เป็นทุกข์เพราะสิว...พิจารณาบทสวดนี้ค่ะ

บีมจำบทสวดนี้ได้ขึ้นใจ แต่ว่า ได้ยินคำว่า "วะตะ" เป็น "อนันตะ" ก็เลยหาความหมายของบทสวดไม่ได้เสียที

"อนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปะชิตะวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข ฯ

สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีการเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป การระงับสังขารนั้นได้ เป็นเหตุให้มีสุข"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://in4cus.multiply.com/journal/item/7

บีมจำได้ตอนที่ได้ฟังบทสวดก่อนจะฌาปนกิจคุณยายเมื่อร้อยกว่าวันก่อนค่ะ

ขอบอกว่า "มันกินใจมาก"

เพราะบีมแปลในขณะที่พระท่านสวดและบรรยากาศด้วยค่ะ .... สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง....มีเกิดก็มีดับ...

ทั้งที่บีมเองเรียนภาษาบาลีมาตั้งน้านนานแล้วค่ะ ตอนประถมแค่นั้นเอง พอจะมีพื้น แต่ไม่มากเลย

แต่คงเป็นเพราะใจเรามีสมาธิ และสงบ มันเลยเข้าถึงแม้จะไม่เข้าใจบทสวดเต็ม ๆ ก็เถอะ

คุณยายของบีม เป็นตัวอย่างของสัจธรรมที่บีมเห็นชัดและทำให้ปลงได้ค่ะ

คุณยายเป็นคนสวยมาก ๆ รักสวยรักงาม ชอบซื้อของสวย ๆ งาม ๆ ชอบทำบุญ จิตใจดีมาก ๆ คือสวยทั้งนอกและใน

พอคุณยายป่วยเป็นต้นมา สังขารก็ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ จากที่เคยสวย ก็เป็นไม่สวย...
จากผิวที่เคยเต่งตึง ก็เป็นเหี่ยวย่น มีเลือดออกเป็นจ้ำ ๆ
จากขาที่เคยแข็งแรง กลับลีบเล็กเดินไม่ได้

สิ่งนี้...ไม่เที่ยง...

บีมเห็นทุกวัน ก็มองเห็นภาพตัวเองทุกวัน ว่าถ้าเราอายุมากไป ก็เป็นเช่นนี้แหละ
เราอาจจะสุขภาพดีกว่าคุณยายก็ได้ค่ะ แต่มันก็ต้องร่วงโรย
มันไม่เที่ยง...

จะเอาอะไรกับมันมาก แต่งให้พอดีก็พอ งามแบบพอดี ๆ ไม่มีโรค

สิวบนใบหน้าถือเป็นอาการผิดปกติของร่างกาย
เราีมีหน้าที่รักษามัน
แต่ไม่ต้อง "ปรุงแต่ง" ทุกข์ให้กับมัน

สิวก็คือสิว
ขึ้นมาเพราะมีเหตุ
จะดับไปก็เพราะเหตุเ่ช่นกัน

ที่เราทุกข์...เพราะ เรา "คิด"
เรา "จินตนาการ"
เรา "ปรุงแต่ง" ให้ตัวเองทุกข์

เวลาที่คนอื่นมาทัก
จิตเราก็ปรุงแต่งว่า "ทุกข์" ว่า สิวมันไม่ดี สิวมีแต่คนรังเกียจ

จริง ๆ แล้วเราจะไม่ทุกข์เลย ถ้าเรา "หยุดคิดไม่รับความคิดลบ ๆจากคนอื่นสักนิดหรือแม้แต่น้อย"

มันมีช่องว่างเล็ก ๆ ให้เราหยุด "เลือก" ว่าจะไปทาง "บวก" หรือ "ลบ" ค่ะ ลองสังเกตดู

แรกๆ จะทำยาก เพราะเราไม่เคยฝึก

ใครไม่เคยขับรถยนต์บนทางด่วน ครั้งแรก ๆ ก็กลัวว่าจะทำไม่ได้

พอทำได้สักครั้ง เดี๋ยวก็อยากทำอีก และมันจะคล่องเอง

การฝึกตัวเองให้คิดดีก็เหมือนกันค่ะ ต้อง "ฝึก" เพราะมันไม่ใช่พรสวรรค์ที่ติดตัวใครมา

ทุกคน "คิดบวกได้" ถ้าต้องการ

เข้าเรื่องคุณยายต่อนะคะ...

