ไดอารี่ประจำวันที่ 29 สิงหาคม 52

วันนี้บีมมีสอนภาษาอังกฤษน้อง ๆ ตั้งแต่ช่วงเ้ช้าค่ะ จนถึงเย็นเลย ก็เลยยุ่ง ๆ หน่อย

แถมช่วงเย็น ๆ คุณยายก็ดูเหมือนอาการแย่ ๆ ด้วย

แต่พอช่วงนี้อยากจะมาหาความรู้เกี่ยวกับการล้างพิษสักหน่อย ว่ามันมีกระบวนการยังไงบ้าง เพราะบีมไม่ชอบทำอะไรแบบไม่มีเหตุผลน่ะค่ะ บีมอยากรู้ว่า ที่ทำ ๆ อยู่ทุกวันนี้ มันดีต่อเราอย่างไรบ้าง จะทำอะไรก็ต้องรู้จริง ๆจัง ๆ เนาะ จะได้เป็นผลดีกับตัวเราเอง

สิ่งที่ทำให้บีมเกิดคำถามก็คือว่า ทั้งตัวบีมนั้น ดีแบบยกเครื่อง แต่ว่า สิวตรงกราม ทำไมยังยุบไม่หมดสักที และเมื่อไหร่จะหมด รวมทั้ง บีมก็จะได้หาคำตอบที่อาจจะค้างคาอยู่ในใจของเพื่อน ๆ ที่อาจเริ่มทำตามสูตรที่บีมแนะนำ แต่ทำมั้ย ทำไม ยังไม่เห็นผลสักที

บีมไม่อยากให้เพื่อน ๆ นั้นหมดกำลังใจไปซะก่อน เพราะในใจบีมนั้น เชื่อแน่ว่า ยังไงธรรมชาติก็ต้องดีกว่าสารเคมีเสมอ

ยาทำให้ร่างกายคนเราอ่อนแอ ... ใคร ๆ ก็รู้ แต่ว่ายอมปิดตาหนึ่งข้างเพราะยังไงซะ มันก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่รวดเร็วมากกว่าการที่จะต้องมาเสียเวลานั่งปั่นผักทุกวัน

บีมมีปมในใจเกี่ยวกับเรื่อง ยา มาก ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องของตัวเองและครอบครัว
และไม่เคยเห็นใครสักคนที่กินยาแล้วสุขภาพจะดี

บีมเชื่อว่า ทุกอย่างจะมี "ความจริงแท้" อยู่ในนั้น

และนั่นคือสิ่งที่ พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสรู้ "ความจริงแท้" นั้นทั้งหมด

ไม่ยกเว้นแม้แต่ "การรักษาสุขภาพ"

ธรรมะไม่ใช่การสวดมนต์
แต่คือ "ทุกอย่าง" ในชีวิตประจำวัน

บีมไม่ใช่พวกมือถือสากปากถือศีีล
ถ้าอะไรที่ทำได้ ก็จะบอก ทำไม่ได้ก็ไม่พูด และก็ไม่ใช่แม่พระที่จ๊ะจ๋าใจดีได้ตลอดเวลา

แต่บีมก็พยายามที่จะยึดเอา "พระรัตนตรัย" เป็นที่พึ่งสูงสุดอยู่เสมอ

และการที่บีมได้มาเผยแพร่่สิ่งที่บีมรู้และเ้ข้าใจเกี่ยวกับสิว และการบำบัดด้วยธรรมชาตินี้ ก็เป็นความสุขทางใดอย่างมากอย่างหนึ่ง และจะยิ่งรู้สึกเข้าไปอีกถ้าหากว่า มีคนได้ทำตามนี้ แล้วอย่างน้อยก็มีสุขภาพดีขึ้นและจิตใจที่เบิกบานมีพลังมากกว่าเดิม

บีมพยายามจะเอาข้อมูลที่เป็นกลางที่กลั่นจากความเข้าใจของบีมมานำเสนอ

แต่ทั้งนี้ เพื่อน ๆ ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาว่า "ร่างกายของเราเหมาะสมกับวิธีนี้หรือไม่" "มันดีจริงหรือไม่"

บีมไม่ได้ขอว่าให้ต้องมาเชื่อกัน

บีมแค่อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองพิสูจน์อย่างจริงจัง หาความรู้เพิ่มเติมไปด้วย ทดลองทำจนกว่าจะเจอทางที่ใช่สำหรับตัวเอง

มาตรฐานการวัดว่ามันเหมาะกับเรามั้ยนั่นคือ ทำแ้ล้ว "สบายดี โปร่งดี โล่งดี"

