ละช่วงเวลาหรือฤดูกาลก็จะเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นต้องหัดสังเกตตัวเองเสมอ ซึ่งถ้าหากคนเป็นสิว ทานสูตร 2 จนดีขึ้นแล้ว และในฤดูหนาว เกิดอาการของ "ภาวะเย็นเกิน" ขึ้นก็จะต้องเพิ่มอาหารฤทธิ์ร้อนเข้าไป
- อาหารทุกอย่่างที่ผ่านไฟจะสะสมฤทธิ์ร้อน ยิ่งอาหารผ่า่นกระบวนการก็จะยิ่งร้อนมาก ดังนั้น ผักฤทธิ์เย็นไม่ควรใช้ไฟแรงและไม่ควรต้มนาน ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากอาหารฤทธิ์ร้อน และหลักการนี้ใช้กับอาหารทุกอย่างเลย
- หากทานสูตร 2 ไม่หายหรือไม่ดีขึ้น ต้องทานสูตร 1 อย่างเคร่งครัดคือ ทานผักและผลไม้สดที่ไม่ผ่านกระบวนการปรุงใด ๆ เลย (คนยิ่งเป็นสิวหนัก ๆ ก็ควรจะเริ่มจากตรงนี้ก่อนเช่นกัน)
จำไว้นะคะ หลักการของการวัดว่ากินอะไรแล้วดี คือ ร่างกายและจิตใจรู้สึก "โปร่ง โล่ง สบาย"
หมอเขียวแนะนำเอาไว้เช่นนี้ค่ะ
หมอเขียวแนะนำเอาไว้เช่นนี้ค่ะ
หากว่าใครจำเป็นต้องกินเลี้ยง มีแต่อาหารฤทธิ์ร้อน ก็ไม่ต้องเครียดค่ะ ใช้ชีวิตปกติ พอมีเวลากลับมาดูแลตัวเอง ก็อาจจะถอนพิษด้วยสูตร 1 ไปเลยก็ได้ค่ะ
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะนำไปประยุกต์ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ความคิดเห็น