วันที่ 3 ของการใช้บัวหิมะทั้งทาหน้าและดื่ม

เวลาผ่านไปเร็วนะคะ นี่ก็วันที่ 3 แล้ว

รู้สึกดีใจที่ได้น้องบัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตค่ะ (พูดซะเหมือนจะขอแต่งงาน)

ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ รายงานผลก่อนนะคะ

ผลที่เกิดกับร่างกาย

สิ่งที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนวันนี้ก็คือ การขับถ่ายค่ะ

จริง ๆ แล้วบีมเป็นคนไม่ค่อยมีปัญหาการขับถ่ายเลย มีแต่จะออกอยู่ท่าเดียว

เพราะแต่ก่อนนี้กินแต่ของรสจัดทั้งนั้นค่ะ กินแต่ละอย่างก็ทำร้ายตัวเองทั้งนั้น (โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์)

จะไปไหนก็ไม่ค่อยอยากไปเพราะท้องเสียอยู่นั่นแหละ

ท้องเสียนี่ไม่ดีนะคะ แสดงว่าระบบทางเดินอาหารเรามีปัญหาหรือเชื้อโรคมาก หรือร่างกายไม่รับอาหารที่กินเข้ามาเพราะคิดว่ามันเป็นพิษค่ะ

ก็เข้าใจมาตลอดว่าตัวเราไ่ม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย

แต่พอวันนี้ เข้าใจแล้วว่า "ท้องเสีย" กับ "ขับถ่ายดี" มันแตกต่างกัน

เมื่อวาน บีมถ่าย 4 ครั้ง วันนี้ ถ่ายไปแ้ล้ว 3 ครั้ง เช้า กลางวัน และเย็นค่ะ และคาดว่าจะมีรอบดึกหลังจากดื่มนมหมักไปอีกค่ะ

ซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่ใช่อาการท้องเสียแต่อย่างใด

เป็นสิ่งยืนยันว่า โมเลกุลในนมนั้นเปลี่ยนจริง ๆ และไม่ทำให้เกิดอาการแพ้เหมือนกับนมที่ยังไม่หมักค่ะ

บีมเลือกใช้นมไทยเดนมาร์ก (และมักจะกินจะใช้อะำไรที่มีคำว่า โครงการหลวง ในพระราชูปถัมถ์ ฯลฯ) เพราะคุณกานต์แนะนำ ซึ่งตอนแรกก็จะไม่ได้ผลมาก เพราะแพ้นมวัว ทานแล้วท้องเสียตลอด

นิดนึงนะคะ ขอเสริม ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว

ตอนอยู่มาเลย์ บีมใจร้อน อยากลองกินอะไรให้ร่างกายได้รับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ บีมก็เลยไปซื้อโยเกิร์ตในห้าง ที่เขียนว่ามีจุลินทรีย์นี้นั้น และยังมีรูปวาดลำไส้ด้วย ก็บอกว่า ช่วยเรื่องลำไส้และสุขภาพ

ก็ซื้อยี่ห้อนั้นมาแหละค่ะ

กินไป 3 ขวด บีมว่า บีมแพ้นะ สิวมันแดงและไม่ยุบ (อาจจะเพราะกินแป้งจากบะหมี่ด้วยค่ะ ตอนนี้กินทำร้ายตัวเองสุด ๆ แต่ก็ต้องยอม เพราะนาน ๆ มาที อิอิ)

และการขับถ่ายก็ไม่ได้แบบนี้ค่ะ

และยังได้ข้อมูลจากเว็บอื่น ๆ อีกว่า จุลินทรีย์ในนมในท้องตลาดมีค่อนข้างน้อยมาก ๆ คือ เราต้องกินหลายขวดมาก ๆ กว่าจะได้ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ และจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ก็ตายไประหว่างกระบวนการผลิตเรียบร้อยแล้วค่ะ

ตอนมาถึงเราก็เหลือกะจึ๋งนึง

นี่ก็เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ในฐานะผู้บริโภคให้รู้จักเปรียบเทียบคุณค่าของอาหารที่เราเลือกรับประทานค่ะ ซึ่งก็ต้องใช้วิจารณญาณกันด้วยนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่ว่ามีคำที่บอกว่าใส่สารที่มีประโยชน์ก็ถือว่ามีประโยชน์ เพราะเราต้องคำนึงด้วยว่า สารนั้นจะสลายไปเมื่อโดนอะไรบ้าง จะเปลี่ยนแปลงโมเลกุลมั้ยระหว่างที่ผ่านกระบวนการค่ะ เราก็ต้องคิดตรงนี้ด้วยค่ะ :-) ต้องติดอาวุธทางปัญญาให้กับตัวเอง จะได้มีของมีคุณภาพและดีต่อสุขภาพขายในตลาดเยอะ ๆ

ผลที่เกิดกับผิวหน้า

ไม่มีอาการคันสิวสักกะนิ้ดเดียวค่ะ

ผิวเรียบไปมาก

เหลือแต่อุดตันน้อย ๆ ตรงแก้ม ตรงกรามนิดหน่อย และเจ้าเม็ดใหญ่ที่เป็นผลจากฮอร์โมนก่อนรอบเดือนจะมาค่ะ และก็เหลือแค่รอย

รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวหน้าละเอียดมากขึ้นค่ะ

ไม่ทาแป้ง ก็ยังดูโอเค มั่นใจดี และไม่มีใครทักแล้วว่า "เป็นสิวแบบนี้ไป...(ทำนู่นนี่นั่น)...สิ" อิอิ

ตอนแรกบีมคิดว่าจะให้ถึงวันที่มันหายหมดก่อนค่อยมา post รูป

แต่คิดไปคิดมา ก็โพสต์เลยแล้วกัน เพราะ บีมอยากสร้างความเชื่อมั่นให้เพื่อน ๆ ว่า มันเป็นไปได้จริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่แต่งคำพูดขึ้นมา :) ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้

คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้นะคะ และรูปที่ถ่ายวันนี้ (2 ต.ค. 52) เป็นรูปหลังล้างหน้าได้ 20 นาที และยังไม่ทา ไม่ทำอะไรกับหน้าเลยค่ะ หน้าเปลือย ๆ เปล่า ๆ


24 ส.ค. 52
ตอนนั้นเริ่มทำแนวธรรมชาติบำบัดมาได้ 24 วันล่ะค่ะ จะเป็นสิวขึ้นไม่ค่อยหยุดตรงแนวกรามและข้างหู แบบเม็ดใหญ่ ๆ ที่หูน่ะค่ะ จะขึ้นมาเรื่อย ๆ ตรงกรามก็เหมือนกัน ส่วนตรงแก้ม จะเห็นว่ามันเริ่มมีสิวอุดตันขึ้นแล้ว ซึ่งแต่ก่อนนี้จะไม่เคยมีเลยค่ะ นี่คือ การถอนพิษนะคะ


2 ต.ค. 52
รูปนี้จะสังเกตว่า เหลือแต่รอยค่ะ เหลือรอยจริง ๆ ข้างหูบีมไม่มีขึ้นแบบนั้นแล้วค่ะ กรามก็ไม่มี เหลือแค่ 1-2 เม็ดมั้งคะ ตรงแก้ม ที่เห็นเป็นแนวนั้นขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือนก่อนค่ะ และมาแห้งเอาตอนปลายเดือนและไม่ขึ้นซ้ำจุดเดิม ส่วนจุดใหญ่ ๆ ตรงแก้ม คือ สิวรอบเดือนค่ะ ซึ่งกำลังฝ่ออยู่ (บีมพยายามไม่ไปทำอะไรมัน เพราะอยากทดสอบประสิทธิภาพบัวหิมะค่ะ)


2 ต.ค. 52
สภาพเหมือนกับอีกข้างหนึ่งค่ะ แต่ก่อนสิวขึ้นใกล้หู และกรามเรื่อย ๆ จากอุดตันเป็นอักเสบ ตอนนี้เหลือแต่อุดตันน้อย ๆ ตรงกรามและแก้ม และเหลือรอยตรงบริเวณที่เห็น

30 มิ.ย. 52

เอามาใ้ห้ดูกันอีกครั้งกับรูป before (บำบัดแนวธรรมชาติ)
โบ๊ะสุดฤทธิ์ตั้งแต่เช้าค่ะ เพราะไม่กล้าถ่ายรูปหน้าเปลือย กลัวดูตัวเองไม่ได้
แป้งผสมรองพื้นค่ะ กองกันซะ


2 ต.ค. 52

รูปด้านหน้าถ่ายแสงธรรมชาติค่ะ
ด้านหน้าเป็นด้านที่ไม่ค่อยมีปัญหาและฟื้นตัวเร็วกว่าด้านอื่นค่ะ จะมีก็สิวฮอร์โมนตรงหัวคิ้วค่ะ จมูกไม่ค่อยมีไขมันอุดตันแ้ล้ว เรียบเนียนขึ้นค่ะ

และไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่านะคะ รู้สึกว่าคิ้วสีเข้มขึ้นด้วย
ซึ่งในตามหลักดูโหงวเฮ้งของจีน (ที่เคยอ่านมา) บอกว่า คิ้วบ่งบอกถึงพลังของตับค่ะ
ซึ่งเพื่อน ๆ อาจจะไม่สังเกตเห็นนะคะ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น้อย แต่ในฐานะเจ้าของร่างกายที่ส่องมันอยู่ทุกวัน รู้สึกว่าไม่ต้องเขียนคิ้วก็ดูชัดขึ้นค่ะ

งั้นตับเราเริ่มแข็งแรงแล้วสิเนี่ย :)

แต่ตอนนี้บีมผอมไปหน่อยค่ะ เลยต้องอัพน้ำหนักด้วยการกินข้าวกล้องหุงกับถั่วเหลืองงอกทุกวัน
ปั่นถั่วเขียวงอกต้มดื่มเพิ่มเติมในช่วงท้องว่างเพิ่มจากผลไม้และน้ำปั่นค่ะ

ใครอยากลดความอ้วน วิธีนี้ได้ผลนะคะ

ยิงปืนครั้งเดียว ได้นกไม่รู้กี่สิบตัวค่ะ :)

ความคิดเห็น