แต่สำหรับการล้างพิษนั้น เนื่องจากเป็นกระบวนการเอาของเสียที่สะสมออกมา

มันก็จะต้องมีช่วงที่เพื่อน ๆ อาจรู้สึก ไม่สบายเนื้อตัว

เพื่อน ๆ ที่เป็นสิว บางครั้งก็อาจจะรู้สึกว่า สิวขึ้นรึเปล่า เป็นมากกว่าเดิมรึเปล่า

บีมไม่อยากให้เพื่อน ๆ หยุดอยู่แค่ว่า ทำแบบนี้แล้วสิวขึ้น... แต่น่าจะลองค้นหาสาเหตุว่า "มันขึ้นเพราะอะไร"

ลองสำรวจดูว่า ร่างกายทั้งหมด มีพลังงานชีวิตกลับคืนมาหรือไม่
หรือเรายังพร่องขั้นตอนไหนอยู่รึเปล่า

Seppo ได้กล่าวถึงปัจจัยที่จะต้องทำให้ครบในการจะรักษาสิวด้วยตัวเองให้หายดังนี้
  1. อาหาร
  2. การออกกำลัง
  3. การสัมผัสแสงแดด
  4. อารมณ์และความคิด
  5. อากาศ (บริสุทธ์ และการหายใจ)
  6. การนอนหลับ
ไม่มีอะไรสำคัญที่สุด ทุกปัจจัยสำคัญเท่ากันหมด

ให้คะแนนตัวเองจากคะแนนเต็ม 10 ในแต่ละ้ข้อ

แล้วดูว่า เพื่อน ๆ พร่องด้านใด ก็เติมให้ครบ

อย่างบีมเนี่ย บีมรู้ว่า บีมผ่านเรื่องอาหาร อารมณ์และความคิด อากาศ (เพราะอยู่ต่างจังหวัด) และการนอนหลับ (แต่ช่วงนี้เริ่มจะไม่ค่อยโอเคแล้วเพราะว่าต้องผลัดเวรกันในครอบครัวดูแลคุณยายรอบดึก แต่บีมก็ยังนอนหลับลึกและหลับดีอยู่ค่ะ)

แต่สิ่งที่ต้องปรับคือ การออกกำลัง และ เรื่องของการสัมผัสแสงแดด ซึ่งการไม่ค่อยได้ออกกำลัง จะทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดและน้ำเหลืองยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แม้จะกินอาหารเป๊ะ หรือกินที่ถือว่าถูกหลักมาก ๆ แต่ถ้าหาก เลือดมันไม่เดิน หรือเดินช้า พิษมันก็จะออกช้า ส่วนแสงแดดนี่ บีมจำไม่ได้แล้ว แต่เดี๋ยวจะสรุปมาใหม่ รู้แต่ว่า พออ่านแล้วว่าเราจำเป็นต้องให้ร่างกายโดนแดด ช่วงนี้ก็เลยอาบแดดอ่อน ๆ ทุกเช้าค่ะ

บีมยังไม่ได้ลงในรายละเอียดว่า จะต้องไปสัมผัสช่วงไหน แต่วัดเอาว่า ช่วงเช้าที่แดดสบาย ๆ น่าจะดี และแดดร่มลมตกก็น่าจะดี ก็วัดเอาว่า ร่างกายเราไม่ทนทุกข์ทรมานล่ะค่ะ เดี๋ยวต้องขอเวลาไปศึกษาอีกหน่อย ว่ามันมีการกำัหนดมั้ยว่าใครต้องตากแดดเมื่อไหร่ หรือช่วงไหน

และเรื่องออกกำลัง ตอนนี้ก็ไปซื้อรองเท้ามาแล้ว และก็จะเริ่มทำตั้งแต่พรุ่งนี้ไป

แต่ก่อนนี้ ตั้งแต่สมัยเรียนมา บีมออกกำลังตลอด แต่ว่าก็หาหมอสิวตลอด กินยาทายาตลอด อาหารก็ไม่มีประโยชน์ กินแบบแย่ ๆ เครียด ๆ เรียน ๆ จิตใจก็แย่ค่ะ

ดังนั้น ต่อให้ออกกำลังดีเด่นแค่ไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้สิวดีขึ้น
เพราะ เราทำไม่ครบ

บีมเลยไม่อยากให้เพื่อน ๆ หยุดวิธีธรรมชาิติบำบัดไปซะก่อน เพียงเพราะว่า "ทำไม่ครบ"

ค่อย ๆ ทำแต่ละอย่างไปทีละนิดค่ะ แต่ถ้าใครทำได้ทั้งหมดเลย ก็ขอยินดีด้วย

ไดอารี่วันนี้ขอจบด้วยรูปตั้งแต่เด็ก ๆ ของบีม มาจนถึงตอนนี้นะคะ เสียดายไม่มีรูปตอนมัธยม และตอนมหาลัย (ไม่ชอบถ่ายรูปค่ะ เพราะกลัวกล้อง และตอนมัธยมเค้าไม่มีแต่งหน้าหรอกค่ะ ก็ยิ่งไม่อยากให้ใครมาถ่ายรูป เลยไม่มีรูปเลย)