สังขารภายนอกนั้นไม่เที่ยง

คุณยายเคยสวยมาก...แต่ตอนป่วยไม่สวยแล้ว ใครก็ไม่อยากเข้าใกล้เวลาท่านมีของเสียออกมา เพราะไปห้องน้ำไม่ได้

แต่ตอนสวยๆ มีแต่คนห้อมล้อม

นั่นเป็นสัจธรรมค่ะ

แล้วเราจะไปยึดติดทำไม...

แค่ดูแลร่างกายให้ดีที่สุดตามหลักธรรมชาติ แล้วจะต้องทุกข์อะไรอีก

แต่รู้อะไรมั้ยคะ...จิตใจที่ดีงามของคุณยาย ความละเีมียดละไมของคุณยาย เ็ป็นที่ร่ำลือโดยทั่วไป

คุณยายเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ การศึกษาแค่ชั้น ป.4

แต่เพราะอะไรที่ทำให้งานศพคุณยายมีคนมามากพอ ๆ กับคุณตาที่มีบารมีมากในหมู่บ้านนี้ทั้งที่เราไม่ได้ทำบัตรเชิญ?

เพราะจิตใจที่ดีงามของคุณยายค่ะ

แม้แต่คนประสาทไม่ดี แขนขาเปลี้ย ยังแวะเวียนเข้ามาถามไถ่และช่วยงานศพเลย

งานศพของคุณยายเป็นไปอย่างเบาสบายค่ะ เหมือนท่านเจตนาให้เป็นเช่นนั้น

จิตใจที่อ่อนโยนที่พวกเราุรู้สึกได้ ทำให้พวกเราไม่รู้สึกว่างานศพนี้ "หนักและเครียด"

และในงานศพของคุณยาย ก็มีคุณยายท่านอื่นที่เคยไปถือศีลอยู่วัดกันมาสวดให้ 1 วัน

มีแ่ต่คนอนุโมทนา ขอให้ไปดี

.....

บีมจึงจะบอกว่า...คำที่พระท่านว่านั้นจริง

"หน้านอกบอกความงาม หน้าในบอกความดี หน้าที่บอกความสามารถ
หน้านอกแต่งให้พอดี หน้าในและหน้าที่แต่งให้มากๆ"

นั้นเป็นสัจธรรมค่ะ

คนเราต่อให้ตอนจะตายหรือตายไปแล้วสภาพย่ำแย่แค่ไหน สังขารเน่าเฟะเช่นไร

แต่ถ้าตอนมีชีวิตอยู่ทำอะไรให้คนจดจำ รักษาศีล ทำแต่ความดี

ตอนที่เค้าตายจากโลกนี้ไป ชื่อของเค้าจะมีแต่คนอนุโมทนาค่ะ

ดังนั้น สิวน่ะ อย่าไปเครียดกับมันมากค่ะ อย่าไปปรุงแต่งมาก อย่าไปสนคำคนมาก เพราะเราอาจจะตายก่อนสิวหายก็ได้นะ ดูแลไปเท่าที่เราจะพอทำได้

และทำ 3 ข้อนี้นะคะ ซึ่งบีมรับประกันว่า ถ้าคุณทำ 3 ข้อนี้ แม้หน้าจะมีสิว ชีวิตยังไงก็ไม่ตกอับค่ะ

1. กตัญญูต่อพ่อแม่
2. รักษาศีล 5
3. ทำเพื่อส่วนรวม

จริง ๆ แล้วนำมาจากอาจารย์ที่ดูอดีตชาติของคนได้ท่านหนึ่งค่ะ ออกทีวีล่ะ บีมจำได้ 2 ข้อแรก ข้อที่สามไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่าน่าจะใช่ ใครจำได้ก็อยากให้เอามาแบ่งปันกันจังค่ะ

และ 1 ปีที่ผ่านบีมได้พิสูจน์จนเห็นด้วยตัวเองแล้วว่า ทำ 3 ข้อนี้ ยังไงชีวิตก็ไม่ตกต่ำค่ะ

ชีวิตนี้ไม่ได้มีแค่สิวเป็นปัจจัยชี้วัดความสำเร็จหรอกค่ะ เื่ชื่อสิ ^^

ความคิดเห็น