สิวฮอร์โมนแก้ได้ด้วยธรรมชาติบำบัดองค์รวม (PCOS)

ได้ฤกษ์เขียนซะทีนะคะกับหัวข้อ PCOS ที่บีมตั้งใจว่าจะเขียนให้เพื่อน ๆ อ่านมานานแสนนาน

ตอนแรกกะว่าจะทำต้นฉบับหนังสือเล่มใหม่ให้เสร็จและรวมเรื่องนี้ไปด้วยเลย แต่จากภารกิจที่มีอยู่ทุกวันนี้ เกรงว่ามันจะช้าไป เพราะบีมเข้าใจว่าความทุกข์ที่เกิดจากสิวนั้นเป็นอย่างไร บีมไม่อยากให้มันยืดเยื้อมากไปกว่านี้ค่ะ อยากให้เพื่อน ๆ เข้าใจมากขึ้น ๆ จะได้ควบคุมสิวได้ดีมากขึ้นนะคะ

PCOS คืออะไร
PCOS ย่อมาจาก Polycystic ovary syndrome หรือบางครั้งจะเรียกว่า PCOD ค่ะ D=Disease (ต่างกันแค่นี้เอง) เป็นอาการที่เกิดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ได้มาก ประมาณ 5-10% ของผู้หญิงทั้งหมด (http://pcos.insulitelabs.com/What-Causes-PCOS.php) หรือถ้านับอีกแบบหนึ่งก็จะพบว่า 1 ใน 10 ของผู้หญิงจะเป็นโรคนี้อยู่ค่ะ

แปลตรงตัวเลยก็คือ ความผิดปกติที่รังไข่ของผู้หญิงที่มีไข่มากกว่า 1 ใบโตขึ้นพร้อม ๆ กัน และไม่ยอมหลุดออกไป ดังในรูปนี้นะคะ


รูปบนจะเป็นรังไข่ที่ผลิตไข่ตามปกติ จะเห็นว่าในรอบประจำเดือนรอบหนึ่งนั้น จะมีไข่ที่ถูกผลิตขึ้นและพร้อมหลุดออกไปเพียง 1 ใบเท่านั้น (ถ้าตกมา 2 ใบก็อาจจะมีโอกาสได้ลูกแฝดค่ะ ^^)

ส่วนรูปล่างนั้นจะเป็นภาวะที่ไข่หลายใบเติบโตขึ้นแต่ไม่ยอมหลุดออกไปจากรังไข่ ทำให้รังไข่มีขนาดโตกว่าปกติเพราะมีถุงหลายใบอยู่ในนั้น

จึงเป็นโรคที่เรียกว่า "ถุงไข่หลายใบ" ค่ะ (บีมคิดคำเรียกเองค่ะ)






อาการที่พบโดยทั่วไปที่เป็นสัญญาณของ PCOS
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาห่างกันมาก มาถี่มาก หรือไม่มาเลย
  • ขนดก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงกลางอก ท้องน้อย หรือตามบริเวณต่าง ๆ เช่น แขน ขา ใบหน้า
  • มีสิวมาก
  • น้ำหนักเกินกว่าปกติหรืออ้วน
  • แผ่นปื้น ๆ หลังลำคอหรือส่วนต่าง ๆ (ความผิดปกติของเม็ดสี)
สาเหตุของ PCOS
ที่ผ่านมาและวันนี้ บีมได้อ่านข้อมูลเฉพาะของฟากตะวันตกนะคะ จริง ๆ แล้วอาการที่ว่านี้เกิดกับผู้หญิงทั่วโลกเลย แต่ว่าเอกสารและข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตนั้น เมื่อค้นด้วยคำว่า PCOS แล้วมักจะเป็นการบันทึกของฝรั่งมากกว่า ถ้ามีเวลาบีมจะพยายามค้นหาวิธีการอธิบายโรคนี้ด้วยศาสตร์ตะวันออกนะคะ (จีน อินเดีย ไทย)