และเพื่อน ๆ จะรู้ว่า "อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ"

รูปตอนปี 2539 ค่ะ วันนั้นเป็นวันที่คล้าย ๆ กับวันอำลานักเรียน ป.6 ข้าง ๆ บีมเป็นน้องสาว (ซึ่งตอนนี้เธอสวยเปรี้ยวอย่างแรง :-) บีมก็เป็นเด็กดำ ๆ อ่ะค่ะ เพื่อน ๆ ก็ล้อมาตลอดว่า "ดำปากเป็ด" แต่ด้วยความที่เรามีความสามารถ ก็เลยไม่มีใครมาดูถูกเราค่ะ แถมมีแม่สนับสนุนให้ทำกิจกรรมเยอะแยะ เลยเป็นคนหนึ่งที่เด่นอยู่เหมือนกัน และเลยทำให้เราคิดว่า เราแพ้ใครไม่เป็น ด้วยค่ะ ก็เลยเกิดเป็นความเครียดเล็ก ๆ และก่อตัวใหญ่ขึ้นตอนเรียนสูงขึ้นไป

รูปนี้ถ่ายปี 2545 ค่ะ ตอนนั้นแต่งหน้าไม่เป็นหรอกค่ะ และก็หาหมอสิวอยู่ ก็จะเห็นว่า หน้าไม่มีสิวมากค่ะ แต่ขนาดหาหมอ สิวยังผุดมาได้ตรงแก้ม แสดงว่า ภายในนี้สุด ๆ และหน้าเกือบทั้งหมดจะขาวยกเว้นรอบปาก และคอลงมาก็ดำ ไม่ได้ชอบหาหมอหรอกค่ะ แต่ก็จำเป็น เพราะไม่รู้จะทำยังไง ผิวก็ไม่ละเอียดค่ะ ทั้ง ๆ ที่ก็พยายามสวยเหลือเกิน เอาโลชั่นมาสารพัดชนิด (แต่สู้น้องไม่ได้) มันก็ได้เท่านั้นแหละ ก็สงสัยตลอดนะคะว่า คนที่ผิวดี ๆ เค้าทำกันยังไงนะ (เบื่อตัวเองสุด ๆ)

รูปนี้ถ่ายวันสุดท้ายที่เรียนกับคุณครูเกาหลี ของห้องเรียนภาษาเกาหลีเมื่อเทอม 1 ปี 4 ค่ะ สนุกมาก ๆ ขอบอก คุณครูใจดีมาก (แถวนั่งคนแรกนับจากซ้ายเลยค่ะ) ส่วนบีมจะนั่งแถวกลางนับจากซ้ายมาคนที่สอง ตอนนั้นก็หาหมอสิวอยู่ ไม่หาไม่ได้ เพราะหน้าเราเยินจากตอนไปหาคลินิก (ขอไม่เอ่ยนาม) ตอนปี 2 นี่ปี 4 นะคะ เม็ดไขมันที่คางเพียบเลย ถามคุณหมอ คุณหมอก็ตอบไม่ได้ ใช้ยาอะไรก็ไม่หาย ก็ต้องทำใจค่ะ และจะเห็นว่า หน้าคล้ำดำแดด ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการถ่ายรูปตอนเช้าแท้ ๆ ซึ่งควรจะเด้ง เป็นผลจากหน้าเร็วต่อแดดจากการใช้ยาค่ะ หน้ามันและเหม็นยา แต่ไม่รู้จะทำัยังไง (อีกแล้ว)

นี่คือรูปถ่ายเช้าวันนี้ค่ะ บีมไม่ใช้กันแดดมาตั้งแต่ต้นปีแล้วมั้งคะ เพราะกลัวสิวขึ้น ตั้งแต่กลับมาจากมาเลเซีย ตั้งใจจะซื้อ Artistry แต่ตังค์ไม่เคยพอ เลยไ่ม่ได้ซื้อ ก็ช่างมันค่ะ ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ แต่ตั้งปฏิญาณว่า ไม่หาหมอแล้ว ไปหาเีดี๋ยวก็ต้องไปเรื่อย ๆ บีมมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในครัวเรือนนิดหน่อยค่ะ (จริง ๆ ก็ไม่หน่อย) จึงเป็นที่มาว่า "เราต้องรักษาสิวด้วยต้นทุนต่ำสุดแต่ประสิทธิภาพสูงสุด" ก็ด้วยความจนบีบบังคับด้วยแหละ อะอะ ถึงต้องเข้าหาธรรมชาติน่ะค่ะ เพราะมันถูกสุดแล้ว และยิ่งทำมันยิ่งดี