ดังนั้น วันนี้จึงขอนำเสนอไปเพียงด้านตะวันตกด้านเดียวก่อนสำหรับสาเหตุของ PCOS

แต่ก่อนนี้ที่บีมเริ่มสนใจ PCOS ใหม่ ๆ (ประมาณ 2 ปีที่แล้ว) เป็นเพราะเจ้าอาการสิวนี่ล่ะค่ะ ที่เป็นเรื้อรังไม่ยอมหาย ก็คิดว่าเป็นที่ฮอร์โมน ก็ค้นต่อไปว่าวิธีแก้ฮอร์โมนไม่สมดุลจะทำยังไง แต่บีมตั้งใจว่าไม่กินยาคุมแน่นอน เพราะเคยกินแล้วอ้วน ^^ และคุณแม่ท่านเคยขู่เอาไว้ว่า กินแล้วเดี๋ยวเป็นหมัน มีลูกไม่ได้ บีมเองก็อยากมีลูกนะคะ เป็นฝันของผู้หญิงทุกคนล่ะ ก็ไม่คิดแตะยาคุมอีกค่ะ

แต่ก่อนนี้ (ที่บีมเริ่มรู้จักและสนใจอาการนี้) ทางการแพทย์มักบอกว่า "ไม่ทราบสาเหตุของโรค" การรักษาจึงทำไปตามอาการ เช่น การให้ฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุลให้เกิดการตกไข่ตามปกติ หรือการผ่าตัดเอาถุงซีสต์ออก

แต่ ณ วันนี้ ทางด้านฝรั่งเริ่มมีการใช้หลักฐานยืนยันว่า PCOS เกี่ยวข้องกับ "ภาวะดื้ออินซูลิน" แน่ ๆ ซึ่งภาวะนี้บีมเกริ่นเอาไว้ในบล็อกตั้งแต่ปีที่แล้ว (ตั้งแต่เริ่มเขียนเลยค่ะ) ว่ามันเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวโดยตรง และเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น หัวใจ มะเร็ง เบาหวาน (คุณ Seppo เรียกสิวว่าเป็นอาการเบาหวานบนหน้า ซึ่งก็ถูกของเค้า)

ซึ่งอินซูลินนี้เป็นฮอร์โมนที่สำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย และระบบฮอร์โมนนี้หากตัวใดตัวหนึ่งเปลี่ยนไป ย่อมส่งผลต่อฮอร์โมนทั้งระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่บีมเคยเขียนเอาไว้ใน "สาเหตุของสิวแบบเจาะลึก 1: ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งมากเกินไป" นั้นก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอินซูลินและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอื่น ๆ และทำให้เกิดสิวได้อย่างไร

ดังนั้น เป็นเหตุผลว่าทำไม หลายคนทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนแล้วสิวไม่หาย และยิ่งเป็นมากขึ้น เพราะนั่นไม่ใช่การแก้ที่ต้นเหตุค่ะ เป็นเหมือนการเอากุญแจมาไขล็อค ถ้าหากว่าล็อคนั้นเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศก็เป็นอันว่าหายและจบไป แต่จะแน่ใจได้อย่างไรคะว่า มันจะให้ผลลัพธ์ที่ถาวร

ดังนั้น เราไม่ควรเข้าใจคำว่าฮอร์โมนในมุมแคบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมนเพศหญิงหรือชายเท่านั้น เราควรเข้าใจใหม่ว่า

ฮอร์โมนคือ กระบวนการสื่อสารของร่างกาย ประหนึ่งเครือข่ายไร้สาย (Wireless) ที่มองไม่เห็นแต่มีตัวตนอยู่จริง ทำงานได้จริง และเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงถึงกันหมด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ฮอร์โมนของคนในยุคปัจจุบันแปรปรวนคือ วิถีชีวิต (lifestyle) ที่ไม่สมดุล

มีผู้เขียนบล็อกได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของเธอว่า ถูกวินิจฉัยว่าเป็น PCOS ตั้งแต่อายุ 19 ปี ไปหาหมอกี่ที่ก็ไม่หาย ไม่สามารถรักษาได้ถูกจุด จนเธอเคยหมดหวังว่าจะไม่สามารถมีลูกได้อีกตลอดชีวิต