ที่เลือกรูปนี้มา ก็เพราะอยากให้เพื่อน ๆ สังเกตผิวตั้งแต่คอลงมา และแขนอีกนิดหน่อยค่ะ นั่นคือ ผิวที่บีมได้จากการกินสูตรธรรมชาติมาเรื่อย ๆ นี่ล่ะคือสิ่งที่ยั้งใจบีมไม่ให้กินพวกอาหารฤทธิ์ร้อน บีมไม่อยากบอกอันนี้ แต่เห็นว่ามีประโยชน์ก็จะบอก คือ ก่อนมากินสูตรนี้ (เริ่มเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน) บีมมีปัญหากลิ่นตัวตั้งแต่ ป.4 ไม่เคยแก้หายเลย แต่พอเริ่มกินสูตรนี้มา มันหายไปไหนไม่รู้ค่ะ หายไปเลย ประทับใจมาก ๆ รู้เลยว่า โห ร่างกายเราสะอาดแล้วหรือนี่ ไม่น่าเชื่อ เราอยู่กับมันมาตั้งแต่อายุ 11 ปีถึง 25 ปี มันมาหายเพราะผักสดกับผลไม้

ส่วนผมนั้นทำสีมาค่ะ และก็ไม่กล้าทำใหม่ (ทั้งที่ใจอยากนะ) เพราะไม่อยากให้สารเคมีซึมเข้าสู่ร่างกายเพิ่มอีก รอสิวหายก่อน ค่อยทำ (เราก็ยังสนุกกับชีวิตได้ค่ะ แค่ขอให้มันหายก่อน)

และผมบีมพึ่งยืดมา ยาวเร็วมาก ๆ ตอนนี้ออกมาเป็นผมงอแล้ว ก็คิดว่า ต่อไปก็คงจะไปดัดเอา แต่รอก่อน รอสิวหายก่อนเช่นกัน เพราะมันจะได้เข้ากับผมธรรมชาติเรามากกว่า เปลืองตังค์ค่ายืด ถ้าผมมันยาวเร็ว

และถ้า 90% ของร่างกายบีมดีได้ขนาดนี้ บีมก็เชื่อว่า ยังไงสิวบีมต้องหายแน่ ๆ

ซึ่งตอนนี้เพื่อน ๆ ก็เห็นว่า หน้าบีมไม่ใช้กันแดด ใช้สบู่ Soafty ก้อนละ 38 บาทแค่นั้น ถ้าไม่อยากแต่งหน้า ก็ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ถ้าอยากแต่งนิดหน่อย บีมก็แค่ลงแป้งฝุ่น (ที่เห็นในรูปก็แ่ค่แป้งฝุ่นค่ะ) ก็ปัดขนตานิดหน่อย เขียนคิ้วนิดหน่อย แต่ยังไม่ัปัดแก้ม เพราะไม่อยากให้สารคั่งค้างในผิวและในเลือดเพิ่มไปอีก

และบีมได้ไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "กระบวนการกำจัดของเสีย" จาก http://www.shesinrecovery.com/withdrawal/withdrawalindex.html จึงทำให้รู้ว่า มันต้องใช้เวลา และร่างกายจะค่อย ๆ ขับสารพิษนั้นออกมา และจาก เว็บนี้ ซึ่งผู้เขียนเป็นมะเร็งตับและลองการบำบัดด้วยธรรมชาติและการล้างพิษมามาก ก็บอกว่า ในช่วงดีท็อกซ์ อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย สิวขึ้น ฯลฯ ก็เป็นปกติ และอาจจะใช้เวลา 3 สัปดาห์ ตามที่บีมยกมาให้ดูนี่ค่ะ

อาการระหว่างล้างพิษ


อย่า ตกใจ ถ้ามีอาการเหล่านี้ เช่น ปวดศีรษะ มีเม็ดสิวขึ้น มีผื่นที่ผิวหนัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หงุดหงิด อ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยล้า ท้องอืด กลิ่นตัวและลมหายใจไม่สะอาด อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะร่างกายกำลังกำจัดของเสียต่างๆออกไป

อยู่ ปกติแล้วอาการจะเป็นราวๆ 3 สัปดาห์แล้วค่อยๆหายไป

บีมก็เลยถึงบางอ้อ...

ก็ขอให้ทุกคนอดทนกันนิดนึงนะคะ ยังไงธรรมชาติก็คือสิ่งวิเศษและดีที่สุด และขอให้เชื่อมั่นในร่างกายและจิตใจของเราว่าเป็นของขวัญจากฟากฟ้า และเราก็ควรตอบแทนเค้าด้วยการให้สิ่งดี ๆ กลับคืนไปค่ะ เพื่อเค้าจะตอบแทนเราด้วยการให้สุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีสุข เต็มเปี่ยมด้วยพลังงานในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ค่ะ

ฝันดีนะคะ

ความคิดเห็น