แต่ในที่สุด เมื่อเธอค้นพบว่า มันเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต (อาหารที่เราทาน สภาพแวดล้อมที่เราอยู่ งานที่เราทำ สารพิษที่เรารับ ฯลฯ) เธอก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนอาหารการกินของเธอ และทุกอย่างเพื่อให้มีสุขภาพหรือภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

และเธอก็สามารถมีลูกได้ในที่สุดค่ะ

มันช่างตรงกับชีวิตของบีมเสียนี่กระไร ^^

แต่บีมไม่เคยไปหาหมอเพื่อเช็คว่าบีมเป็นโรคนี้นะคะ

รู้แต่ว่า ตั้งแต่บำบัดสิวมาด้วยการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันร่างกายขึ้นมาใหม่ และพยายามรักษาสมดุลร้อน - เย็นจนเป็นนิสัย ปรับนิสัยการนอน และปรับใจให้ไม่เครียด ไม่วิตก หัดหายใจใหม่ เคลื่อนไหวร่างกายให้ได้ทุกวัน วันละนิดละหน่อยก็ยังดี นอกจากสิวจะค่อย ๆ ดีขึ้นอยู่ในระดับที่เราไม่ทุกข์ร้อนและควบคุมได้ ก็ยังมีโอกาสมีลูกได้เช่นกันค่ะ

สรุปว่า นี่เป็นการต่อจิ๊กซอว์ของบีมอีกชิ้นเกี่ยวกับเรื่องสิว...ที่สัมพันธ์กับข้อมูลที่บีมเคยนำเสนอเอาไว้อย่างมาก

นั่นหมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องหาหยูกยาราคาแพง ๆ เพื่อมารักษาอาการ PCOS เพื่อหวังผลในการปรับฮอร์โมนและลดอาการสิว เพียงแค่เราทำชีวิตให้สมดุล ทานอาหารให้ถูกต้อง ทำใจให้สงบ ไม่มีอารมณ์ลบ ๆ สะสม (ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว) กิน นอน ขับถ่ายให้ถูกช่วงเวลาของมัน

ถ้าเป็นด้านอาหาร ชีวิตของเราในปัจจุบันนี้รับน้ำตาลและไขมันมากเกินไปค่ะจึงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมายตามมา ร่างกายจึงต้องขับออกมาในรูปแบบของสิวนี่แหละ หรือมะเร็ง

ด้านร่างกายไม่พอ ด้านจิตใจก็เหมือนกันค่ะ จิตที่สำคัญกว่ากายอีก สำคัญกว่ามาก แต่เราแค่มองไม่เห็น

บีมขอยืนยันว่าที่อาการสิวบีมดีขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับจิตใจให้เบิกบาน ไม่สะสมอารมณ์ลบ ไม่เครียด พยายามระบายของไม่ดี ๆ ออกไป เค้าเรียกว่าการ ดีท็อกซ์จิตใจ (ซึ่งคุณ Seppo ที่บรรลุเรื่องการบำบัดสิวแบบองค์รวมด้านกายภาพแล้ว ลงทุนไปเรียนการฝึกฝนทางจิตที่อินเดียโดยตรง และเค้าเชื่อว่า การได้ชำระล้างจิตใจมันทำให้สิวของเค้าหายไปอย่างถาวรอย่างแท้จริงค่ะ ซึ่งกระบวนการดีท็อกซ์ด้านจิตใจของเค้า เค้าบอกว่ามันจะเจ็บปวด เครียด ทรมานอยู่ 2-3 วันหรือมากกว่านี้ แล้วแต่คน หลังจากนั้นจะรู้สึกเบาสบายใจ กินอาหารอะไรที่อินเดียสิวก็ไม่ขึ้นค่ะ แต่บีมไม่ได้ติดตามเค้านานแล้ว แต่รู้สึกว่าเค้าจะออกหนังสือเกี่ยวกับการบำบัดสิวด้วยจิตไปแล้วอีกเล่มนะคะ ถ้ามีเวลาบีมคงจะได้มาอัพเดทเรื่องนี้กันอีกค่ะ)

ขอบคุณแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้






ความคิดเห็น